เสียงจักจั่นลั่นระงมรับลมร้อน กรีดปีกอ้อนเอื้อนโอยบอกโหยหา พ้อถึงใครคนหนึ่งซึ่งไกลตา รู้ไหมว่าคนไพรอาลัยเธอ เพียงสดับกับเสียงจำเรียงก้อง ความหม่นหมองจู่จิตให้คิดเผลอ กราวกังวานขานใจเหมิอนได้เจอ แท้จริงเพ้อรำพันทุกวันวาร ในลึกลับซับซ้อนกลางร้อนล่อง จักจั่นร้องระงมไพรฤทัยซ่าน เหมือนคมมีดกรีดยับดับดวงมาลย์ คะนึงคราญเคยคลอท้อหัวใจ ปีกจักจั่นสั่นเสียงเพียงขยับ ดุจเพลงขับครวญคล้องทำนองไห้ ร้อยระงมตรมตรอมอันห้อมไพร ดั่งคอยใครคืนรักจักจั่นดง ปีกเจ้าสั่นหมั่นสร้างพลังเสียง เราสั่นเรียงกลอนภักดิ์สร้างรักหลง เคยตรึงตราแต่ไหนในป่าพง ยังพวงเขียนซ้ำระกำทรวง โอ้เจ้าเอยเคยช้ำกระหน่ำหรือ เอกฝีมือจึงร้องทำนองท่วง เจ้าอ่อนล้าบ้างไหมกรีดใจทวง คราเป็นห่วงคู่รักที่จากจร เสียงสั่งพฤกษ์สนั่นไพรกระไรเอ๋ย รินพังเพยรำพึงถึงสมร ร่ายรำพันวรรณกรรมย้ำกาพย์กลอน ยังอาวรณ์อ่อนไหวในกานดา สำเนียงแผ่วใจเพลียละเหี่ยแล้ว นานยังแน่ว ณ จิตขนิษฐา จักจั่นร้องใจร่ำช้ำอุรา บอกพี่ยาเดียวดายในไพรวัลย์ ฯ
1 เมษายน 2546 01:33 น. - comment id 120960
งามคำ งามความ และงาม..ภาษาอ่ะค่ะ อิม
1 เมษายน 2546 06:00 น. - comment id 120973
..ไพรรำพึงคิดถึงคนเคยรำพัน สัญญาไว้มั่นไม่คลอนแคลน....(หนาวใจชายแดน) .................. สวัสดีครับ.....อยากเป็นสาวจัง
1 เมษายน 2546 06:59 น. - comment id 120975
ชอบสำนวนนี้ครับขอแจม จักเอยจักจันน้อยคล้อย นอนพงษ์ เจ้าคงหลงเสียงเพรียกเรียก กล่อมขวัญ แม้จรจากใจจำนัน จารจำนัน ให้กล่อมขวัญอยู่คู่สุข กาลนานเอย อารมย์ใจอิ่ม ขอบคุณที่เขียนให้ชมจากใจ
1 เมษายน 2546 08:54 น. - comment id 120998
ลั่นทมขาว ชูช่อ ล้อลมเศร้า ดอกสีขาว กระจ่าง กลางใบเขียว ดอกลั่นทม ตรมดั่งใจ ยามดายเดียว ไร้คนเหลียว แลใจ ใครต้องการ ระทมใจ ลั่นทมเศร้า คราวทิ้งต้น ระทมหม่น ระทมรัก ใจร้าวฉาน ระทมเอ๋ย เคยระกำ แต่ก่อนกาล นานตราบนาน รอยแผลเป็น ซ่อนเร้นใจ(ไหวระทม)
1 เมษายน 2546 10:22 น. - comment id 121018
คุณสีน้ำฟ้า ..ขอบคุณค่ะ น้าสิบคะ .. :) ขอบคุณค่ะ คุณน้ำ... จักจั่นเอย..เจ้ากรีดเสียงสำเนียงก้อง ช่างสอดคล้องกับใจคนที่หม่นหมาง เฝ้าคร่ำครวญถวิลถึงซึ่งนวลนาง ดุจกายคว้างเหว่ว้าครายลยิน คุณพุดพัดชา ... ตราบดินตราบฟ้าล่ม.................มลายสูรย์ ปราศภพปราศธรณีบูร..............โลกตั้ง จิตภักดิ์จิตเกื้อกูล.....................เสมอมั่น ชีพดับชีพด่าวครั้ง....................จึ่งสิ้นเสื่อมถวิล ฯ
1 เมษายน 2546 10:30 น. - comment id 121022
จันทร์กระจ่าง..... จันทร์เอ๋ยเคยสว่าง...ใยจางแสง หรือจันทร์แกล้งเยาะให้น้อง...อกหมองไหม้ ลมเจ้าเอ๋ยเคยรวยรื่น...ชื่นหัวใจ เป็นอะไรลมสงัด...ไม่พัดเลย ดาวเอ๋ยดาวมองฟ้าอยู่ไกล...เห็นไหวยิบ เหมือนกระชิบว่าปองเจ้า...ดาวฟ้าเอ๋ย จักจั๋นสนั่นเพรียก....เรียกคู่เชย เหมือนจะเย้ยว่าเราไม่....มีใครปอง
1 เมษายน 2546 13:31 น. - comment id 121057
กระทะเดือดรุ่มร้อน กลางไฟ มันเปลวละลายไหล ชุ่มน้ำ ตัวจักจั่นลงไป กระแด่ว อร่อยรสเลิศล้ำ ร่วนลิ้นลามเลีย อิอิ มองต่างมุม
1 เมษายน 2546 16:36 น. - comment id 121135
โหหห พี่อัลค่ะ สวยมากๆเลยอ่ะค่ะ กลอนน่ะค่ะ เพราะมากจิงๆ อินมากเลยอ่านแล้ว รูปสวยดีค่ะ เข้ากันจัง
1 เมษายน 2546 16:37 น. - comment id 121136
^J^ .................... ไพเราะ....และได้อารมณ์ดีครับ.....ฯ
2 เมษายน 2546 21:59 น. - comment id 121611
ขอบคุณค่ะ คุณลำน้ำน่าน คุณฤกษ์คะ แหะ แหะ ทานได้จริงๆเหรอจักจั่น .. กามเทพน้อย .. จะแปลงร่างเป็นจักจั่นหรือจ๊ะ คุณกฤษณะ .. :)
4 เมษายน 2546 20:56 น. - comment id 122301
ไพเราะมากค่ะ..มองเห็นภาพต่างๆได้ชัดเจน... ชอบมากค่ะ...
4 เมษายน 2546 21:28 น. - comment id 122306
ขอบคุณค่ะ ที่บ้านของอัลมิตราอยู่ที่เมืองหลวง ไม่มีเสียงจักจั่นเลย แต่บ้านเพื่อนของอัลมิตรา มีจักจั่น นะคะ ... ขยับปีกให้เกิดเสียง...ดั่งเรียกหาขวัญ..