หลากเรื่องราวคละเคล้าในชีวิต เทพลิขิตกำหนดตัวบทเกริ่น ผ่านความทุกข์รุกเร้าเศร้าเผชิญ บางครั้งเพลินสนานสนุกแสนสุขใจ มองรอบกายมากมายคนรุมล้อม มาขับกล่อมปรุงแต่งแสร้งเสริมใส่ แล้วดำเนินตามทางอย่างเป็นไป บทบาทให้เฉกมนุษย์พิสุทธิ์ชน ความเป็นจริง..โดดเดี่ยวเปลี่ยวใจคว้าง ท่ามโลกกว้างวุ่นวายคล้ายสับสน ไร้คำตอบความเป็นมาค่าแห่งตน ที่ปะปนสังคมโสมมเมือง จึงเร่ร่อนจรไกลหลายทิศถิ่น ได้ยลยินมากมายหลากหลายเรื่อง ล้านความรักหมื่นความแค้นแม้นคิดเคือง ก็ประเทืองความรู้ให้ดูตรอง เรื่องมากความ ความจากคน ปนเปทั่ว ก็เกลือกกลั้วผสมผสานการณ์ทั้งผอง ทั้งเปรื่องปราชญ์มาตรปัญญาว่าเนืองนอง หรือร่ำร้องโง่เขลาเต่าตุ่นเปรย ฤๅโลกหล้าเทวาขีดเขียนไว้ กำหนดให้เล่นตามบทความเผย ยากเหลือเกินที่จะคิดละเลย ทำเฉยเมยขัดขืนฝืนชะตา ให้ลี้ลับซับซ้อนซ่อนปมเขื่อง หลากรสเรื่องผจญหนทางข้าฯ ที่ประสบพบเห็นเช่นเคยมา แสนปวดปร่าหทัยไห้อาดูร จึงโดดเดี่ยวเดียวดายความหมายนี้ อยากหลบลี้บิดเบือนเสมือนสูญ ให้ละลายกลายธาตุอากาศมูล มิเพิ่มพูนพบเห็นเช่นดั่งใคร
30 มกราคม 2547 14:56 น. - comment id 209563
อิม.. พี่พุดเข้าใจอารมณ์นี้สุดสุดเลยค่ะ บางครั้งอยากหยุดหัวใจไม่อยากแม้จะรจนาฝัน เบื่อเรื่องราวมนุษย์มากอัศจรรย์พันลึก ยากหยั่งใจ.. เชื่อไหม..แม้นกับใครบางคนที่แสนรัก พี่พุดยังกำลังจะหักใจตัดใจไม่คิดไม่คบ เพราะสำหรับพี่พุด การหลบและอยู่ลำพังกับความดายเดียว เปลี่ยวเหงา เป็นอารมณ์พบสุขสงบเงียบงันในเศร้ายังไงไม่รุ แบบศิลปินเดี่ยวคงที่ไม่อยากข้องแวะข้องเกี่ยวกับใครมาก.. และเคยมีคนวิเคราะห์เจาะลึกถึงหัวใจพี่พุดว่า พวกชอบทำตัวให้เจ็บชอบทำร้ายตัวเอง พี่พุดคิด..เราทำร้ายตัวเองยังดีกว่าปล่อยให้คนอื่นมาทำเรานะ .. บอกอิมได้เลย..ไม่นานพี่พุดคงจะตัดใจจากโลกฝันได้ และขอใช้ชีวิตงามเงียบไม่จับปากกาเลย พี่พุดจะเฝ้าเพียงรอดูแอบดูความฝันขงอคนที่ยัง มีความอยาก..ได้..ให้คนอื่นชื่นชม สำหรับพี่พุด.. กำลังแค่เพียรสร้างพลังใจที่จะเดินจากไปช้าๆ และมิหันกลับมาอีกเลยตราบชั่วชีวิต ไม่นานจริงๆ..รีบรักพี่พุดกันหน่อยนะคะ ไม่ได้มาลานะเพื่อให้อาลัยอาวรณ์นะคะ พี่พุด.. แค่รอเวลาพร้อม..เพียงนั้น รักและรักน้องจริงใจ
30 มกราคม 2547 15:14 น. - comment id 209567
vอ้าวเจอคนอารมณ์เดียวกันเปี๊ยบ อีกแล้ว
30 มกราคม 2547 16:06 น. - comment id 209578
เดียวดายบนโลกกว้าง ช่างเคว้งคว้างกระไรนี่ เดี่ยวดายอยากหลบลี้ ไม่ให้เป็นขี้ปากใคร
30 มกราคม 2547 18:56 น. - comment id 209647
คนเรายิ่งอยู่สูงยิ่งหนาว หน้าที่ตำแหน่งก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ชิวิตเราต้องถูกโดดเดี่ยว ถ้าเราอยู่ที่สูง เช่นยอดเขา คนที่จะปีนป่ายมาหาเราก็ขึ้นไปยาก และพลาดพลั้งตกลงมาก็เจ็บหนัก ปางตาย เพราะคนจะทำได้อย่างนั้นมีไม่มาก และคนก็ไม่กล้าจะเข้ามาหา ยิ่งถ้าเป็นคนที่ชอบเอาแต่ใจตนเอง คนที่มาหา ก็มาด้วยความกลัวเกรง จึงย่อมมีแต่ถ้อยคำหวานหว่านมาหา เพื่อมาประจบประแจงพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจเรา แต่คนที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว จะมีพลังบางอย่าง พลักดัน ในความเงียบมักมีสมาธิ ทำให้ทำงานต่าง ๆ ได้สำเร็จอย่างง่ายดาย เช่น แต่งบทกลอนได้ไพเราะ ก็ถือว่าปมเด่น ในปมด้อย ถ้าไม่อยากโดดเดี่ยว เพียงเรายอมลดระดับลงมาบ้าง เช่นหางานอิสระส่วนตัวทำ เราจะละทิ้ง ตำแหน่ง หน้าที่ ลาภยศ ต่าง ๆ ที่เราเพียรสะสมมาอย่างลำบากยากเย็นได้หรือ? ตราบใดที่โลกนี้ยังเห็นว่าเงินเป็นพระเจ้า ผมว่าอย่างน้อยก็น่าจะหาคนที่รู้ใจไว้สักคน จะไม่ถูกโดดเดี่ยวจนเกินไป
30 มกราคม 2547 23:42 น. - comment id 209734
ในชีวิตนี้ผมคิดว่าเรามีเรื่องสองอย่างที่จะต้องเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ การทำงาน ภายใน กับการทำงานภายนอก หน้าที่ที่จะต้องดำรง และการรักษาจิตให้เป็นปกติ ถ้าเราทำได้ เราจะไม่รู้สึกว่า ทุกข์เลย แม้แต่น้อย ขอให้มีความสุขกับการทำหน้าที่นะครับ เมื่อถึงเวลาก็พร้อมที่จะสละ ไม่ว่าจะเป็นเงิน อำนาจ หรือชื่อเสียงเกียรติยศ เราจะต้องยอมรับว่า เมื่อถึงที่สุดแล้ว เราก็ต้องยอมปล่อยมือ เหลือแต่ผลดี ที่เราจะนำติดตัวไปเท่านั้น พระศาสดาไม่ได้สอนให้เราละ เลิก หรือหยุดเดิน แต่ท่านสอนให้เราเข้าใจในสิ่งต่างๆ ตามธรรมชาติของมัน ความสุขที่เกิดจากใจเราเอง โดยไม่ต้องพึ่งพิงวัตถุดอื่นไดเลยนั้น เป็นความสุขที่หาได้ง่ายและทำได้เดี่ยวนี้ ผมเชื่อเช่นนั้นครับ ทักทายนะครับพี่อิม นานแล้วไม่ได้เข้ามาเลย รู้สึกว่า เหงาๆ ไปนะครับ
31 มกราคม 2547 01:01 น. - comment id 209759
เห็นฟ้ามืดหม่นไปไร้จันทร์ทรา ร้องถามฟ้าไยบุหลันพลันสิ้นแสง ถามดวงดาวไยเลี่ยงหลบโรยแรง ครวญหาแสงจากฟ้าครามืดมน หรือเพ็ญภาสเหนื่อยล้าเพราะคลาไคล สัญจรไปในนภาเวหาหน พลันหมดสิ้นพลังใจในบัดดล ดุจดั่งคนทดท้อต่อชะตา หากเหนื่อยนักพักก่อนอย่าถอนตน ยังมีคนเฝ้าแลชะแง้หา เมื่อใดที่เรี่ยวแรงกลับคืนมา คงได้พบจันทราที่ฟ้าเดิม ทางอีกไกลใจคนเหงายังเฝ้าฟ้า หวังศศิประภามาสร้างเสริม หมายศรัทธาส่องแสงเพื่อแต่งเติม ให้ฮึกเหิมยืนหยัดไม่พลัดทาง อาจไม่สมอารมณ์หมายในบางครั้ง อุปสรรคอาจยังเข้าขัดขวาง ใจของจันทร์จึงหวั่นและเลือนลาง ทิ้งไปบ้างความเจ็บช้ำอย่าจำเลย จันทร์จงลอยล่องโพยมเป็นโคมฟ้า ส่องแสงสู่ผู้กล้าอย่าเพิกเฉย แม้นโดดเด่นเดียวดายอย่างที่เคย แต่คุณค่าเกินเอ่ยในราตรี
31 มกราคม 2547 01:10 น. - comment id 209761
........หากเหนื่อยนักพักก่อนอย่าถอนตน ยังมีคนเฝ้าแลชะแง้หา เมื่อใดที่เรี่ยวแรงกลับคืนมา คงได้พบจันทราที่ฟ้าเดิม ......
31 มกราคม 2547 01:11 น. - comment id 209762
คุณพุดพัดชา .. บางคราวอัลมิตรานั่งมองผู้คนที่สัญจรรอบกาย มองนาน..และนาน มีอะไรมากมายที่ต้องค้นหา .. และในขณะที่มีผู้คนรายล้อมมากเท่าใด ก็รู้สึกโดดเดี่ยวเป็นทวีคูณค่ะ คุณทิกิ ..:) ผู้เสมอระดับเดียวกัน ย่อมมีความรู้สึกคล้ายคลึงกัน คุณดินสอ .. ยากที่จะหลุดพ้นสิ่งเหล่านี้ ตราบใดที่เรายังอยู่ในสังคม คุณชัยชนะ .. อธิบายตัวตนของอัลมิตราได้เหมือนจังค่ะ และให้ไอเดียที่ดีนะคะ หาคนรู้ใจไว้สักคนเพื่อไม่ให้โดดเดี่ยวจนเกินไป .. บางทีเราเองยังไม่เข้าใจตนเองเลย ผู้ใดหนอจะรู้ใจ บุรุษแห่งธาร .. ความสุข คือ การปล่อยวางค่ะ เมื่อได้แบกถืออะไร ทุกอนูแห่งใจจะเป็นอิสระ และพ้นพันธนาการ .. ขอบคุณนะคะที่มาทักทาย ระลึกถึงเช่นกัน ค่ะ
31 มกราคม 2547 03:28 น. - comment id 209789
มาอ่านค่ะ
31 มกราคม 2547 04:23 น. - comment id 209817
โดดเดี่ยวเดียวดายคล้ายตัวฉัน ที่ต้องอยู่ทุกคืนวันฝันสลาย ไม่มีเขาไม่มีรักจักมลาย แม้จนตายก็อยู่เดียวแสนเปลี่ยวใจ *-*กลอนไพเราะมากเลยค่ะ ชอบค่ะชอบ*-*
31 มกราคม 2547 09:50 น. - comment id 209905
คุณทิกิ .. นอนดีกจัง ขอบคุณมากนะคะ คุณผู้หญิงไร้เงา .. ขอบคุณมากค่ะ
31 มกราคม 2547 14:02 น. - comment id 209976
มาทำให้บ้านเปรอะเปื้อน...ขอโทษนะคะ เขียนกลอนบทนี้เพราะมีแรงบันดาลใจจากคำว่า.. .... จะขอเป็นจันทร์งามยามราตรี สถิตที่กลางนภาเวหาหน ระยิบระยับวับวามตามใจตน ลิขิตกานท์จารสกลนิพนธ์ความ.... หากเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ลบกลอนนี้ทิ้งไปได้นะคะ
31 มกราคม 2547 20:21 น. - comment id 210144
พี่ดอกแก้ว .. ขอบคุณมากค่ะ กลอนที่พี่ดอกแก้วเขียนให้งดงามมาก .. อัลมิตราตั้งใจว่าจะมาตอบกลอนพี่ดอกแก้ววันนี้ค่ะ .. (วันก่อนเราคลาดกันไม่กี่นาที และ เมื่อวานงานยุ่งไปหน่อยเลยไม่ได้เขียนตอบ ขออภัยนะคะ) เป็นจันทร์ผ่องส่องสกาว ณ เวหน ราตรีดลจิตระรื่นชื่นใจหวาม ร่ายทำนองเรียงถ้อยร้อยเป็นความ ที่งดงามยังสกลนิพนธ์ใจ สถิตเพียงโดดเดี่ยว ณ นภา มวลดารารายล้อมหมายกล่อมใกล้ ระยิบระยับวับวามงามวิไล คลุมฟ้าให้จุนเจือเอื้อแสงพลาง หากนานวันจันทร์เสี้ยวเหมือนเลี้ยวลับ เคยประดับยามราตรีฤๅมีหมาง มิสาดแสงประกายทองส่องหนทาง ฟ้าอ้างว้างเดือนดับเหมือนลับตา ฤๅเหนื่อยอ่อนรอนแรมไปหนไหน จึงพักใจพักอกก่อนวกหา กลับมาเยือนงามเด่นเพ็ญนภา สาดแสงท้าเช่นเคยดั่งเปรยปอง รัตติกาลหมุนเวียนเปลี่ยนแปรผัน ประหนึ่งจันทร์กรายร่างทางสนอง มีขึ้น-แรม แซมสลับประทับปอง ตามครรลองธรรมชาติที่วาดแล จันทร์ดวงนี้มาบ้างที่โดดเดี่ยว หรุบแสงเสี้ยวบางคืนหมื่นกระแส หากมิเคยลาลับดับดวงแด ยังเผื่อแผ่อุ่นไอให้หมู่ชน จะขอเป็นจันทร์งามยามราตรี สถิตที่กลางนภาเวหาหน ระยิบระยับวับวามตามใจตน ลิขิตกานท์จารสกลนิพนธ์ความ.... ..งานของพี่ดอกแก้วงามมาเหลือเกิน อัลมิตราขออนุญาต นำไปขึ้นเป็นต้นกระทู้ ค่ะ ..
31 มกราคม 2547 20:55 น. - comment id 210163
น้องอัลมิตราคะ.... ครั้งแรกที่ได้อ่าน..เขียนอะไรถึงเพื่อน ... ที่น้องอัลมิตรา เขียนบอกเอาไว้....ไพเราะประทับใจมากค่ะ บ่งบอกถึงความเป็นผู้ที่มีเป้าหมาย เด็ดเดี่ยว เป็นตัวของตัวเอง มีความเชื่อมั่น และสุภาพอ่อนโยน หลายครั้งที่แวะมาอ่าน..สิ่งที่น้องอัลมิตราเขียนถึงเพื่อน....มีความรู้สึกดีๆเกิดขึ้นในใจเสมอค่ะ เมื่อคืนโพสท์อยู่หลายครั้ง และก็พิมพ์ผิดอยู่หลายที่ ...โดยเฉพาะ ...คำว่า จันทรา ..ในบรรทัดแรก และโดดเดี่ยวเดียวดาย ..ในบรรทัดสุดท้าย อย่างไรก็รบกวนช่วยแก้ไขให้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะน้องอัลมิตราที่ตอบกลอนของพี่อย่างไพเราะงดงาม ... :)
31 มกราคม 2547 23:36 น. - comment id 210244
ค่ะ พี่ดอกแก้ว จะแก้ให้ค่ะ ตอนแรกเห็นแต่คำว่าจันทราเขียนผิด เดี๋ยวจะไปแก้เพิ่มนะคะ พี่ดอกแก้วเป็นอย่างไรบ้างคะ .. หลังจากผ่าตัดแล้ว พี่ดอกแก้วต้องพักผ่อนแยะๆนะคะ รักษาสุขภาพด้วย ค่ะ