ทำไมฉันจึงยืนอยู่ที่นี่ ที่ไม่มีหรรษาพาสุขสันต์ แม้เหล่ามิตรสหายจะเมินกัน แต่ตัวฉันมาที่นี่เพื่ออะไร บทกวีมีทั้งพาหัวร่อ บทกวีมีข้อพาสดใส บทกวีพาเศร้าสลดใจ บทกวีพาใจให้ล่องลอย ใช่ความสุขที่ได้เฝ้าแต่คอยฝัน ใช่ตัวฉันหลงเฝ้าคลายเหงาหงอย ใช่กวีมีค่าดังเพชรพลอย แค่นิดหน่อย "รักกวี" เท่านั้นเอง
16 ตุลาคม 2544 01:59 น. - comment id 14965
สวรรค์ของกวีคือการได้ปลดปล่อยอิสระทางความคิดเป็นถ้อยคำที่เรียงร้อยออกมาเป็นบทกลอนไงคะ...ถึงแม้บางครั้งเราจะไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเพราะอะไรเราถึงเป็นแบบนี้แต่นั่นแหละคือ....อารมณ์ของกวีที่แท้จริงค่ะ
16 ตุลาคม 2544 06:50 น. - comment id 15009
น่ารักจัง...เพราะดีด้วย.....ขอให้รักการเป็นกวีตลอดไปนะ
16 ตุลาคม 2544 10:15 น. - comment id 15031
มันเป็นความสุขส่วนตัวจริงๆได้คิดได้เขียน มีเวลาเตลิดไปกับจินตนาการทางความคิดและแปรเปลี่ยนมาเป็นถ้อยคำและภาษาที่สวยงามน่าอ่าน และนี่คือเหตุผลที่แวะเวียนมาที่นี่บ่อยๆ เพราะที่นี่มีคนที่ชอบอะไรเหมือนๆกันเยอะ
16 ตุลาคม 2544 10:33 น. - comment id 15032
อืม เสี้ยวก็เหมือนกันนะ
16 ตุลาคม 2544 12:12 น. - comment id 15039
ที่นี่ไม่ไร้ซึ่งความรัก และมิตรภาพ... แต่บางครั้งมีบางคนทำให้ใจต้องเจ็บช้ำ ... แต่ก็ไม่อาจจากไปไหนได้ ... แค่หลบไปเลียแผลใจสักพัก ก็กลับมาใหม่ .... เขียนได้โดนใจผมอย่างจังครับ
22 ตุลาคม 2544 10:09 น. - comment id 15738
ไพเราะ มาก มาก ยามใดที่ท่านตวัด ปากกา ยามนั้นดั่งเพลา แห่งสววรค เสียงใดจะเพราะเท่า เสียงท่าน ยามนั้นคงเปรียบได้ ดั่งน้ำ เซาะทราย สาธุ