ให้พระพายพรมหน้า ริมท่าน้ำ ร้อยลำนำนับเนืองประเทืองสาย หลอมเรื่องราว หลากหน้า ...ธาราราย พอเสพย์สายเส้นทางยากย่างยล ถ้อยอรรถาธิบายทางสายเก่า เคยผ่านเงาแหงนเงยพอเชยหน ก็ผ่านเลยหันลับไปกับกล เมื่อย้อนมนมาใหม่ยังใสยง แลสายฝนปรนสานละลานหลั่ง ซึ่งแยกหยั่งหยดพรม ภิรมย์ หลง กำเนิดจากฟากฟ้าก็ลาลง แล้วรวมตรงร่วมธารเป็น ลานพลบ เช่นนั้นเองนั่นหนาชีวาว่าย กระเสือกกระสันดั้นส่าย ไม่สร่างสบ สุดท้ายกานท์กลายดินก็ผินพบ ไต้มณฑปดอกหญ้า คือสามัญ รัตน์วิลาส วาดวนเกินค้นจับ ยังระดับยกสูง ระดับฝัน อีกนากนัก เปลือกหนาตราชีวัน วิถีบั่นเบียดแกนเพื่อแก่นลอย มือที่กำปานกงก็คงชัด เกิดระบัดบังบาน ละลานฝอย ลับเคียวใจเกี่ยวกวาดลานลาดลอย คงเด่นดอยเด่นแดนประดิษฐ์ดัง เจ้ามณฑปดอกหญ้าระย้าดอก ราวจะบอกบ้านนี้คือที่หวัง มีไออุ่นละมุนมอบทั่วขอบวัง พิรุณหลั่งร้อยธาร สำราญรอ
13 พฤษภาคม 2547 00:14 น. - comment id 266732
กลอนไพเราะและสวยงามมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ มาชื่นชมผลงานนะค่ะ เก่งจริง ๆ เลยค่ะ และราตรีสวัสดิ์ด้วยนะค่ะ หลับฝันดีนะค่ะ
13 พฤษภาคม 2547 00:40 น. - comment id 266741
เพราะมากเลยค่ะ อ่านแล้วเห็นสัจธรรมเลย
13 พฤษภาคม 2547 00:48 น. - comment id 266750
กลอนเพราะจัง พี่รัน
13 พฤษภาคม 2547 01:08 น. - comment id 266762
กลอนเพราะมากๆๆ...เลยกาบ มาทักทายกานนะกาบ
13 พฤษภาคม 2547 07:43 น. - comment id 266803
ณ ลานพลบ..ต่อบรรจบ. คือทำนบ.. ใสเย็น ..เห็น..น้ำไหล.. สายฝนหลั่ง ..เป็นสาย.. ให้เดียวดาย ..ฝนหลั่งริน... บทกวี ..คุณรัน ..(เรน..ขออนุญาตเรียก.. แบบนี้ นะคะ..) สื่อ ..ความหมาย..ได้ดีจังคะ.. เป็น ..ความอ่อนโยน ..ที่สัมผัสได้.. ..จากความ..รู้สึก ... แว๊ป!..
13 พฤษภาคม 2547 08:20 น. - comment id 266822
คุณ ธารา ณ รัน เขียนงานได้ดีมากค่ะ งานนี้
13 พฤษภาคม 2547 12:44 น. - comment id 266871
....ทั้งคม...และความ...งามเสมอนะคะพี่เรา ............................................................... ลี่...ผู้มาเยือน .
13 พฤษภาคม 2547 13:01 น. - comment id 266883
.....ถ้าสายฝนแต่ละหยดเสมือนชีวิตแต่ละคน วาระสุดท้ายคือละหานอันกว้างใหญ่ .....ถ้าปลายทางสุดท้ายที่เราจะหยุดย่างก้าว มณฑปดอกหญ้าพลิ้วไสวรอทุกท่านอยู่เสมอ .....ขอบคุณทุกท่านที่มาเยือน ...
13 พฤษภาคม 2547 13:22 น. - comment id 266896
อ่านแล้วอิ่มเอม..ครับ สายฝน สายน้ำ สายฝัน มณฑป วิหาร ศาลางาม ภาพสงบมากนิ
13 พฤษภาคม 2547 18:04 น. - comment id 267096
หากสายฝน คือคน ทุกชีวิต ก็น่าคิด ค่าคน อยู่หนไหน ก่อนรวมกัน ผืนดิน ถิ่นอำไพ ใจยิ่งใหญ่ ใครสร้าง ทางชีวา
15 พฤษภาคม 2547 15:22 น. - comment id 268308
ใครในนี้ซักคน แปลกลอนนี้ แก่คนเขลาเช่นผมได้ไหมครับ ผมชอบคำเหลือเกิน แต่ไม่เข้าใจความหมายเลยจริงๆ ----------------------------------------------- คุณจะด่าว่า อ้ายโง่ คนงั่ง ฯรฯ ฯลฯ ฯฬฯ ก็ยอมล่ะ เพื่อจะได้ฉลาดฉาดฉานขึ้นบ้าง ขอด้วยครับ จริงๆ ครูไหวก็ได้ ถ้าจะกรุณา
16 พฤษภาคม 2547 15:52 น. - comment id 268813
... ..เป็นกลอนที่แย่มาก....อภัยด้วยนะ ..ถ้าสายฝนแต่ละหยด คือแต่ละชีวิต..วาระสุดท้ายก็มารวมดังธารเดียวกัน..ตายนั่นละ ..ร่างกายคงฝังจนหญ้าขึ้นคลุม ออกดอกงามเลย แต่เดียวนี้ไม่ฝังแล้ว มันเปลือง...เผาเลย ..เพราะการที่เรากำเอากรรมไว้กระมัง...จึงไม่พ้นในวัฏฏะสังสาร ...พระธรรมล้ำเลิศเพียงใด ก็ไปไม่ถึงแก่น..อิอิ ... ว่าไปนั่น ...รู้แค่ว่า อีกไม่นานก็มีมณฑปดอกหญ้ารออยู่แค่นั้น .....คนเขียนยัง งง ๆ เลย ....อิอิ...เวรกรรม ...
16 พฤษภาคม 2547 16:56 น. - comment id 268874
อืม ผมโง่จริงๆ