เหตุใดมีปรากฏการณ์ตระการนัก ที่ประจักษ์แก่สายตาเราทั้งผอง ธารหลั่งรินรุ้งกินน้ำตามทำนอง เสียงนกร้องขับขานจำนรรจ์จา อาทิตย์ขึ้นขอบฟ้าบูรพาทิศ แล้วสถิตย้อนยลอีกซีกฟ้า ดาวประดับระยิบระยับวับวาวตา กลางนภาโคมลอยเด่นคือเพ็ญดวง ลมระบัดพัดพริ้วลิ่วกระทบ ก็ประสบความสดใสคล้ายแดนสรวง สรรพสิ่งใต้หล้าว่าทั้งปวง ดุจดั่งล่วงพฤติกรรมให้ทำไป เฝ้าครุ่นคิดครั้งเยาว์เฝ้าแลหา มีปุจฉาหลายหลากหากสงสัย เที่ยวเสาะหาวิสัชนาว่าทำไม หรือมีใครกำหนดวางกฏเกณฑ์ ไร้คำตอบที่ชอบใจนัยทุกสิ่ง จำหยุดนิ่งในคำถามตามความเช่น สิ่งตอบกลับรับไว้ไม่ชัดเจน ที่ประเคนสอนให้รู้ดูชอบกล จนกระทั่งเติบใหญ่ใจร่ำร้อง ในความข้องอยากรับรู้ดูอีกหน ความยิ่งใหญ่ที่ใหญ่ยิ่งอิงสกล สืบเสาะค้นใครคือปราชญ์ศาสดา
22 พฤษภาคม 2546 13:24 น. - comment id 139977
ขอให้ความสงสัยได้รับคำตอบที่น่าพอใจนะค่ะ
22 พฤษภาคม 2546 17:42 น. - comment id 140043
พยายามนะครับ จะเอาใจช่วย
22 พฤษภาคม 2546 19:32 น. - comment id 140051
แฮ่ๆๆ อิอิ ม่ายรุเรื่อง
22 พฤษภาคม 2546 21:53 น. - comment id 140065
อ๋อแบบกลอนหวานเขียนใจรึไร มาถามหาก็ไงอะธรรมชาติงามก่อนนิ อาทิตย์สางเหินขึ้นเขินเขา แสงทองเร้าวิหกขัน น้ำค้างสลายไอควัน สุขใจใสทุกวันเป็นนิจ แจมกาย จิต วิญญาณ กายยาเกิดมาสวยสม รูปโฉมงามงดอัปสร เยาร์วัยอ้อนแอ้นอรชอน เฒ่าวอนลาลับรำงับจิต จิต จิตธิตถิเลิศล้ำกว่ากายยา จะอยู่สง่าแม้กายเฒ่า จิตสงบแล้วจะอยู่เงา ไม่ลำบากเร้าตรากตรำกาย วิญญาณ วิญญาณขานเสียงว่าอมตะ จะเลยละสังขารสู่สวรรค์ ไม่ต้องอยู่ทนทุกข์ทุกวัน ฉันนั้นเลิศกว่าผู้ใด แบบอ่านมาจากปรัชญาแต่เขียนเองนิ
22 พฤษภาคม 2546 22:05 น. - comment id 140068
อ๋อแบบกลอนหวานเขียนใจรึไร มาถามหาก็ไงอะธรรมชาติงามก่อนนิ อาทิตย์สางเหินขึ้นเขินเขา แสงทองเร้าวิหกขัน น้ำค้างสลายไอควัน สุขใจใสทุกวันเป็นนิจ แจมกาย จิต วิญญาณ กายยาเกิดมาสวยสม รูปโฉมงามงดอัปสร เยาร์วัยอ้อนแอ้นอรชอน เฒ่าวอนลาลับรำงับจิต จิต จิตธิตถิเลิศล้ำกว่ากายยา จะอยู่สง่าแม้กายเฒ่า จิตสงบแล้วจะอยู่เงา ไม่ลำบากเร้าตรากตรำกาย วิญญาณ วิญญาณขานเสียงว่าอมตะ จะเลยละสังขารสู่สวรรค์ ไม่ต้องอยู่ทนทุกข์ทุกวัน ฉันนั้นเลิศกว่าผู้ใด แบบอ่านมาจากปรัชญาแต่เขียนเองนิ
22 พฤษภาคม 2546 22:07 น. - comment id 140069
ขออภัยเน็ทล้มอะน้ำเองนิ
22 พฤษภาคม 2546 22:54 น. - comment id 140076
ท่านสดายุ น่าจะมีคำตอบที่ดีมาก ๆ ไว้รออ่านดีกว่า
23 พฤษภาคม 2546 22:10 น. - comment id 140214
.....ในรอยริ้วทิวภาพแห่งพิภพ อาจทับทบคำถามใจว่าใครสร้าง แต่สงสัยถูกกลบเกลื่อนจนเลือนลาง ด้วยใครต่างบอกว่าเป็นเช่นเธอมอง .....เพียงใจเธอร่ำๆว่าจริงหรือ นั่นก็คือความจริงธรรมเริ่มร่ำร้อง ว่าวับวับสรรพแสงแจ้งเรืองรอง ฉายครรลองวิสัชนาที่คว้าไขว่ .....นับว่าเลิศเพียงเธอเกิดกล้าจะค้น ไม่ตามคนรอบกายกระแสไหน และวันหนึ่งแสงสว่างกระจ่างใจ จะพาเธอเจอใน.....รอยศาสดา ศานติ...ศานติ...และ ศานติแด่ท่านมิตราค่ะ....^_^
23 พฤษภาคม 2546 22:14 น. - comment id 140215
....ม่ายช่ายเพียที่ไหน แต่เพียงค่ะ...เพียง(ณ ห้วงหนึ่ง) ที่ท่านมิตราขอความศานติให้บ่อยๆ(ขอบคุณนะคะ-และก็เช่นกันค่ะ) ....คือคอมแห๊งค์อ่ะค่ะ....แย่จัง .....................^_^........................
23 พฤษภาคม 2546 22:27 น. - comment id 140217
ขอบคุณค่ะ คุณผู้หญิงไร้เงา คุณคนผ่านมา เจ้าลม คุณน้ำ คุณฤกษ์ คุณเพียง (ณ ห้วงหนึ่ง) ตอบคุณน้ำ .. ที่สืบเสาะตามหาไม่พบเห็น มีสิ่งเร้นคืบกายคล้ายแอบแฝง โลกสวยสดตามกฏบทแสดง ใครจำแลงเสกสรรปั้นตัวตน โอ้อกหนอท้อใจให้อึดอัด เกรงยิ่งพลัดยิ่งไกลให้ฉงน เราก่อเกิดเพริศพริ้งอิงตัวตน มันเป็นผลของสิ่งไหนได้บัญชา ศานติจงมีแด่ท่านค่ะ คุณเพียง (ณ ห้วงหนึ่ง).. เพราะปลายทางมืดมนเกินค้นคิด เพราะยึดติดกับอัตตาพามัวหมาง เพราะที่รู้ต่างล้วนถ้วนอำพราง จึงหลงทางในวังวนแสนจนใจ .. มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ..
24 พฤษภาคม 2546 05:44 น. - comment id 140243
....._/|\_... ตาคู่นั้นพลันฉายประกายฉงน สรรพสิ่งในสกลมาจากไหน ความสวยงามทั้งทิวาราตรีไซร้ ใครหนอใครสร้างกฎกำหนดเกณฑ์ ให้อาทิตย์ผุดผ่องท่องบูรพา แล้วหันเหองศาเมื่อหลบเร้น อัสดงลงขอบฟ้าเวลาเย็น ลบเหลี่ยมเขาเว้าเห็นตะวันลา ใครหนอใคร...ใครกันช่างสรรค์สร้าง ให้มนุษย์สุดสอางค์หรือชั่วช้า ใครหนอใครสร้างดวงดาริกา ประดับฟ้าประดับใจในราตรี ใครวาดรุ้งพร่างพรายให้กินน้ำ เป็นตัวโค้งวงตามแผ่นฟ้านี้ ใครกำหนดให้ฝนพร่ำฉ่ำนที ใครกำหนดให้ฟ้านี้หมดฝนพรำ ย่ำรอยเท้าถามข่าวคราวศาสดา เที่ยวค้นหาคำตอบจนบอบช้ำ ไม่มีใครตอบความที่ถามคำ ศาสดาผู้เลิศล้ำอยู่ที่ใด ใครกำหนดกฎนั้นพระท่านกล่าว ถึงเรื่องราวแท้จริงสิ่งสงสัย ธรรมชาตินั้นมีเหตุและปัจจัย จึงเป็นไปต่างต่างอย่างสมควร หามีพรหมลิขิตขีดชะตา สร้างภูเขา ท้องนภา ให้ผันผวน ทุกทุกสิ่งเป็นไปตามกระบวน ที่ครบถ้วนสมุฏฐานเป็นลานธรรม พระพิสุทธิ์บุรุษเลิศประเสริฐศักดิ์ บำเพ็ญบารมีหนักเป็นหลักค้ำ นับอสงไขยกัปเพื่อซับธรรม มาน้อมนำตรัสรู้สู่เวไนย ทรงค้นพบเจนจบในวิชชา ทรงพบเหตุคือตัณหาหัวหน้าใหญ่ ทรงพบไตรลักษณาการที่ลวงใจ ทรงตีแผ่ธรรมชาติให้ไร้สิ่งบังฯ
24 พฤษภาคม 2546 13:07 น. - comment id 140290
เหอเหอ เหอเหอ อ่านแล้ว เพราะดีนะคะ แต่งงนิดหน่อยอะ
24 พฤษภาคม 2546 20:32 น. - comment id 140307
ขอบคุณมากค่ะ คุณดอกแก้ว ..งดงามจังค่ะ คุณใสซื่อบริสุทธิ์ ขอบคุณค่ะ
26 พฤษภาคม 2546 01:31 น. - comment id 140526
เที่ยวตามหาศาสดาถึงสามโลก ฤาความทุกข์รอยโศกจะจางหาย สติครองมองดูเพียงเรือนกาย ในจิตใจของเราคือศาสดา ดอกแก้วรจนาได้งดงามถูกใจจริงๆ
26 พฤษภาคม 2546 08:31 น. - comment id 140566
ช่าย..มองหา ค้นหาไปเถอะ ก็จะไร้คำตอบ ทั้งที่จริงนั้น หากเรามองตนเองก็จะเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรมก็จะพบ..ในสิ่งที่ค้นหา
29 พฤษภาคม 2546 22:53 น. - comment id 141661
ผู้ใดหนอถักทอกำหนดไว้ ก้าวเดินไปตามทางหว่างวิถี เผชิญโชคโลกแกร่งแห่งชีวี สุข-ทุกข์มีคละเคล้าเข้ามารุม ก่อกำเนิดเลิศลักษณ์เป็นมนุษย์ แสนพิสุทธิ์รูปกายไร้ป่ำปุ่ม ไร้โรคาพยาธิเบียดเสียดเข้ารุม แต่ยังกลุ้มคิดไม่ตกหัวอกเรา จะย่างเท้าไปทางไหนโอ้ใจเอ๋ย ยากเปรียบเปรียบความคิดด้วยจิตเขลา ความไม่รู้ดูไม่เห็นเช่นตัวเรา จึงอับเฉากับคำถามตามเคยมา