ขอเรียงร้อยถ้อยคำลำนำอ้าง ยามอ้างว้างร้างลาคราจันทร์หาย ยามสิ้นดาวพราวแพรวแนวคืนคลาย ยามหวั่นไหวในวันอันหม่นเดือน คงหลงฟ้าราตรีทิวาล่วง แสนหวงห่วงดวงแขแลหมางเหมือน ไยหลบหลีกซีกฟ้าครายลเยือน ฤๅร้างเลือนเพื่อนชมภิรมย์ดาว เฝ้าชะแง้แลหลงตรงจันทร์ผ่อง ใจหวังปองมองฟ้าคราเหน็บหนาว สายลมพัดกวัดไกวใจสั่นเทา แสนปวดร้าวคราวคืนสะอื้นมอง พระจันทร์เอยเคยชมรื่นรมย์อยู่ คงพลัดคู่ดูดายคล้ายกลัดหนอง ริมสายน้ำยามคืนฝืนใจมอง ศศิจ้องพ้องเรา...นั่งเฝ้ารอ... ริมโคนไทรในคืนอันขื่นขม แว่วสายลมขรมกู่อู้จริงหนอ กระทบกายใจสั่นพรั่นพนอ สายลมล้อกอไผ่ให้ไหวเอน เสียงลู่เรียงเอียงไหวปานใจฉัน ยังหนาวสั่นหวั่นวิตกอกแสนเข็ญ นั่งสะท้านปานว่าคราลำเค็ญ ลมพัดเย็นเร้นดาวสกาวพราย... โอ้ว่าไทรไหวโยกโศกสำเนียง ระบือเสียงเพียงว่าอย่าหลับใหล กิ่งก้านโกรกโยกย้ายกลายแกมใบ ดั่งสไบชายพริ้วลิ่วลมลอย เสียงนกน้อยคอยคู่กู่กึกก้อง เฝ้าร่ายร้องพ้องหาว่าเศร้าสร้อย ดั่งใครกันพรั่นคำยามหลงคอย ดาวเดือนคล้อยลอยลับกับเมฆา แม้นมิยาตรเยื้องกรายคล้ายหลับฤา คงสุดมือยื้อยุดฉุดพาหา สูงเทียบฟ้าเวหาคว้าดารา เพียงชายตาหาแสงยังแย้งใจ ไม่เห็นเพ็ญนภาพราวสกาวพร่าง ดูอ้างว้างร้างนักจักร่ำไห้ ดุจมืดมัวกลัวเกรงเพลงบทใด แสนอาลัยในพระจันทร์วันมืดมน +::+~~:+::+.+::+~~:+::+.+::+~~:+::+ เสียงเพรียกพร่ำผ่านแผ่วแนวไทรโศก กิ่งก้านโยกเอนไหวใบกวัดแกว่ง ลมเจ้าล่องลู่ไล้หมายแทรกแซง โกรกจนแกว่งกิ่งก้านสะท้านใบ นั่งพิงไทรริมน้ำยามดึกนัก เสียงนกทักท่วงท่าน่าหลงใหล บ้างกู่เรียกเพรียกคู่อยู่ร่ำไป บ้างร้องใส่เสียงส่งบ่งสำนวน ลมพัดเอื่อยเรื่อยแล้วแนวไทรสั่น ดุจอกหวั่นพรั่นหนาวคราวลมหวน ยังคนึงจิตหมายใกล้เนื้อนวล แสนรัญจวนจับใจคล้ายติดตรึง ริมสายน้ำยามดึกนึกครวญคร่ำ ยังชอกช้ำน้ำเหนือเมื่อมาถึง คงเอ่อล้นเต็มฝั่งนั่งรำพึง โคนไทรซึ่งเหมือนว่าว้าเหว่ใจ สองฟากคลองน้ำหลากมากยิ่งแล้ว จิตยังแน่วนั่งนิ่งมิติงไหว สายน้ำเย็นจนหนาวร้าวฤทัย ไม่เทียบใจที่ตรมระทมครวญ ฟังเอ๋ยฟังคลื่นน้อยค่อยเคลื่อนผ่าน ปลาทะยานโจนเล่นเช่นสุขสรวล น้ำกระเซ็นเป็นสายแหวกว่ายทวน บ้างยังง่วนหวนหาพาเชยชม โอ้อกเอ๋ยเคยเคียงเยี่ยงลมแผ่ว ฤๅต้องแคล้วจากไกลคล้ายขื่นขม จำต้องพลัดพรากกันปานสายลม เพียงเชยชมแล้วลอยคล้อยจากไกล คงเหลือไว้ไมตรีที่มากพ้น ที่จำนนหาคำนำเปรยได้ ให้เรียงร้อยวรรณกรรมล้ำเลิศใด ยังยากไปเกินเปรียบเทียบไมตรี ครั้งรุ่งแจ้งแสงฟ้าพาสดชื่น ยามเจ้าตื่นมุ่งงานอันเร็วรี่ ให้ปราศทุกข์กังวลพ้นไพรี ขอให้มีแต่สุขทุกย่ำยาม พบเพื่อนดีมากมายหมายช่วยเหลือ และจุนเจือกิจการงานล้นหลาม ขอถ้อยท่วงบทกวีที่เล่าความ แด่คนงาม...สดชื่นรื่นนิรันดร์
29 กันยายน 2546 09:42 น. - comment id 170723
ในคืนดับอับแสงแล้งเพ็ญผ่อง ณ ริมคลองยังกระจ่างไม่ร้างศรี ต้นลำพูดูกระจ่างกลางราตรี ด้วยแสงสีหิ่งห้อยเกินร้อยพัน
29 กันยายน 2546 10:31 น. - comment id 170733
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=471 http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=746 เพลงที่สองพี่พุดเต้นแทบทุกวันเลยค่ะ มันส์มาก และอุ๊บอิ๊บจะนำมาตั้งชื่อเรื่องว่าจะเขียนค่ะ ศรรัก(สอนรัก) แถมอีกเพลงค่ะ กับบทกวีนี้สุดท้ายที่พี่พุดรักมากที่สุด ยามมองจันทร์ฝันค้างค่ะคนดี! http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=973 ดวงใจในฝัน อรวรรณ เย็นพูนสุข : : Key Eb รำพึงรำพัน ฝันรัก รักเอยใฝ่หา ยังจำติดตาชวนปลื้ม ฉันลืมไม่ลง เป็นรอยพิศวาส ปักใจมั่นคง ฝังใจพะวง หลงรอคอย อาวรณ์ใจครวญ หวนคิด คิดจนพร่ำเพ้อ พาใจละเมอหมองหม่น คิดจนเลื่อนลอย ยามนอน ถอนสะอื้น ตื่นตาแลคอย คิดจนดาวลอย คล้อยเมฆา ฝันกอดเชยชม ภิรมย์รื่น พี่ชื่นตื่นผวา จนใจ ไม่มีใครเมตตา เพียงนิทรา นิจจานึกว่าสุขเอ๋ย บางคืนมองจันทร์หรรษา นิจจาอกฉัน บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า น้ำตาหลั่งเลย ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เงา บางคืนมองจันทร์หรรษา นิจจาอกฉัน บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า น้ำตาหลั่งเลย ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เงา...
29 กันยายน 2546 11:11 น. - comment id 170747
ติดตามอ่านมาเรื่อยๆค่ะ ทั้งฉันท์ ..โคลง ..และกลอน ขอบอกจากใจว่า .เพราะมากค่ะ..
29 กันยายน 2546 12:11 น. - comment id 170755
โอ้ใจหนอเจ้าใยช่างไหวอ่อน นึกสะท้อนก่อนคราพาหมองไหม้ มีสิ่งรักปักลงตรงกลางใจ แต่ด้วยเหตุอันใดใจระทม แม้คืนค่ำยังดื่มด่ำยังย้ำโศก วิปโยคแสนเหน็บหนาวคราวหมองไหม้ สูษสิ้นแล้วสิ่งรักอัปราชัย โอ้สายใยไม่หวลมาข้าขาดรอน .....................
29 กันยายน 2546 13:22 น. - comment id 170761
น้าสิบ.. ยลแสงใดงามงดจรดจันทร์เจ้า ก่อนเคยเคล้าเคลียคลอล้อสุขสม คืนเดือนดับกับใจคล้ายระทม ยิ่งกว่าขมขื่นไหนให้เปรียบเปรย คุณพุดพัดชา .. ขอบคุณค่ะ ที่ฝากเพลงมาให้ฟัง ชอบท่อนนี้เช่นกันค่ะ .. บางคืนมองจันทร์หรรษา นิจจาอกฉัน บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า น้ำตาหลั่งเลย ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เงา... พี่ดอกแก้ว .. ชุดแรกเป็นสัมผัสเฝือล้วนๆ (ต้องมองซ้าย-ขวาก่อนลงกลอน กลัวหัวปูด.. ๕๕) ยัยไหม .. หากสิ้นรักจักตรมขมอกไหม้ ทำอย่างไรผ่อนคลายความเศร้าหมอง ยลดวงเดือนบนนภาอยากคว้าปอง เกินจะครองแอบใจ..ใช่จีรัง ..
29 กันยายน 2546 14:44 น. - comment id 170768
พี่อัล เก่งจังเลยค่ะ ทำไมเก่งอย่างนี้ น่าอิจฉาจังเลยค่ะ
29 กันยายน 2546 17:43 น. - comment id 170784
คุณฟ้าสวย .. :)
29 กันยายน 2546 21:27 น. - comment id 170803
สำนวนเศร้าลึกๆ เหมือนคนมีความในใจนะครับ กลับมาจากต่างจังหวัดหอบหวัดมาคงไม่รับฝากนะขอรับ
29 กันยายน 2546 22:08 น. - comment id 170816
เพราะอีกแล้วค่ะ
29 กันยายน 2546 23:17 น. - comment id 170821
แม้นในความเหงาเศร้าที่เฝ้าฝัน ยังเพลินกรรณแว่วสร้อยละห้อยหา จวบยามค่ำย่ำคืนฟื้นสุริยา เคยพบหน้ามวลมิตร.แค่จิตกวี
30 กันยายน 2546 00:13 น. - comment id 170836
ไปอ่านเพลงยาวมาแล้วครับ (ยินยอม) รับทราบทุกอย่าง มิตรภาพตราบฟ้าดิน
30 กันยายน 2546 01:29 น. - comment id 170849
เป็นกลอนที่ไพเราะมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ
30 กันยายน 2546 08:11 น. - comment id 170921
คุณคนผ่านมา .. อัลมิตราไม่ได้เศร้าค่ะ เพียงแต่ตอนนี้งานหนักไปนิดนึงเลยรู้สึกล้า .. คุณใจปลายทาง .. ขอบคุณค่ะ คุณทิกิ .. เดือนหลบลี้หนีหน้าอุราหมอง น้ำตานองร่ำไห้เกินใฝ่ฝัน ดั่งกระต่ายหงายจ้องปองแจ่มจันทร์ ฤๅมีวันสมจินต์..จวบสิ้นใจ คุณชัยชนะ .. อัลมิตราไม่เห็นจะเข้าใจที่คุณเขียนเลย ทำไมต้อง(ยินยอม) และทำไมต้องรับทราบ ? คุณผู้หญิงไร้เงา .. ขอบคุณมากค่ะ
30 กันยายน 2546 10:57 น. - comment id 170937
อ่านเต็มอิ่มดีจัง นึกว่าขวัญนั่งรอเรียมจนเช้าซะอีก
30 กันยายน 2546 12:55 น. - comment id 170963
สวัสดีค่ะ ึคุณฤกษ์ หมู่นี้ดึกๆไม่กล้านั่งรอใครค่ะ กลัวโจรสะพานลอย .. :) อิ่มแล้วล้างจานด้วยนะคะ
30 กันยายน 2546 13:56 น. - comment id 170972
เพราะดีค่ะ พี่อัล
30 กันยายน 2546 19:34 น. - comment id 171049
มาร่วมฝันไปกับคุณอัลมิตรานะคะ...คิดถึงค่ะ..
30 กันยายน 2546 23:09 น. - comment id 171106
ขอบคุณค่ะกามเทพน้อย ..ไม่เจอกันตั้งนาน คิดถึงนะคะ คุณราชิกา .. คิดถึงเช่นเดียวกันค่ะ ฝนตกบ่อยๆ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
30 กันยายน 2546 23:54 น. - comment id 171152
เรื่องรับรู้ ไปดูอ่าน สารส่งหา จำนรรจา เป็นข้อความ งามเสกสรรค์ เรื่องยินยอม พร้อมทำตาม คำรำพัน เปรียบเปรยนั้น เหมือนบุหลัน เลื่อนลับลา
1 ตุลาคม 2546 08:03 น. - comment id 171209
ยากจะคว้าบุหลันพลันแนบอก ละเมอพกพร่ำเพ้อเก้อทุกสิ่ง ศศิฤๅจะไขว่ใกล้ความจริง คงดูยิ่งกว่ายาก..หากกระทำ