ละครชีวิต @ยืนเป่าขลุ่ยใต้เงาจันทร์กลางไพรพฤกษ์ หวลระลึกความรู้สึกเมื่อปางหลัง ความสุขสมความทุกข์ถมรุมประดัง เป็นฉากดั่งดุจละครเมื่อย้อนดู ครั้งเมื่อมีความรักนั้นมันสุขจิต ฉากชีวิตพลันบรรเจิดเลิศงามหรู ครั้งเมื่อทุกข์รุมประดังมาพรั่งพรู ฉากเลิศหรูก็กลับกลายเป็นมืดมัว @เปรียบชีวิตเหมือนละครที่ฟ้าสร้าง ลิขิตทางกำหนดให้ไม่สับสน โรงละครแห่งชีวิตแต่ละคน อยู่วังวนพรหมลิขิตที่ขีดมา ไม่มีเสียงปรบมือให้เมื่อหรรษา ไร้น้ำตาเมื่อบทเศร้าเข้ามาหา ไร้รางวัลปลอบขวัญเมื่อเลิกรา ช่างไร้ค่าสำหรับคนที่ยลยิน @ตัวละครในชีวิตกลับติดบท ที่กำหนดบทบาทให้ไว้ทั้งสิ้น กลับทุ่มเทจิตวิญญานและชีวิน ไปทั้งสิ้นกับบทบาทที่วาดมา ขอให้เจ้าจงได้คิดดวงจิตข้า โลกมายาเป็นอย่างนี้อย่าถือสา เสียงขลุ่ยหยุดสุดสำเนียงเสียงคีตา ดวงใจข้า.เจียนจะหยุด.เมื่อสุดเพลง
5 ธันวาคม 2546 01:40 น. - comment id 187830
คนเราแต่ละคนย่อมมีละครชีวิตที่แตกต่างกันไป เขียนได้ดีทีเดียวครับ
5 ธันวาคม 2546 04:09 น. - comment id 187870
กลอนเพราะและมีความหมายดีค่ะ
5 ธันวาคม 2546 06:41 น. - comment id 187894
คนที่ชอบนึกเรื่องเก่าๆเนี่ยอ่ะ เค้าว่า แก่ อิอิ จริงป่าวน๊า...?!
5 ธันวาคม 2546 23:31 น. - comment id 188096
....ชีวิต ตัวตนเป็นผู้ลิขิตใช่ไหม? วาดบทบาทชีวิตร่ำไป แล้วอย่าลืมหัวใจตัวเอง.... ...นะ...คะ....
10 ธันวาคม 2546 10:56 น. - comment id 189311
โดนๆๆๆใจพุดค่ะ