ฉันเพียงอยากเขียนถึงคุณ เรื่องอะไรมากมายในสมอง ซึ่งเขียนออกมาเล่มหนาหนัก ทุกวันก็ยังไม่หมด มันหลั่งไหลราวทำนบกั้นน้ำพังทะลาย... http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=196 โปรดเถิดดวงใจ ทูล ทองใจ : : Key Cm โปรดเถิดดวงใจโปรดได้ฟังเพลง นี้ก่อน อย่าด่วนหลับนอนอย่าด่วนทอดถอน ฤทัย จำเสียงของพี่ ได้หรือเปล่า จำเพลงรักเก่า เราได้ไหม เคยฝากฝังไว้แนบในกลางใจนาง ดึกดื่นคืนนั้นเคยร่วมผูกพัน แน่นหนัก เคยฝากความรักว่าด้วยใจภักดิ์ ไม่จาง เสียงน้องออเซาะ ขอรักมั่น รำพึงเสียงสั่นเมื่อใกล้สาง ไม่อยากจากนาง ห่างรัก ที่เริ่มลอง แต่พออีกไม่นานนัก ความรักที่เคยหวานซึ้ง เปลี่ยนจากหนึ่งกลับกลายเป็นสอง ลืมรักลืมรส ลืมไปหมดที่เคยทดลอง อ้อมแขนที่เคยประคอง น้องอยู่ในอ้อมแขนใคร ดึกดื่นคืนนี้พี่คงเฝ้าคอย เหมือนก่อน มิได้หลับนอนเฝ้าแต่ทอดถอน ฤทัย พี่หลงบรรเลงเพลงรักเก่า ตัวเธอนั้นเล่าอยู่แห่งไหน ดูช่างโหดร้าย ให้เราเฝ้าคร่ำ ครวญ... ใครบางคนถามว่า ทำไมชีวิตเธอมันเศร้านักหรือ . ..ไม่..ไม่ใช่เลย ..ค่ะ ชีวิตช่วงที่น่ารักสัตย์ซื่อต่อกันมันมีมากมาย วันที่ได้รู้จัก เราใช้ใจสื่อกัน ... .ใครบางคนสวยงามราวภาพความฝัน ซื่อใสนัก.. .จนแทบหักกลางฝันวันที่บอกว่าฉันเป็นใคร... แต่ไม่เคยหยุดที่จะรอทัก.. . แล้วทักแบบไม่หยุดเพื่อจะเขียนกลอนให้ทุกบันทัด...เสียด้วย ภาพฝันของเธอพริ้วไหว ความรักเธอสั่นใจฉันถึงข้างใน ความซื่อใสของเธอผลักใจฉันร่วงกราว... เป็นภาวะใจกวีบริสุทธิ์จน ใครคนนี้ ต้องถอนหายใจยืนพิงฝาทีเดียว... .วันที่เธอ บอกไม่เคยรู้จักคำว่าความรัก...มาก่อนเลย ไม่เคยรักใคร ...ไม่รู้จักว่ารักมันเป็นอย่างไร...บอกเธอหน่อยสิ.... มันประชดประชันดีเหลือเกิน... แล้วเธอก็เขียนกลอนให้อีก. ..กลอนเธอสวย สลวย สัมผัสไพเราะทุกตัว มีคุณค่า ราวผ้าไหมนุ่ม . .เธอบรรยาย ถึงความเยือกเย็น ลำบากในการศึกษา จากบ้านแดนอีสาน สู่ ภูหนาวสูงแห่งเหนือนั้น.. สุดหัวใจเธอละไมละเมียด นุ่ม ฝันว่ากุมมือคุณแนบแอบลมหนาว เสื้อแจ๊คเก็ตเพียงตัวเดียวเรียวพริ้วพราว ใช้นานยาวจะห่มคุณ...อุ่นด้วยกัน วันที่เธอบรรยาย ว่าค่าเล่าเรียนไม่พอ..เธออาจต้องหยุดเรียนเพื่อไปทำงาน.....ฉันก็เจ็บปวดไปกับเธอ ฉันอยากกอดเธอไว้ อยากโอบล้อมเธอเบาๆอยากร้องไห้ไปกับเธอ เธอไม่ได้ร้องไห้.. บางครั้ง วันที่ฉันเครียดเรื่องร้าน เรื่องหุ้นส่วน เรื่องงานกลางวัน เรื่องอะไรจิปาถะ ฉันก็หมุนมือถือไปคุยกับเธอ...เสียงเธอเหน่อๆ อ่อนเบา ซื่อ..สมกับคนเรียนทางการปกครอง.. .เธอระมัดระวังตัวว่าคุยกับใครอยู่... เราต่างกันมากมายเธอย้ำเสมอ... ฉันพูดถึงความฝันที่จะพิมพ์หนังสือรวมเล่ม เล่าให้เธอฟัง ถึง การแปะกระดาษสาด้วยกลอนที่ฉันพิมพ์มาจากเครื่องเลเซอร์ที่ร้าน และ เจาะเอง เย็บเอง วันหนึ่งอาจจะแจกในงานศพตัวเองก็ได้ ฉันพูดกับเธออย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเท่าไหร่... .ฉันอยู่กับ เรื่องจิตวิญญาณ จน ซึมซับ ถึงลักษณาการ ผ่านมิติ เหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า ยามเปลี่ยนภาวะชีวิต.. ......... ..............มันคงเศร้าสำหร้บเธอ..สงสารเธอจัง แต่เธอก็อยากได้รวมเล่มของฉัน เธอบอก อยากได้จริงๆ ที่รักคุณบริสุทธิ์หัวใจใสเหลือล้ำ ทุกถ้อยคำคุณบอกเล่าเขลาไหมนั่น คนเราเกิดแล้วต้องตายกันสักวัน แต่กวีนิพนธ์ซึ่งคุณรำพัน...สวย..อ่อนเยาว์ กวีบางคน..ถามว่า ความทุกข์อะไรของฉันหนักหนาหรือ เขาจะช่วยได้ไหม ไม่ได้หรอก ฉันตอบอย่างสุภาพ นี่มันเรื่องเกี่ยวพันมาจาก ธุรกิจ จำนวนเงินมันมากมายมหาศาลสำหรับบางคน เพราะมันประกอบไปด้วย อสังหาริมทรัพย์ไม่ต่ำกว่าสามแห่ง ที่ติดพันกันอยู่...ตัวเลขมันมากมายเกินประมาณ เทียบกับระยะเวลาที่ผ่านไป... ....ไม่ เอ้อ..ไม่เครียดหรือ...? เธอถาม ด้วยความว้าวุ่น เธอบอกว่า เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเล็กไปถนัดใจเมื่อฟังเรื่องภาระของฉัน... เธอบอกว่า ที่บ่นตีโพย ตีพาย เรื่อง ขาดเงินขาดทอง นั้น หายไปเป็นปลิดทิ้ง เมื่อรู้เรื่องของฉัน...ซึ่งเทียบขนาดแล้ว เธอเป็นแค่จุลินทรีย์ ดอกไม้ดอกนี้พี่ให้ เด็ดทั้งใบทั้งก้านส่งให้เจ้า ฝากรักลมเหนือเผื่อจะเบา ขุดจิตใจเหงามาแบ่งปัน ถามนิดเถอะน่ะ เธอว่า ..**คุณอยู่ได้อย่างไร ในปัญหาขนาดหนักอย่างนี้** **อยู่ได้ เพราะได้เขียนกลอนไงล่ะ ได้โยนตัวเองเข้าไปในโลกแห่งความฝัน อันสวยงาม สดชื่น. ..แล้ว ความทุกข์ก็ค่อย ลางเลือนไปทีละนิด..** ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนแกร่งปานคุณมาก่อนเลย...เธอครางเสียงแหบโปรย...... สวนดอกไม้แห่งบทกวีของฉันนั้น งามจรุงใจเหลือเกิน... เต็มไปด้วยสีสันเจิดจ้านานาชนิด... แต่สีสันอ่อนเบาหวิวไหวนั้น ไม่เคยมีใครทำได้เช่น เธอเลย ไม่ว่าเธอจะบรรยาย ด้วยตัวอักษร หรือ น้ำเสียงทางสายของเธอก็แล้วแต่ มันเป็นน้ำเสียง ลีลา และ ตัวอักษรที่จริงใจมาก...จนฉันอยากจะเดินจับมือ จูงมือเธอไปชมสวนดอกไม้ด้วยกัน. ..ไม่หรอก ฉันไม่มีวันทำเช่นนั้นในโลกจริง เธอยังมีสิทธิ์เต็มร้อยในโลกจริง แต่ในโลกฝัน บทกลอนเธอสวยหวานละลานตาเหลือเกิน..... ฝากลมพรมรักอักษรา ผ่านภูสูงเสียดฟ้า...ในคืนฝัน โอบกอดเธอไว้ในคืนวัน ห่มจิตใจนั้นให้คลายตรม **คุณไม่คิดจะมาอยู่ทางนี้บ้างหรือ..?** บางวันเธอก็ถามฉันมาเช่นนั้น.....เผือว่ามันจะทำให้ปัญหาคลายลง **คงไม่หรอก...ยังไม่เคยหนีปัญหา...เป็นหน้าที่จะต้องเผชิญมันทุกขั้นตอน....คุณเรียนกฎหมาย...คุณก็น่าจะทราบขั้นตอนของมันดี..มันก็แค่การฟ้องศาล ศาลก็ประทับรับฟ้อง เมื่อ เจรจาประนีประนอมยอมความได้ ...ชีวิตก็คืนสู่สิ่งเดิม ชีวิตอันด้านชาของฉัน มันเยือกเย็นอัศจรรย์จนขื่นขม มันชาชืดจืดจางร้างระทม มันเจ็บบ่มด้วยหมักหมมนานเกินการ ไม่เลย...ไม่เคยคิด ..ฆ่าตัวตาย ไม่มีทางจะตายง่ายง่าย...โปรดอย่าสงสาร เจ้ากรรมนายเวรแค่อยากทรมาณ เขาสะใจกับการดูฉันพัง ก็เธอหรือ...เคยหยิ่งทะนงแสนองอาจ ราวภาพวาด...แห่งหญิงสาว...ในมนต์ขลัง ยืนบริสุทธิ์...ผุดอยู่เหนือ..ความรัก...ชัง แต่ตกพลั้ง...เพราะใครบางคน...แค่สะใจ แล้วคุณจะทนอยู่อย่างนี้หรือ...? ราวนิ้วมือเธอผสานจนชิดใกล้ น้ำเสียงเธออ่อนเบาอย่างห่วงใย ไม่เหลือใคร...ไม่เหลืออะไร.....ไม่เหลือเลย.... ใครบางคนส่งมือมาให้ จูงฉันไปสู่แสงสว่าง...ทางเปิดเผย นั่งลงนะ....พักบ้าง...อย่างที่เคย... วางเถิดคนดี...วางให้หมดเลย....ที่ทุกข์ทรมาณ.... ทิกิ_tiki ...จารผ่านหน้าจอสมองกล คืนส่งรุ่งเช้า พระอาทิตย์ ๒๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗ คืนวันที่ฝัน..ละลาย...จุดเยือกแข็ง.... ๕:๒๕ นาฬิกา ฟ้ายังมืด......คุณอย่ามาทุกข์อะไรกับฉันเลย..ช่างมันเถิดนะคะ.. .....ฉันกระซิบบอกคุณในฝัน... ฉันเพียงรำพึงถึงคุณ...ในสางฝัน สู่งานเต็มบทที่ เรื่องสั้น http://www.thaipoem.com/web/scoopdata.php?id=2713
27 มิถุนายน 2547 06:27 น. - comment id 290422
พุด..ดีใจที่ได้อ่านงานงามบทนี้ก่อนใคร และ ที่พุดอยากพลีหยาดน้ำตาให้ค่ะ กับคนดีของทิกกี๊ และ นี้คือโลกฝัน..ที่แสนงดงามไงเล่าเจ้ายอดดวงใจ! แห่งผองเราในร่มรักเรือนไทยเรือนใจแห่งนี้ พุดปรีดาค่ะ ที่ได้รู้จักทุกคนนะที่นี่.. ด้วยน้ำตา..แห่งรัก
27 มิถุนายน 2547 06:45 น. - comment id 290423
ฉันยังคงหลงวัน หลงคืน....เฝ้าคอยอย่างมีความหวัง ว่าวันหนึ่ง คุณคงจะโผล่หน้ามาให้เห็น...แล้วก็พูดอะไรอย่างเรียบ เคร่งขรึม เป็นงานเป็นการมาอีก แล้วก็ส่งบทกวีมาให้อีก... มันช่างน่าขำ น่าเอ็นดูกับเธอเหลือเกิน เปล่า มันเป็นเช่นนั่นจริงๆ ที่ฉันอยากจะจูงมือ จับมือกับเธอ ก็เรามันคนไร้ค่าในโลกนี้ไม่ใช่เหรอ...
27 มิถุนายน 2547 06:57 น. - comment id 290424
ไม่เลยจ๊ะ ทิ๊กกี๊.. ทั้งสองดวงใจ..ไม่ไร้ค่าและแสนโชคดีนัก ที่ฟ้าดินบันดาลให้ได้มาพบมารู้จักัน มาแบ่งฝันปันน้ำใจที่ใสราวหยาดน้ำค้าง มาพร่างระรินรดให้แก่กันและกัน ได้ฝากคำปลอบประโลมใจ..และ ในนะวันหนึ่ง อาจจะได้สัมผัส อยู่ในหอมหวานอ้อมกอดแห่งรักงามบริสุทธิ์เหนือคำเนื้อหนัง เป็นหวังหวานและพลังงามรัก อันพิเศษพิสุทธิ์ ที่แสนยิ่งใหญ่ อย่างยากที่ใครจะเข้าใจ.. และทุก คนดี..ดวงใจ..ในฝัน สำหรับ พุด..แม้นไม่โชคดีเท่าทิ๊กกี๊ ที่ยังมีคนให้น้ำใจประโลม พุดก็ถือเป็นโชคแล้วค่ะ
27 มิถุนายน 2547 06:59 น. - comment id 290425
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=317 หากฉัน รู้ สักนิดว่าเธอรักฉัน บอกกันวันนั้นให้รู้สักหน่อย ว่าดวงใจ ที่ฉัน เฝ้าคอย คงไม่ เลื่อนลอย เป็นของ ใคร เพียงแต่กระซิบ ว่าสุดที่รัก ฉันก็จะมิอาจจากไป ใจเราสอง ชอกช้ำระกำใน คงไม่สลาย มลาย ลงพลัน หากฉัน รู้ สักนิดว่าเธอรักฉัน บอกกันวันนั้นให้รู้สักหน่อย ยอดดวงใจ ที่ฉัน เฝ้าคอย คงไม่ เลื่อน ลอย เป็นของ ใคร เพียงแต่กระซิบ ว่าสุดที่รัก ฉันก็จะมิอาจจากไป ใจเราสอง ชอกช้ำระกำใน คงไม่สลาย มลาย ลงพลัน หากฉัน รู้ สักนิดว่าเธอรักฉัน บอกกันวันนั้นว่ารักสักหน่อย ยอดดวงใจ ที่ฉัน เฝ้าคอย คงไม่ เลื่อน ลอย จากสุดที่รักเอย...
27 มิถุนายน 2547 09:11 น. - comment id 290439
เป็น..ความรู้สึก.. งดงามและ ..อบอุ่นมากเลยคะ.. ..แทน..ความรู้สึกของเรน..นะคะ.. คิดถึง..
27 มิถุนายน 2547 09:42 น. - comment id 290443
...ดีใจที่ได้อ่านงานที่ออกมาจากมุมหนึ่งของชีวิต(และจินตนาการ)ของนักกวีผู้นี้...
27 มิถุนายน 2547 10:48 น. - comment id 290466
....มาเป็นกำลังใจ กำลังใจในคุณลุ้นแล้วฮึก คุณนอนดึกคึกงานหว่านอักษร ละเลงคำลำเหลือเอื้อสุนทร แหวกวงจรพิสุทธิ์สลุดกลอน สายวารีรี่ไหลไปแห่งหน มิรู้ชนม์วิ่งวายฤาถ่ายถอน แต่ตราบใดฟ้าตรงคงทินกร จะราญรอนบ่เห็นเป็นความจริง อะไรมาแล้วไปดั่งสายนำ ไหลท่วมถำใช่ย้อนสู่ถิ่นสิงห์ ปล่อยความทุกข์หลุดหายวายประวิง ยิ้มหยิ่งหยิ่งซิ่งท้ากล้าเผชิญ ยอดเกินหญิงภูมิใจได้พูดจา เก่งเหลือคณาพาตนบนทางเหิน พจนพากย์กาพย์กลอนช่างเพลิดเพลิน เทพไม่เมินเทวาพาสู่ดี
27 มิถุนายน 2547 12:43 น. - comment id 290497
บทรำพึงตรึงตรารติหวาม คือนิยามความรู้สึกผลึกแน่น งามอารมณ์ห่มอาลัยใครมาดแม้น อยากข้ามแดนไปพินิจความคิดคน...
27 มิถุนายน 2547 12:46 น. - comment id 290501
พุดคะ ความฝันยามรุ่งสาง ก็คล้าย ฝันกับผีสางเทวดา ไปเรื่อยเปื่อย อย่าไปซีเรียสกับงานประพันธ์มากนะคะ ทิกิ เขียนแล้ว มีความสุขอบอุ่นใจถึงใครบางคน น่ารัก น่าเอ็นดุ ความสดใส บริสุทธิ์ของหัวใจอะไรในใจเราค่ะ ทิกิ_tiki
27 มิถุนายน 2547 12:48 น. - comment id 290502
เป็น..ความรู้สึก.. งดงามและ ..อบอุ่นมากเลยคะ.. ..แทน..ความรู้สึกของเรน..นะคะ.. คิดถึง.. จาก : รหัสสมาชิก : 3384 - rain.. รหัส - วัน เวลา : 294877 - 27 มิ.ย. 47 - 09:11 fดีค่ะ น้องเรน เราปล่อยใจให้ประพันธ์สิ่งงามใด้ในความทุกข์ ก็ถือเป็นสุนทรีย์ของชีวิตอย่างหนึ่งค่ะ
27 มิถุนายน 2547 12:51 น. - comment id 290504
ดีใจที่ได้อ่านงานที่ออกมาจากมุมหนึ่งของชีวิต(และจินตนาการ)ของนักกวีผู้นี้... จาก : รหัสสมาชิก : 7746 - ยโส รหัส - วัน เวลา : 294881 - 27 มิ.ย. 47 - 09:42 ดีค่ะ ที่ชื่นชม
27 มิถุนายน 2547 12:57 น. - comment id 290508
ยอดเกินหญิงภูมิใจได้พูดจา เก่งเหลือคณาพาตนบนทางเหิน พจนพากย์กาพย์กลอนช่างเพลิดเพลิน เทพไม่เมินเทวาพาสู่ดี จาก : รหัสสมาชิก : 7446 - อาภาภัส รหัส - วัน เวลา : 294904 - 27 มิ.ย. 47 - 10:48 คงจะหยิ่งกริ่งจะสู้บู้หนักหนัก ไม่กลัวจะเสียรักเพราะหยิ่งกว่า จีงเดินกลอนตอนคนหลับ...จับนัยน์ตา ให้คุณอาภาภัส...จัดเจนกลอน ขอบคุณมากนะคะ งานไพเราะมีความหมายด้วยค่ะ
27 มิถุนายน 2547 13:00 น. - comment id 290513
บทรำพึงตรึงตรารติหวาม คือนิยามความรู้สึกผลึกแน่น งามอารมณ์ห่มอาลัยใครมาดแม้น อยากข้ามแดนไปพินิจความคิดคน... จาก : suprapai รหัส - วัน เวลา : 294936 - 27 มิ.ย. 47 - 12:43 คือภาพฝันซ้อนโลกยามโศกเศร้า ก็จับเอาฝันเห็นเป็นอนุสนธิ์ แจงแจกการสื่อสารต้านเล่ห์กล อย่างคนจนเขาพูดกัน...มันซื่อตรง ความซื่อตรงจับใจค่ะ ขอบคุณค่ะ งานคุณไพเราะ และความหมายลึกซึ้งมากค่ะ คุณ suprapai คะ ใครสอนคุณเขียนกลอนหนอ อยากรู้จริง
27 มิถุนายน 2547 13:13 น. - comment id 290524
แวะมาชื่นชมค่ะ อยากแต่งกลอน แต่อตนนี้แต่งไม่ออกค่ะ เพราะคุณแต่งได้ไพเราะมาก
27 มิถุนายน 2547 13:35 น. - comment id 290536
บทร้อยกรองหน้าจอมอนิเตอร์ ยามอ่านเจอคราใดให้ชวนฝัน ทิกิ..วาดวจีกวีวรรณ ร่วมสร้างสรรค์เติมต่อคอนักกลอน
27 มิถุนายน 2547 13:40 น. - comment id 290539
ฉันเพียงรำพึงถึงคุณ...ในสางฝัน ๏ ภาพฝันของเธอพริ้วไหว ความรักเธอสั่นใจฉันถึงข้างใน ความซื่อใสของเธอผลักใจฉันร่วงกราว... ๚ ๏ สุดหัวใจเธอละไมละเมียด นุ่ม ฝันว่ากุมมือคุณแนบแอบลมหนาว เสื้อแจ๊คเก็ตเพียงตัวเดียวเรียวพริ้วพราว ใช้นานยาวจะห่มคุณ...อุ่นด้วยกัน ๚ ๏ ที่รักคุณบริสุทธิ์หัวใจใสเหลือล้ำ ทุกถ้อยคำคุณบอกเล่าเขลาไหมนั่น คนเราเกิดแล้วต้องตายกันสักวัน แต่กวีนิพนธ์ซึ่งคุณรำพัน...สวย..อ่อนเยาว์ ๚ ๏ ดอกไม้ดอกนี้พี่ให้ เด็ดทั้งใบทั้งก้านส่งให้เจ้า ฝากรักลมเหนือเผื่อจะเบา ขุดจิตใจเหงามาแบ่งปัน ๚ ๏ ฝากลมพรมรักอักษรา ผ่านภูสูงเสียดฟ้า...ในคืนฝัน โอบกอดเธอไว้ในคืนวัน ห่มจิตใจนั้นให้คลายตรม ๚ ๏ ชีวิตอันด้านชาของฉัน มันเยือกเย็นอัศจรรย์จนขื่นขม มันชาชืดจืดจางร้างระทม มันเจ็บบ่มด้วยหมักหมมนานเกินการ ๚ ๏ ไม่เลย...ไม่เคยคิด ..ฆ่าตัวตาย ไม่มีทางจะตายง่ายง่าย...โปรดอย่าสงสาร เจ้ากรรมนายเวรแค่อยากทรมาณ เขาสะใจกับการดูฉันพัง ๚ ๏ ก็เธอหรือ...เคยหยิ่งทะนงแสนองอาจ ราวภาพวาด...แห่งหญิงสาว...ในมนต์ขลัง ยืนบริสุทธิ์...ผุดอยู่เหนือ..ความรัก...ชัง แต่ตกพลั้ง...เพราะใครบางคน...แค่สะใจ ๚ ๏ แล้วคุณจะทนอยู่อย่างนี้หรือ...? ราวนิ้วมือเธอผสานจนชิดใกล้ น้ำเสียงเธออ่อนเบาอย่างห่วงใย ไม่เหลือใคร...ไม่เหลืออะไร.....ไม่เหลือเลย.... ๚ ๏ ใครบางคนส่งมือมาให้ จูงฉันไปสู่แสงสว่าง...ทางเปิดเผย นั่งลงนะ....พักบ้าง...อย่างที่เคย... วางเถิดคนดี...วางให้หมดเลย....ที่ทุกข์ทรมาณ...... ๚ะ๛- ทิกิ_tiki
27 มิถุนายน 2547 13:55 น. - comment id 290546
ขอบคุณค่ะ งานคุณไพเราะ และความหมายลึกซึ้งมากค่ะ คุณ suprapai คะ ใครสอนคุณเขียนกลอนหนอ อยากรู้จริง จาก : รหัสสมาชิก : 4895 - tiki รหัส - วัน เวลา : 294953 - 27 มิ.ย. 47 - 13:00 ขอบคุณที่ชมและชอบงานที่เขียน.. . ก็เพียงนักเรียนหัดเขียนกลอนนะครับ เอาสิ่งที่ เคยเรียนเคยอ่านมาเป็นแบบ เป็นหลักคิดหลักเขียน รูปแบบกลอนมีบ้าง แต่ไม่เคร่ง กลวิธีพยายามเน้นอารมณ์สะเทือน ให้รู้รสกวีให้ได้มากที่สุด ซึ่งยากนะที่จะฝ่าไปถึงขั้นนั้นได้ ต้องเป็นนายภาษาเลยทีเดียวคือว่าเรื่องใด ก็พลิ้วไหวงามไปได้หมดไม่ติดขัดมีจังหวะ เหมือนยินเสียงดนตรีรี่ไหลฉะนั้น.... สำคัญคือเอาความคิดความจริงใจประสานเข้าไปกับกลอนให้ได้ สื่อให้คนอ่านเห็นได้ง่ายยิ่งดี แล้วเกิดอารมณ์สะเทือนด้วย........ อย่างไร....ขอสารภาพ ว่ายังไม่สามารถปานที่ว่ามาเลย แม้เพียงกระผีกริ้น...ก็ได้แค่หัดทำให้ได้ดียิ่งขึ้นน่ะ... อีกอย่างนอกจากข้อจำกัดความรู้ความสามารถด้านนี้แล้ว เวลาภาระหน้าที่ก็สำคัญ งานที่ผ่านมาจึงอาจดูดาดๆไป ...เพราะทำในยามว่าง ช่วงสั้น ๆ เป็นการผ่อนคลายอารมณ์ส่วนใหญ่นะครับ..... อย่างไรก็ดีใจพอใจระดับหนึ่ง เพราะได้ระบายได้ทำได้ฝึกฟื้นตนในการเรียนรู้งานเขียน ยิ่งมีเพื่อน ๆมาอ่านมาแนะ...เป็นครูที่ดีเลยนะครับ สิ่งที่ว่ามาคือครูที่แท้จริงเลยครับ........*_*
27 มิถุนายน 2547 14:11 น. - comment id 290554
อ่านจนง่วง
27 มิถุนายน 2547 14:15 น. - comment id 290557
ตอบคุณsuprapai ก่อนเลยนะคะ ว่าเป็นความรู่ที่ดีมากค่ะ เทคนิค นี้เราก็ทำอยู่ แต่ไม่มีหลักเท่าใด เอาอารมณ์เป็นหลักนะคะ ส่วน งาน ที่ทำอยู่ ทำอะไรอยู่เล่าคะ สังเกตว่าไม่ค่อยว่างเป็นเวลาเท่าใดนะคะ คุณพัฒนางานก้าวกระโดด ดีค่ะ
27 มิถุนายน 2547 14:19 น. - comment id 290558
แวะมาชื่นชมค่ะ อยากแต่งกลอน แต่อตนนี้แต่งไม่ออกค่ะ เพราะคุณแต่งได้ไพเราะมาก จาก : รหัสสมาชิก : 8434 - ลอยไปในสายลม รหัส - วัน เวลา : 294964 - 27 มิ.ย. 47 - 13:13 คุณลอยไปในสายลม ได้ยกกลอนทั้งหมดวางรวมต่อกันให้ดูทางกลอน คั่นจังหวะด้วยกลอน 7 เป็นบางช่วงค่ะ ลองเขียนดูเรื่อยๆ เดี่ยวก็เก่งเองแหละค่ะ ขอให้ถือหลักไว้ให้ดีแล้วกันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
27 มิถุนายน 2547 14:24 น. - comment id 290560
บทร้อยกรองหน้าจอมอนิเตอร์ ยามอ่านเจอคราใดให้ชวนฝัน ทิกิ..วาดวจีกวีวรรณ ร่วมสร้างสรรค์เติมต่อคอนักกลอน จาก : ชูรส รหัส - วัน เวลา : 294977 - 27 มิ.ย. 47 - 13:35 คุณชูรสคะ อย่างพวกเรานี้เขามีศัพท์เรียกว่า พวก E anthology ..คะ ไปแปลเองแล้วกันนะคะ อิอิ...ขอบคุณที่มาเขียนชมบ่อยๆ ทิกิ ไม่มีอะไรตอบแทน ต้องแจกหมากฝรั่งมั่งดีไหมหนอ หรือไม่ก็น้ำขวด จะได้สลาย ฤทธิ์ ผงชูรส หน่อย อิอิ
27 มิถุนายน 2547 14:51 น. - comment id 290575
เฮ้อ !!!!!!!!!!!!! รักนี้...เป็นไฉนหนอ เดี๋ยวยิ้ม...เดี๋ยวเศร้า น่าฉงน เฮ้ออออออออออออ รักคืออะไรหนอ ?
27 มิถุนายน 2547 15:00 น. - comment id 290583
เต็มไปด้วยความล่องลอย ความเข้มแข็ง ความอ่อนหวาน ความดีงาม ... ดีใจที่ได้อ่านค่ะพี่ ไม่รู้จะคอมเม้นกลอนนี้ยังไง มันรู้สึกอยู่ข้างใน ... ข้างในนี้
27 มิถุนายน 2547 15:06 น. - comment id 290589
อ่านจนง่วง จาก : รหัสสมาชิก : 4068 - ฤกษ์ ชัยพฤกษ์ รหัส - วัน เวลา : 294995 - 27 มิ.ย. 47 - 14:11 อ่านะ แจกหมอน
27 มิถุนายน 2547 15:11 น. - comment id 290592
เฮ้อ !!!!!!!!!!!!! รักนี้...เป็นไฉนหนอ เดี๋ยวยิ้ม...เดี๋ยวเศร้า น่าฉงน เฮ้ออออออออออออ รักคืออะไรหนอ ? จาก : รหัสสมาชิก : 7555 - เมกกะ รหัส - วัน เวลา : 295016 - 27 มิ.ย. 47 - 14:51 ใช่เลยค่ะ ..รักก็เป็นเพียงอารมณ์ปรุงแต่ง ธรรมดาชนิดหนึ่ง เหมือน โกรธ เหมือนหลง ไม่มีอะไรเป็นสรณะหรือ เที่ยงแท้ _นิจจัง ไม่มีค่ะ คุณเมกกะคะ อารมณ์กวี ก็ มีเหตุผลในตัวมัน เพื่อให้เห็น tragedy ความเศร้าในชีวิต เป็นละครโรงหนึ่ง แต่เผอิญฉากรักชูโรง เลยไม่เห็นฉากเศรษฐกิจซบเซา เลยเหรอคะ คนเขียนบทไม่เอาไหนอีกแล้ว อิอิ
27 มิถุนายน 2547 15:14 น. - comment id 290598
เต็มไปด้วยความล่องลอย ความเข้มแข็ง ความอ่อนหวาน ความดีงาม ... ดีใจที่ได้อ่านค่ะพี่ ไม่รู้จะคอมเม้นกลอนนี้ยังไง มันรู้สึกอยู่ข้างใน ... ข้างในนี้ จาก : รหัสสมาชิก : 7116 - Completely รหัส - วัน เวลา : 295024 - 27 มิ.ย. 47 - 15:00 ความทรหด สู้ชีวิตค่ะ...สู้จนวินาทีสุดท้ายเลย
27 มิถุนายน 2547 17:13 น. - comment id 290630
มีคน...ให้รำพึงถึง ย่อมดีกว่าไม่มี... ว่างั้นมั้ยคะ :)
27 มิถุนายน 2547 22:47 น. - comment id 290753
ผมอ่านบทกวีแล้วไหวหวิว ราวกับว่าทิกิร้องไห้ในใจ ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรนะครับ จะรูปแบบไหนสุดท้ายก็บ่ายหน้าไปหาจบจบกันทั้งสิ้น วันนี้ผมเศร้านะครับ อาจจะดูปลงๆ
27 มิถุนายน 2547 23:08 น. - comment id 290766
มีคน...ให้รำพึงถึง ย่อมดีกว่าไม่มี... ว่างั้นมั้ยคะ :) จาก : รหัสสมาชิก : 7470 - วนัสนันท์ รหัส - วัน เวลา : 295072 - 27 มิ.ย. 47 - 17:13 มีให้รำพึงถึงอยู่เรื่อยๆ แต่ละท่านก็ล้วนคนดีมีความรู้ เขียนกลอนเก่ง เป็นกวี อันงดงามในหัวใจทุกคนเลยค่ะ รักกวีทุกคน ทิกิ_tiki
27 มิถุนายน 2547 23:32 น. - comment id 290778
ผมอ่านบทกวีแล้วไหวหวิว ราวกับว่าทิกิร้องไห้ในใจ ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรนะครับ จะรูปแบบไหนสุดท้ายก็บ่ายหน้าไปหาจบจบกันทั้งสิ้น วันนี้ผมเศร้านะครับ อาจจะดูปลงๆ จาก : รหัสสมาชิก : 4309 - ลำน้ำน่าน รหัส - วัน เวลา : 295212 - 27 มิ.ย. 47 - 22:47 ลำน้ำน่านคะ การแจกแจงให้ทุกคนเห็นว่าชีวิต คืออุปสรรคที่เราต้องก้าวข้าม ไม่ใช่วางมือยอมแพ้มันนั้น มันยากยิ่งกว่าการจะบอกว่าความรัก มันสวยงามไฉน บทกวีคือความจรรโลงใจให้ผู้คนดำเนินชีวิตไปอย่างสันติสุข บนความทุกข์ของโลก แต่ทิกิ_tiki จะเศร้า หรือปวดร้าวก็เพียงเรื่องวิถีการดำเนินชีวิตของเศรษฐกิจ เท่านั้นแหละค่ ส่วน การเกิดแก่เจ็บตาย นั้น ในการเรียนธรรมะแห่ง ปราชญ์เก่งๆแนวหน้าของประเทศ อย่างผุ้ล่วงลับไปแล้วเข่น ท่าน อาจารย์ พร รัตนสุวรรณ ท่านผู้รจนา บาลี จากภาษาพม่า ให้เป็น บาลีไทย และ ทำ การแปล อรรถพยัญชนะแห่งอภิธรรม สาย ลังกาพ่ม่า ที่ค่อนข้างบริบูรณ์ที่สุดในโลกนั้น ท่านสอนอบรมไว้ในงานเขียนท่านเสมอว่า กรรม หรือการกระทำ เป็นรากของทุกอย่าง เป็นเมล็ดพันธ์ของทุกอย่าง วิบาก คือ ผลไม้ อัน แทงหน่อขึ้นเป็นต้น เป็นลำต้น เป็นผลไม้เนื้อเยื่อลูกใหม่ให้เรากิน สังสารวัฏฏะเป็น นิรันตร์ ที่เราจะพบอย่างไม่สะทก สะท้านสะเทือน ไม่ใช่เรื่อง เศร้าสลด หดหู่ ไม่ใช่เรื่อง ปลง แบบ ไร้การต่อสู้ อย่างที่หลายคนเข้าใจ เช่น พุดว่าปลง แล้วเกิด โทสะผสมกับ โมหะ จริต คือ มืดบอด ฉุนเฉียว โกรธ
27 มิถุนายน 2547 23:39 น. - comment id 290781
ไม่เลย เสื้อผ้าเราทุกชุด เราตัดเอง เย็บเอง ปะเอง ย้อมเอง รอไว้ ทุกภพ ทุกชาติ การที่เราประคองใจประคองบุญ... นั่นคือ วิถีสายกลางแห่งพุทธธรรม ธรรม สายแค้มป์สน อยู่ที่แคมป์สนเพชรบูรณ์ไม่ใกล้ไม่ไกล ท่านนั่นแหละ สถานที่ซึ่งมี อนุสาวรีย์แห่ง พระนเรศวรมหาราช ตั้งตระหง่านอยู่ ธรรมะ สายพระพุทธองค์ ซึ่ง บริบูรณ์สมบูรณ์ที่สุดในประเทศพม่า และ ผู้ท่านแปล เช่น อาจารย์ พร รัตนสุวรรณ หนึ่งในผุ้แปลพระธรรมโอวาท สายนี้อย่างฉกาจฉกรรจ์ นั้นอยู่ใกล้คุณมากเลย คุณลำน้ำน่าน
27 มิถุนายน 2547 23:40 น. - comment id 290782
ท่านไม่เคยสอนให้ ท้อถอย หรือหยุดการ ต่อสู้กับความลำบากเลยค่ะ หนังสือของท่าน แม้ ล่วงลับไปแล้ว ผู้สืบทอดศาสนาแห่งพระพุทธองค์ อย่างบริบูรณ์ที่สุดนี้ ยังทำงานกันอยู่ ยังมีคน แปล พระบาลีวัจนะ ซึงยังแปลไม่เสร็จ จากสายพม่า นี้อยู่ ยังมีคน มีอารมณ์ดี มีความสุขในการทำงานทั้งในโลกนี้ และ โลกหน้า อย่างเข่น ท่านอาจารย์พร รัตนสุวรรณ และศิษย์ทั้งหลายของท่านอยู่ ทิกิ ยังได้รับหนังสือ สายท่าน อยู่ทุกเล่ม ยังได้อ่าน ได้เข้าใจ ได้เยือกเย็น ในการประคองตนอยู่ในบุญ แม้นจะรับวิบาก คือผลแห่งกรรมแต่ในชาติอันใกล้ ชาติอันไกล และ ชาติปัจจุบันนี้อยู่ทุกวัน แต่ก็ด้วยใจรืนเริงหรรษา ไม่ได้ทุกข์หนักประการใด
27 มิถุนายน 2547 23:48 น. - comment id 290783
ความเยือกเย็นนิรันดร์นี้ ทำให้มิตรภาพในสายกวีธรรม นี้ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหนของประเทศ เป็นความเข้าใจชีวิตอันเยือกเย็นไร้โทสะ ความร้อนรนแห่งวิบาก คือผลแห่งกรรมนั้น แทงเราตลอดทุกชาติ เผาเราตลอดทุกเมื่อ แต่ความเยือกเย็นแห่งสายกลาง สว่าง สงบ เป็นจุดยืนให้เราแช่มชื่นใจ ในความงามแห่ง ดวงแก้วแห่งใจทุกดวง เราคือ ผู้ปลอบโยนให้ตัวเราคลายทุกข์ เราก็ยังปลอบอยู่ด้วยการแสดงธรรมให้เห็นกันแหละว่า บนวิถีวิบากแห่งขีวิตเราอันหนักหน่วงกว่าที่พวกท่านทั้งหลายจะคาดคิด เรายืนเคียงพวกท่านมาบนความทุกข์ขนาดหนัก ด้วยการรินบทกวีใจ สวยบ้าง ดำบ้างขาวบ้าง สีสันสดใสนั้นบ้าง ก็เพื่อเป็นยารักษาใจเราให้ อยู่ในโลกอักษรอันสวยงาม ช่วย//**ย้ายใจ**อันนี้ ภาษา หลวงพ่อเสือ สายคุณดอกแก้ว น่ะแหละ ช่วย ย้ายใจเราจาก ทะเลโคลนตมแห่งวิบากกรรม อันสือใกล้ความล่มจมแห่งชีวิต มาสู ทะเลใจน้ำใส สดสวย อันกระเพื่อมเชื่อมใสมหานที อันงามพิสุทธิ์เบื้องหน้าเรา
27 มิถุนายน 2547 23:59 น. - comment id 290785
เราอยู่กับโลก ดูความเป็นไปแห่งโลก เยือกเย็นในบทกวีใจ อยู่กับโลก สดชื่นกับโลก เยิรยอโลก ไม่ใช่ถ่มน้ำลายรดโลก เราเขียนทุกวัน เยิรยอพระอาทิตย์พระจันทร์ อากาศบริสุทธิ์น้ำใส ดอกไม้สวยทุกวัน รอบข้างเราสดใสมาก แต่ วิบากของเราเองต่างหาก ประดุจน้ำร้อนรดกายใจเราให้เหี่ยวเฉา แต่หากเรารู้สายใจอันมั่นคงแน่แท้เรา เยือกเย็นแจ่มใสในกระแสธรรม รู้จักเขา รู้จักเรา ภาษาแม่ทัพจีนซุนวูวาไว้ นั้น เราก็รบชนะใจเราได้เสมอ เรารบกับตัวเองนะคุณลำน้ำน่าน เรารบชนะใจตัวเราเองค่ะ ให้เราสดชื่น แจ่มใสในโลกภาคทุกข์นั้นได้... อย่างที่ใครพบทิกิ แล้วก็เห็น แต่ใบหน้าแจ่มใสเบิกบาน ย้ม หัวเราะ ผิวพรรณแจ่มใส ตาเป็นประกาย จะมาหลงรักเอาง่ายๆเสียอีก นั่นมัน ผลแห่งบุญ แห่งเมตตาใจเรา ใจเรามันเมตตาคนแรกสุด คือ เมตตาตัวเองก่อน...ในวิบากผลทุกข์นั้นเราทำอะไร เราประคองตัวเราในบุญ โลก ของทุกวัย เขาก็ยังสวยใส กันทั้งน้น เราก็ยังสวยใส ไม่ได้แก่เหี่ยวย่น ไม่ได้ทุกข์ระทมตรมตรอมอย่างใครวาดภาพอะไรไปโน่น กรรมดีก็ทำไป วิบาก ดี ก็รับไปตลอด และ สร้าง วิบากดี รอไปตลอดอีก ส่วนวิบากไม่ดี ก็เหมือนก้อนกรวดมันโยนหาเรา เราก็รับมั่งไม่รับมั่ง....ช่างมัน เอากิโลวางไว้หน้าบ้าน มันตกโดนกิโลมั่ง ก็ให้มันหล่นไป
28 มิถุนายน 2547 00:09 น. - comment id 290788
ใครคุยกับทิกิ เราก็บอกอย่างนี้ ว่าโลกยังสวย สดใสอยู่...แต่ วิบากของแต่ละคนมี รับไป ฝึกเอากิโลไปตั้งรับไว้หน้าบ้านน่ะแหละ ส่วนเราอยู่ในบ้าน คือในใจเรา สงบไหม เยือกเย็นไหม เรา ก่อบุญไหม คำพูดเราเยือกเย็นให้ใจเราไหม หรือ อ่านแล้วเราร้อนเองไหม ... ความเย็นนี้มันเริ่มที่เรา ต้องเย็นแท้ อย่าเย้นเทียม อย่าไปว่าโลกนี้ ระทดระทม ทุกข์อะไรนั้น เด็กๆเขาจะต่อสู้ชีวิตไปอย่างไร หากเราไม่แขวนเสื้อภพใหม่ ก็สดใสให้ดุนี่ ? เมื่อไหร่ ก้เมื่อนั้น โลกจะอยุ่ จะแตกดับไปกี่โลก ไม่รู้กี่ล้านชาติ พระศรีอาริยเมตตรัย จะมา เราก็ต้อง เยือกเย็น ประคองธรรมกันไว้นะ สหายรักของข้าฯ เอ่ย มองเห็นแจ้งหรือยัง ...ท่านหน่อเนื้อพูทธางกูร..? ทิกิ จะร้องไห้ ไม่ร้องไห้ ก็ช่างมันปะไร ทิกิ จะหัวเราะมั่ง เศร้ามั่ง ก็ธรรมดาอีกแหละ เด็กมันจะร้องไห้ งอแง ก็เรื่องของมัน แต่ หนึ่งสองอาทิตย์เต็มที่ผ่านมา นี้ แจกแจงให้น้องบางคน เห็นว่า ชีวิตที่แย่กว่าชีวิตเขา น่ะ ยังมี พี่เองไงน้อง แย่กว่าพวกเอ็งเยอะ ภาษาว่าอย่างนี้ แต่ทำไม สู้จัง ทำไม ยิ้มได้ ไม่เดือดร้อน ก็ วิบาก ก็ส่วนวิบาก แต่ กรรมการกระทำเรา มัน สร้างกรรมดีตลอดนี่นา มันย้ายใจ ยกใจ เราขึ้นสู่ธรรมแห่งการให้ แห่งการโยนใจ เมตตา แห่งการ ช่วยเหลือผู้คนที่ทุกข์ใจให้คลายทุกข์นะคะ ลำนำน่าน ท่านแจ้งหรือยัง หนอ.... อย่ามาเราดึงเราไปอยู่วัดเชียว อยู่ที่ไหน ก็ปรับใจได้ ต่อให้อยู่กลางวงคอนเสิร์ท ก็ เอ้า.... ไหงทำหน้าอย่างนั้นเล่าท่านผู้เจริญธรรม ลำน้ำน่าน การไปหยุดตัวเองในน้ำแข็งกะในถ้ำน่ะมันทำให้เราลงจุดเยือกแข็งได้เพียงครู่ แต่โลกนี้มันยังเคลื่อนไหวอยู่ทุกขณะ...เราไหวทันมันหรือไม่เท่านั้นนะ ท่าน ด้วยรักในธรรม รักในเพื่อนธรรมอย่างท่านเหลือเกิน ทิกิ_tiki อันนี้จบจริงเสียทีแหละ
28 มิถุนายน 2547 00:33 น. - comment id 290797
http://music.kapook.com/newmusicstation/play.php?id=2434 ฝากเพลงให้ฟังสักหน่อยอีกรอบ ชื่อเพลง/Title : Pass the love forward (ส่งต่อความรัก) อัลบัม/Album : ศิลปิน/Artist : นภ พรชำนิ -------------------------------------------------------------------------------- เนื้อร้อง เพลงที่เธอกำลังได้ยินอยู่โปรดฟังดูให้ดี แล้วเมื่อไรที่พบใครเศร้าใจอยู่ฝากเพลงนี้ให้เค้าฟังสักที ให้เพลงๆนี้เป็นดังเหมือนกับตัวแทนจากใจของเรา ที่จะบอกเขาว่าความรักแท้ในโลกยังมี ให้เพลงพาใจของเราไปพบกับหัวใจของเค้าซักที ส่งต่อเพลงนี้ด้วยรักและรักให้คนทุกคน จะใกล้ชิดหรือห่างเพียงไหน ใจเราส่งถึงกันได้แค่เริ่มกับใครซักคน หนึ่งเป็นร้อยเป็นล้านขอแค่ใจเรายอมเริ่มต้น ไม่ว่าคนไหนคงต้องถึงซักที * ให้เพลงๆนี้เป็นเหมือนกับตัวแทนจากใจของเรา ที่จะบอกเค้าถึงความรักแท้ที่ในโลกนี้ยังมี ให้รักพาใจเขาไปพบกับใจของเราซักที ส่งต่อเพลงนี้ด้วยรักและรักให้คนทุกคน ** บอกรอยยิ้มให้คนที่พบเพื่อเป็นการเริ่มต้น ความรักที่ไม่รู้จบและจะส่งเรื่อยไปด้วยใจต่อใจตราบนานเท่านาน ให้ความรักนั้นสัมผัสใจไม่ว่าเมื่อไหร่จะส่งต่อไปแม้เวลาผ่าน ให้จักรวาลแห่งนี้มีแต่ความรัก (*,**)
28 มิถุนายน 2547 02:57 น. - comment id 290838
แวะมา^__________________________^
28 มิถุนายน 2547 03:17 น. - comment id 290841
so nice.....
28 มิถุนายน 2547 03:28 น. - comment id 290842
แวะมา^__________________________^ จาก : ..ยาสีฟัน.. รหัส - วัน เวลา : 295334 - 28 มิ.ย. 47 - 02:57 ขอบใจค่ะยาสีฟัน
28 มิถุนายน 2547 03:29 น. - comment id 290843
so nice..... จาก : yaya รหัส - วัน เวลา : 295337 - 28 มิ.ย. 47 - 03:17 ขอบคุณมากค่ะ ยายา
28 มิถุนายน 2547 03:34 น. - comment id 290844
http://music.kapook.com/newmusicstation/play.php?id=508 ชื่อเพลง/Title : แสงจันทร์ อัลบัม/Album : ศิลปิน/Artist : มาลีฮวนน่า -------------------------------------------------------------------------------- เนื้อร้อง แสงจันทร์กระจ่าง ส่องนำทางสัญจร คิดถึงนางฟ้าอรชร ป่านนี้นางนอนหลับแล้วหรือยัง แสงจันทร์นวลใหญ่ ข้าจ่อมจมอยู่ในภวังค์ เรไรเสียงไพรแว่วดัง ยิ่งฟังยิ่งเหงาจับใจ คิดถึง เดินทางกลางเถื่อนกลางหมู่เดือนและหมู่ดาว แหงนมองฟ้าดั่งมองหาเงา ของเยาวมาลย์อยู่ในสายลม ผู้ใดซ่อนเจ้า น้ำค้างเหน็บหนาวและขื่นขม น้ำตาหยด หยดทุกข์ระทม พร่างพรมอยู่ในสองตา หวั่นไหว * เอาใจและร่าง ออกมาวางเดิมพัน เดินทางไกลอยู่ใต้แสงจันทร์ คิดถึงทุกวัน คิดถึงทุกคืน คิดถึงคนรัก ชุบชูใจให้ตื่นฟื้น โอ้ฝันอยู่ทุกค่ำคืน ในคืนที่มีแสงจันทร์ อ่อนหวาน ** เอาความฝันใฝ่ สองเราไว้ที่ปลายฟ้า เดินทางผ่าน สายธารเวลา ขอให้ศรัทธา อย่าลืมลางเลือน รอแสงสว่าง อรุณรุ่งรางมาเยือน ฝากใจไว้กับแสงดาวเดือน ขอให้มาเยือนอยู่ในนิทรา (หลับฝัน) (*,**) ใครบางคนเมล์ส่งเพลงนี้มาให้ เมื่อเกือบห้าทุ่ม ขอบคุณมากค่ะ Sent : Sunday, June 27, 2004 10:45 PM To : nickmansl@hotmail.com
28 มิถุนายน 2547 11:42 น. - comment id 290925
.....แสงจันทร์เพลงนี้......กินใจกับความกังวลใจในชีวิตดีแท้ยามเดินทางกับความคิดแบบ คนด้ามขวานสยามแล้ว มันกินใจจริงๆ กับการกังวลและรำพันกับความคิดถึงที่เก็บความรู้สึกนึกคิดเอาไว้ในใจไม่ให้ ทุลักทุเลออกไปตะลอนอยู่กับบางสิ่ง........ ผมมีเพื่อนเป็นคนใต้เยอะทีเดียว พวกเขามักบอกว่า บทเพลงของมาลีฮวนน่าเป็นบทกวีที่สวยงามมาก ผมมักได้ยิน บ่อยๆและ รู้สึกชอบมันอย่ารงบอกไม่ถูก ทุกๆวันนี้ยังนั่งฟังเพลงนี้ก่อนออกจากบ้านไปเรียนหรือว่า ก่อนนอน อยากแนะนำให้ฟังเพลง ขอทานน้อยด้วยครับ.....ลึกซึ้งดีครับ แต่เสียดายที่ไม่มีเมโลดี้จะได้นำมาฝากกัน เพลงนี้เป็นพื้นบ้านดีแท้เชียว ชื่อเพลง/Title : ขอทานน้อย อัลบัม/Album : เพื่อนเพ ศิลปิน/Artist : มาลีฮวนน่า -------------------------------------------------------------------------------- เนื้อร้อง ( พูด ) ถึงยามห่าง จางรักไกล ถึงยามพรากจากรักไป หากน้องนั้นฟังอยู่เธอจงเข้าใจ หากน้องนั้นฟังอยู่โปรดเธอจง เห็นใจ มีได้ไหม จะร่ำ จะรวย ด้วยการขอทาน ถึงตัวห่างแต่ใจยังรักเธอ ถึงตัวห่างแต่ใจยังรักเธอ เพ้อเฝ้าเพ้อถึงเธอ คนดี ดวงชีวีพี่แทบมลาย หากน้องนั้นฟังอยู่เธอจงเข้าใจ หากน้องนั้นฟังอยู่โปรดเธอจงเข้าใจ แม้นชีพสลายพี่ยังรัก เธออยู่อยู่ไม่รู้คลาย มีได้ไหมจะหวลคืนกลับไปพบความช้ำใจ ทุกข์ยากไร้ปานยาจกส่งเสียงครวญ เสียงแว่วหวนให้ ชวนคืนกลับมาพบความช้ำใจ หากน้องนั้นฟังอยู่เธอจงเข้าใจ แม้นชีพสลายพี่ยังรักเธออยู่ อยู่ไม่รู้คลาย โลกช่างมืดมัว มองเหมือนตัวจัญไร โลกช่างมืดมัวมองเหมือนตัวจัญไร มีได้ไหมจะร่ำ จะรวยด้วยการขอทาน ขอสงสารให้ทานผมบ้าง ประทังชีวี แม้นชีพนี้ยังมีวันดับลาลับไป ขอเทพไท้ ช่วยมาคุ้มครองปกป้องผองภัย หากน้องนั้นฟังอยู่ เธอจงเข้าใจ หากน้องนั้นฟังอยู่โปรดเธอจงเข้าใจ แม้นชีพสลายพี่ยังรักเธออยู่ อยู่ไม่รู้คลาย รักและศรัทธาในความหวัง อีกหลายพลั้งพลาดผิดในทางชีวิต เก็บรอยต่อรอยทางเป็นกรรมลิขิต หรือจะเก็บความคิดเป็นเถ้าธุลีธาร จันทรามาสเพิ่งพุดพ้น โอ้ชีวิตไปตามกุศลที่สงสาร วัฐกรรมเวทนา โอ้วันวาร อีกกี่พาลเพลาฉันจะหลับไหล เอาชีวิตเป็นสิ่งเดิมพัน เดินเส้นทางมาดมุ่งเป็นจุดหมาย ทิพากรเบิกแล้วยัง บ่ วาย สิ้นสุดสิ้นหัวใจ ที่หมาย บ่ มี โอ้ ฝัน โอ้ ชะตาชีวาวาต จะให้สิ้นขาดวางวายในฉะนี้ ศรัทธาฉันจะสิ้นหยุดกันเพลาที เท่าที่แสงจันทราสนี้จะวางวาย...ในราตรี ขอแสดงความนับถือกับคุณคนที่ไม่โกหกและหลอกลวงตัวเอง ครับ เช่นกันครับ ชมชอบเป็นประมาณ......เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยว่างก็เลยอาสัยงานชาวบ้านเขาไปก่อน ขอบคุณครับ............... ปล. ครับเอ่อ...ไม่ทราบว่า ในงานของคุณเกี่ยวกับสุนทรภู่นั้น.....กรมพระราชวังหลังนี่เป็นใครครับ เกี่ยวข้องอย่างไรกับ รัชกาล ต้น และ กรมพระราชวังหลังบวรฯ มหาสุรสีหนาท อย่างไร ครับ จึงเรียนมาเพราะไม่รู้จริงๆครับ
28 มิถุนายน 2547 12:12 น. - comment id 290933
รักและศรัทธาในความหวัง อีกหลายพลั้งพลาดผิดในทางชีวิต เก็บรอยต่อรอยทางเป็นกรรมลิขิต หรือจะเก็บความคิดเป็นเถ้าธุลีธาร จันทรามาสเพิ่งพุดพ้น โอ้ชีวิตไปตามกุศลที่สงสาร วัฐกรรมเวทนา โอ้วันวาร อีกกี่พาลเพลาฉันจะหลับไหล เอาชีวิตเป็นสิ่งเดิมพัน เดินเส้นทางมาดมุ่งเป็นจุดหมาย ทิพากรเบิกแล้วยัง บ่ วาย สิ้นสุดสิ้นหัวใจ ที่หมาย บ่ มี โอ้ ฝัน โอ้ ชะตาชีวาวาต จะให้สิ้นขาดวางวายในฉะนี้ ศรัทธาฉันจะสิ้นหยุดกันเพลาที เท่าที่แสงจันทราสนี้จะวางวาย...ในราตรี ขอแสดงความนับถือกับคุณคนที่ไม่โกหกและหลอกลวงตัวเอง ครับ เช่นกันครับ ชมชอบเป็นประมาณ......เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยว่างก็เลยอาสัยงานชาวบ้านเขาไปก่อน ขอบคุณครับ............... ปล. ครับเอ่อ...ไม่ทราบว่า ในงานของคุณเกี่ยวกับสุนทรภู่นั้น.....กรมพระราชวังหลังนี่เป็นใครครับ เกี่ยวข้องอย่างไรกับ รัชกาล ต้น และ กรมพระราชวังหลังบวรฯ มหาสุรสีหนาท อย่างไร ครับ จึงเรียนมาเพราะไม่รู้จริงๆครับ จาก : เอกมาศ ครับ รหัส - วัน เวลา : 295423 - 28 มิ.ย. 47 - 11:42 ก่อนอื่นขอขอบคุณที่มาอ่านพร้อมส่งเพลงมาให้ดู แต่ตอนนี้ เข้ากระปุกไม่ได้ เลยยังไม่ได้ฟังนะคะ ส่วนเรื่องอื่น ขอวางไว้ก่อนเพราะกำลังแก้บทกลอนตัวเองที่ลงใหม่อยู่ค่ะ แล้วจะมาตอบนะ กลอนไพเราะมากค่ะ ทิกิ_tiki
28 มิถุนายน 2547 12:38 น. - comment id 290942
.....กรมพระราชวังหลังนี่เป็นใครครับ กรมพระราชวังหลัง นี้ คือ สมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ (ทองอิน) ซึ่งบิดาของสุนทรภู่ ท่านเคยเข้ารับราขการด้วยมีตำแหน่งเป็น .-ขุนศรีสังหาร เป็นนายทหารประจำป้อมปืน พระราชวัง บวรสถานพิมุข (วังหลัง) ปัจจุบันคือ บริเวณสถานีรถไฟธนบุรี กับ ร.พ. ศิริราช ต่อกัน บิดา ซึ่งมี ตำแหน่งเป็น ขุนศรีสังหาร นี้ นามเดิม ชื่อ พลับ เป็น ขาวบ้าน บ้านกร่ำ เมืองแกลง จังหวัดระยอง แต่แยกทางกับมารดา ของสุนทรภู่ เสียแต่เมือ่ สุนทรภู่ อายุได้ 2 ขวบ ก็เดินทางกลับไปอยู่เมืองแกลง ส่วนมารดานั้น นามเดิม ขื่อ ช้อย เป็น ขาวเมือง ฉะเชิงเทรา แต่เมื่อเลิกกับ บิดาสุนทรพู่นั้น ได้แต่งงานมีสามีใหม่ มีลูกสาวสองคน ชื่อ ฉิม กับ นิ่ม แล้วได้ไปเป็น พระนม ให้แก่ พระองค์เจ้าหญิง จงกล พระธิดาใน กรมพระราชวังหลัง สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ นี้ กับ พระมารดา เจ้าครอก ทองอยู่ ค่ะ มีประวัติยาวอยู่ใน นิตยสารสกุลไทย ซึ่ง คุณ สีฟ้าลดาวัลย์ หรือ คุณ จุลลดา ภักดีภูมินทรื ท่านประพันธ์ไว้ในนิยาย แต่ครั้งกรุงธนบุรี มาต้นรัตนโกสินทร์ บ่อยครั้งนะคะ ลองหาอ่านดุ เกี่ยวข้องอย่างไรกับ รัชกาล ต้น และ กรมพระราชวังหลังบวรฯ มหาสุรสีหนาท อย่างไร ครับ จึงเรียนมาเพราะไม่รู้จริงๆครับ ขอตอบเท่าที่ทราบ ความที่เขียนมานี้ เป็นข้อกระแสสันนิษฐาน แห่งหม่อมเจ้าจันทร์ จิรายุ รัชนี ( พ.ณ. ประมวลมารค) ซึ่งน่าเชื่อถือได้... เสริมรายละเอียดเพิ่มเติม จาก ที่สมเด็จกรมพระยาดำรง เคยบันทึกไว้ แนะนำให้ อ่าน ข้อเขียนงานประพันธ์ คุณ สีฟ้าลดาวัลย์ จุลดาภักดีภูมินทร์ ในนิตยสาร สกุลไทย ดีมากเชียว ระวังติดงอมแงมเหมือนคุณทิกิ_tiki กับที่บ้าน นี้ แล้วกัน อิอิ เตือนไว้ก่อน