ลมหนาวพราวห่มรัตติกาล พัดหมอกม่านเมฆมัวสลัว-ใส เวิ้งฟ้าเบิกนาฏกรรม อำไพ ละอองดาวน้อยใหญ่ระเริงระบำ วะวับวามตามจังหวะระลอกลม ระยับพรายคล้ายจะพรมให้ชื่นฉ่ำ ประดับฟ้าตรึงไว้ในรอยจำ สะท้อนใจไหวช้ำ หม่นอารมณ์ ก่อนปิดฉากนาฏกรรมอำลาลับ ก่อนซึมซับหยดหยาดอิ่มอาบฝน ก่อนเมฆหมอกระลอกผ่านจะซานซม กร่อนดวงใจทุรนจม เพียงธุลี ณ พร่างพราวของละอองช่วยส่องแสง นำสารสื่อแสดงสู่ถิ่นที่ ถึงมิ่งมิตรผู้ห่างไกล กาล-ฤดี ด้วยศรัทธาคงมีมิเสื่อมคลาย อย่าตัดรอนเพราะรอนร้าวอยู่เปลี่ยวลึก ฝากสารจารจาลึก สู่ทิศหมาย ผ่านคุ้งฟ้าโพ้นทะเลมาเรียงราย เพื่อร้อยเรียงเคียงกายด้วยไมตรี ฉันยังเป็นดั่งพลัง ยามแพ้พ่าย หรือเพียงแค่กรวดทรายเปื้อนป่นสี แหลกสะท้านรับคลื่นลมถมทวี หรือไร้ค่าควรที่จะครอบครอง...???
24 ตุลาคม 2546 14:42 น. - comment id 175788
เยี่ยม!!
24 ตุลาคม 2546 19:16 น. - comment id 175816
ไพเราะมากเลยค่ะ..วาพราว... ..คิดถึง..นะคะ..
24 ตุลาคม 2546 20:55 น. - comment id 175878
ฉันยังเป็นดั่งพลังยามแพ้พ่าย ฉันยังเป็นดั่งเม็ดทรายใกล้ชายหาด ฉันยังเป็นดั่งทะเลที่รอคลื่นซัดหาด ฉันยังเป็นดั่งชายหาดที่รอเธอมาเยือน ***กลอนไพเราะมากเลยค่ะ แต่ผู้หญิงไร้เงาขอมั่วหน่อยนะค่ะ คิดถึงเสมอค่ะ***
25 ตุลาคม 2546 00:20 น. - comment id 176009
@@แบกถุงปุ๋ยใส่แตงโมโอ้เหน็บหนาว ขอจากบ้านวาพราวสาวหน้าใส เดินผ่านกาลเวลามาแสนไกล หนาวเย็นมากอย่างไรก็ไม่กลัว @@ทักทายหยาดน้ำค้างริมทางผ่าน ยิ้มกับม่านหมอกจางพรมพร่างทั่ว สีเทาหม่นตีกรอบรายรอบตัว ฟ้าสลัวทุกทิศคิดถึงเธอ@@..??หนาวจังเน๊อะ..อิอิ
27 ตุลาคม 2546 17:05 น. - comment id 176569
ขอบคุณทุกคนมากนะคะ...คือกำลังใจที่งดงามค่ะ