ลมหลังวัดเฉียดฉิวหวิวหวิววูบ หัวใจสูบฉีดซ่านสรรพางค์สั่น เสียงโหยหวญครวญครางสะท้านจันทร์ สติพลันแตกจะเจิงจะจายไป ละอองหมอกกลอกกลบเกลี่ยไต้คบ น้ำค้างสบไต้มอดดับลับไสว ความมืดกลืนกินรอบกายเร็วไว น้ำตาไหลพร่างพร่างพรูกรูกรูกราว วี๊ดว้างวี๊ดเสียงกรีดกรายกระแทกโสต เสียงคนโจษเจื้อยแจ้วเสียงแมวหาว ปะปนเสียงขลุ่ยคลอเป็นครั้งคราว ยินแล้วหนาวจับใจไข้จับกาย สองเท้าพร้อมผั่บผั่บเท้าจับสั่น ตะลึงงันเงาคล้ายคนผันผาย หลังจ้องดูสักครู่เงากลับกลาย เป็นควันหายละลายลับไปกับลม
27 เมษายน 2547 18:22 น. - comment id 255498
ฟังน่ากลัวพอหัวใจให้นักภาพ อีกกลิ่นสาบกลิ่นสางจากข้างไหน ทั้งยินเสียงหวีดวี้ลี้ลัลบไกล มีชีวิตกลับมาได้นี้ยังมีบุญ ทิกิ_tiki
27 เมษายน 2547 20:02 น. - comment id 255579
ยังแว่วแว่วให้ยินพอหวูบไหว ยังหนาวตัวสั่นใจอยู่อย่างนี้ เมื่ออ่านกลอนของเธอนะคนดี แถมอีกที่ตลกดีชอบจริงเอย ใช้ภาษที่ทำเกิดเสียงสื่ออารมย์ดีมากๆเลยเก่งจัง
27 เมษายน 2547 21:58 น. - comment id 255686
หืมมม .. อ่านแล้วไม่อยากเดินผ่านวัดตอนค่ำเลย ค่ะ
28 เมษายน 2547 00:12 น. - comment id 255762
อ่านกลอนไปใจสั้นสะท้านจิต เรานี่ติดจะกลัวผีมาแต่ไหน มากระตุ้นในหัวอกแลจิตใจ ถ้าค่ำไหนจะไม่ไปอีกแล้วเรา. แก้วประเสริฐ. ว้า...อ่านแล้วยิ่งกลัวอยู่ยิ่งกลัวขึ้นอีกจ๊ะ
28 เมษายน 2547 15:03 น. - comment id 256088
หลอน เจงๆอ่ะ
28 เมษายน 2547 17:16 น. - comment id 256209
หลอนหลอก กลอกกลับ สลับเสียง สำเนียงกลอน แต่สรุปว่าหลอนได้แบบกวีจริง ๆๆ ครับ........