อย่าหมิ่นฉันด้วยสายตา แม้นว่าไม่สงสารฉัน ฉันคือวิญญาณ-สามัญ มีเพียงความฝันแล้ง-ลม ย่ำเดินบนทางร้าง-เศร้า หัวใจโง่เขลาทับถม เป็นเยี่ยงเศษซากอาจม หยัดข่มความท้อภายใน ในสายตาท่าน-รูปรอยฉัน ดั่งซากปรักร้างอันมอดไหม้ สิ้นไร้แม้ค่าอันใด มิควรให้การจดจำ ฉันล้วนเข้าใจถ่องแท้ คือความผันแปรใช่ตอกย้ำ มิอาจโทษใดที่กระทำ ก้มหน้าบอบช้ำเดียวดาย หากแม้นท่านหมิ่นแคลนฉัน ก็ล้วนความผูกพันอันแหลกสลาย ในภาวะความแร้นแค้นทุรนทุราย ฉันยังหายใจอย่างคว้างลอย ................. เคยงดงามรูปรอยความใฝ่ฝัน เพียรปลุกปั้นสรรค์สร้างอย่างเงียบหงอย ทีละถ้อยร้อยวลีที่ทยอย เติมช่วงชั้นอันละน้อยค่อยงอกงาม สุดท้ายฉันพ่ายแพ้ ต่อความจริงแท้คนเย้ยหยาม ไร้สาระไร้ปัญญาว่าเสื่อทราม แม้ข้าวสารกรอกหม้อ-ชามยังไม่มี .................
2 กุมภาพันธ์ 2547 05:21 น. - comment id 210796
ใครหนอว่า นาวา เช่นนั่น ใครหนอ เย้ยหยันเหยียดหยาม แต่ที่เห็นใครคนนี้คอยแลตาม แล้วฝากความไว้บนกลอนดีย้อนคำ
3 กุมภาพันธ์ 2547 01:45 น. - comment id 211175
อย่าหมิ่นฉันด้วยสายตา หรือวาจาเลยคนดี เพราะฉันแค่แค่นี้ แค่นักกวีที่ธรรมดา *-*กลอนไพเราะมากเลยคะ จบได้ดีมากเลย แต่งเก่งจัง ชื่นชมในผลงานนะค่ะ*-*
26 กุมภาพันธ์ 2547 20:17 น. - comment id 222084
อาจมีบางสายตาเฝ้าเย้ยหยัน อีกถ้อยคำสารพันเขาทับถม ทำบอบช้ำทั้งกายใจให้จ่อมจม ทุรนทนกับคืนวันอันแพ้พ่าย ยังคือ คนที่เฝ้าศรัทธา ต่อก้าวย่างของเวลาไม่เลือนหาย ยังเป็นทุกสิ่งที่มีค่ามากมาย ต่อหัวใจ....หนึ่งดวง