*คำเตือน - นี่เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น - จริงแล้วเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกได้มานานมาแล้ว เพราะครั้งหนึ่งมันเคยเกิดขึ้นกับตัวผมเอง...และตอนนี้ผมก็เห็นผู้คนจำนวนมากใช้คำว่า ดนตรี เรียกลัทธิที่พวกเขาได้ก่อตั้งขึ้น... ที่ผมอยากจะระบายออกมา เพราะว่าได้ยิน ได้ฟัง และได้เห็น เหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจเสมอๆว่า คนพวกนี้เค้าทำอะไรอยู่น่ะ? ...แล้ว คนพวกนี้ คือ คนพวกไหนล่ะครับ ...ผมตอบไม่ถูกครับ... แต่หากจะให้ยกตัวอย่างบทสนทนาของพวกเขามาให้ล่ะก็ พอไหวครับ อย่างเช่น guว่านะ ไอ้พวกวง boyband น่ะนะ mang โคตรงี่เง่าเลย wa สู้ HardCore ก็ไม่ได้...ดีกว่าตั้งเยอะ หรือ ไอ้ตี๋...ข้าว่านะ มือกีตาร์วงนี้น่ะ เก่งกว่าไอ้วงนั้นของแกอีก ...ฯลฯ แล้วหากคู่สนทนานเป็นประเภทใจไม่เย็นพอล่ะก็ อีกไม่นานก็จะเกิดการถกเถียงกันขึ้น จนอาจทะเลาะข้ามวันกันเลยก็ได้ ... ... ... ... ... ...และผมว่าสมัยนี้ คนเราไม่ฟังดนตรีกันที่ความเป็นดนตรีของมัน ไม่ฟังที่ความหมายของมัน (โอเค..ผมเข้าใจว่าทุกคนย่อมเลือกในสิ่งที่พึงพอใจ ,ตัวผมเองก็เลือกเหมือนกัน...แต่) ...พวกเราตั้งเงื่อนไข จำกัดวงความคิด จำกัดขอบเขตของประเภทของดนตรีที่รับฟังไว้ค่อนข้างแคบ พูดง่ายๆก็คือค่อนข้างยึดติดกับแนวดนตรีใดเพียงหนึ่งแนว หรือไม่กี่แนวเท่านั้น แล้วก็ปิดกั้นความคิดตัวเอง ปิดกั้นสิ่งที่ดีที่อาจจะได้รับจากศิลปะ ปิดกั้นสุนทรียเสียงที่อาจจะได้จากดนตรีที่เราไม่ค่อยชอบ หรือไม่ค่อยรู้จัก... ... เอ๊ะ แล้วมันไปหนักหัวใครล่ะ? ... เปล่าครับ...ไม่มีใครเดือดร้อนกับเรื่องนี้หรอกครับ แต่ผมว่าบางครั้งดูแล้วก็ขำน่ะครับ ...ที่เห็นเด็กๆที่เล่นดนตรีชื่นชมที่ตัวศิลปิน นั่งเถียงกับเพื่อนว่านักดนตรีที่ใครชอบจะเจ๋งกว่ากัน มากกว่าที่จะพยายามพัฒนาฝีมือเพื่อให้ได้อย่างคนที่เราชื่นชอบ... ศิลปินเหล่านั้นเขาไม่ได้มารับรู้หรอกครับว่าใครจะด่า จะชมเขา และต่อให้จะมีใครว่าเขาต่อหน้า เขาก็ไม่สนหรอกครับ เขามีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ ...ผิดกับพวกเราบางคนที่หน้าดำหน้าแดงเพื่อนั่งเถียงให้ศิลปินของเราเก่งที่สุด ...อย่างนี้เรียกโง่ไหมครับ? แล้วก็มีเหตุการณที่นักดนตรีญี่ปุ่น(สมมติว่าชื่อวง A)มาแสดงดนตรีที่ประเทศไทย ...วันที่มาถึงสนามบินที่คับคั่งไปด้วยแฟนเพลง ก็มีวัยรุ่นซึ่งเป็นแฟนของอีกวง(สมมติว่าชื่อวง B)มารับด้วยโดยใส่เสื้อที่มีลายวง Bมารับ ทำให้แฟนๆวงAไม่พอใจและเกิดความวุ่นวายเล็กน้อยเกิดขึ้น เรื่องแบบนี้มันเกี่ยวกับมารบาท เกี่ยวกับกาลเทศะ คนอื่นเขาทำไม่ถูกเดี๋ยวก็จะโดนตำหนิจากสังคมเอง เราเป็นคนมีการศึกษา ทำไมต้องใช้กำลังกันด้วย ?...อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๖ ทรงตรัสไว้ ผมจับใจความได้ว่า ผู้ใดที่ไม่มีดนตรีในจิตใจ เป็นคนชอบกลนัก (ขออภัยที่จำได้ไม่ชัดเจน) ...แต่ผมว่า หากใครผู้ใดมันเอาดนตรีมาเป็นลัทธิเช่นนี้ยิ่งชอบกลกว่าเป็นหมื่นเท่า ลองหันมาฟังดนตรีโดยรับรู้ถึงเสียงดนตรี อารมณ์และความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดออกมา กับเนื้อแท้ของเพลง ถ้อยคำหรือข้อความที่ผู้แต่งตั้งใจจะสื่อให้พวกเรา(หรือพวกคุณ) รับรู้มันอย่างงานศิลปะชิ้นหนึ่ง มากกว่าที่จะรับฟังแต่เพียงเมโลดี้ภายนอก แล้วผมรับรองได้ครับว่าคุณจะไม่มีวันทำตัวเป็นผู้พิพากษาว่างานดนตรีชิ้นไหน ดี หรือ เลว อย่างที่พวกคนโง่ คนป่าชอบทำกันเหมือนกับว่าพวกมันเก่งกันเหลือหลาย ...ในหัวคุณจะมีเพียงแต่ความรู้สึก ชอบ กับ ไม่ชอบ หรือ เฉยๆ และคุณก็อาจจะได้อะไรดีๆจากดนตรีไปมากกว่าที่คุณได้จากมันอยู่ทุกวันนี้ก็ได้ ... ... .. .
3 เมษายน 2547 01:01 น. - comment id 240611
กล้าคิดดีนิ
3 เมษายน 2547 04:05 น. - comment id 240632
ความคิดแบบนี้มีมานานแล้ว... ความหลากหลายในมุมมอง ..ทำให้สรรพสิ่งพัฒนาไป ใครไม่รู้สิว่าไว้น่ะ
3 เมษายน 2547 10:44 น. - comment id 240698
..พระราชนิพนธ์ของ ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖ อันชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ เขานั้นเหมาะคิดขบถอัปลักษณ์ ถืออุบายมุ่งร้ายฉมังนัก มโนหนักมืดมัวเหมือนราตรี.อีกดวงใจย่อมดำสกปรก ราวนรกชนเช่นกล่าวมานี่ ไม่ควรใครไว้ใจในโลกนี้ เจ้าจงฟังดนตรีเถิดชื่นใจ ในคำครวญหวนคิดจิตหลากหลาย ล้วนหญิงชายล้วนเผ่าพงศ์วงศ์วานไหน เรือชีวิตเรือเพลงร้องต่างตามใจ พอนานไปเพลงดีไหมใครรู้ตัว
3 เมษายน 2547 18:44 น. - comment id 240887
สิ่งทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาจะมีคุณค่าในตัวเองเสมอ *-*เขียนได้ดีค่ะ*-*
28 กรกฎาคม 2552 20:58 น. - comment id 414819
ขอบคุนมากค่ะที่บอกครูให้มาหา