ตรากตรำย่ำเหยียบผืนแผ่นภพ เหตุประสบชะตากรรมชี้กำหนด แม้อาหารค่ำเช้าต้องทนอด มันคือกฏวัฏจักรโลกาชน เดินเตร็ดเตร่เร่ร่อนถิ่นสถาน แรมรอนลานบ้านร้างท่ามเม็ดฝน เปียกปอนปนเประริกรน เผชิญผจญแหวกว่ายชิงหนทาง ทางสายหนึ่งบดบังด้วยม่านหมอก ต่างปอกลอกถูไถเหลือแต่ก้าง หมอกหม่นหมองทางสายนั้นเลือนลาง แลตระหง่านหว่างภพจนไหนกัน ฟ้าฤๅดินมีหรือจะเข้าใจ ข่มขู่นัยความจนฅนคับขัน แจ่มแจ้มชัดจะเจนทุกวานวัน สาละวันพลันพลัดสุดเดียวดาย - -
9 ธันวาคม 2546 22:20 น. - comment id 189234
เร่ร่อน .. พเนจรรอนแรมแกมหม่นเศร้า .. ชอบนักกับคำนี้ เคยเป็นสมญานามอยู่นาน.. ทุกๆครั้งที่เห็นเด็กเร่ร่อน หรือ คนที่ไร้ที่พักพิง ต้องนอนคู้กายใต้สะพาน ยากจะสลัดความรู้สึกหดหู่ได้ ..
10 ธันวาคม 2546 12:18 น. - comment id 189339
เร่ร่อนคนจรหมอนหมิ่น กินดินติดทรายไม่วายหวัง แม้ร่อนเร่ชีพคงอยู่ยัง แม้เสี้ยวหวังพบทางสว่างใจ ความรู้สึกที่เคยมีเหมือนกันครับ
10 ธันวาคม 2546 18:00 น. - comment id 189485
เร่ร่อนรอนแรมแกมหม่นเศร้า ยังมีเราคอยหวงดวงสมร วันก่อนเก่าที่เราต้องจากจร ทำให้แรมรอนและเร่ร่อนลำพัง *-*กลอนความหมายดีนะค่ะ คิดถึงจังเลยจ๊ะ*-*
11 ธันวาคม 2546 01:56 น. - comment id 189663
:) มาช้าดีกว่าไม่มาอิ