นั่งพิงไหล่ชมดาวที่พราวฟ้า ไร้เมฆาบดบังให้หมางหมอง ลมเอื่อยเฉื่อยพัดอ้อยสร้อยตามทำนอง จิ้งหรีดร้องเรไรร่ำพร่ำดนตรี แม้คืนนี้จะไร้แสงแห่งจันทร์เจ้า แต่ไม่เหงาเพราะมีดาวมาแทนที่ ถึงแสงน้อยกระพริบพราวเย้าฤดี ก็ยังดีกว่าแสงดับเหมือนลับใจ ..
6 มีนาคม 2546 23:45 น. - comment id 112619
จะมานั่งนับดาวอยู่ข้างๆ และปลอบพรางเพื่อนเอ๋ยเวลาเหงา เช็ดน้ำตาที่รื้นหล่นหยาดพราว จงเอ่ยกล่าวหากเจ้าเศร้าอุรา
6 มีนาคม 2546 23:48 น. - comment id 112620
...ท้องฟ้าพราวดาวเด่นเป็นดวงน้อย มิเหงาหงอยมีฟ้าพาสุกใส แต่แสงหรี่ที่ห่างกลางฟ้าไกล ส่องแสงให้สว่างกลางฟ้าพราว ...แต่ดวงใจให้เหงาสุดเศร้าสร้อย ยังเลื่อนลอยหาใครด้วยใจหนาว โปรดคืนมาหาฉันนั้นอีกคราว ความปวดร้าวแสนเหน็บเจ็บเหลือเกิน.... ....สวัสดีครับ...
6 มีนาคม 2546 23:52 น. - comment id 112623
ความเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวเข้าคลุมคลอบ รวมตัวกันเป็นกรอบว้าเหว่จิต จนบางครั้งบางคราวเก็บมาคิด อย่ากังวลจนชีวิตต้องหมองมัว... อย่าเก็บความเหงาไว้นานนะครับ เดี๋ยวจะเฉาเอานะครับ
6 มีนาคม 2546 23:53 น. - comment id 112624
ไอดาโฮ่.. จันทร์เจ้าเอ๋ยเคยไหมมีใครถาม ว่าจันทร์งามไร้เงานั้นเหงาไหม เจ้าเฉิดฉายโดดเดี่ยวดูเปลี่ยวใจ ดาวดวงไหนปลอบใจให้เจ้าจันทร์ คุณใบบอนแก้ว.. จันทร์ในใจแลวิไลงามกระจ่าง สวยสล้างตราตรึงคนึงฝัน ยามเจ้าฉายรังสีเกษมพลัน ดุจเทพสรรค์ปรุงแต่งจำแลงกาย จันทร์อย่าลับล่วงเลยเคยเคียงข้าง ดาวอ้างว้างทั้งหมื่นพันไร้ความหมาย เพียงหนึ่งเดียวที่ซาบซึ้งมิเสื่อมคลาย คือละม้ายเจ้าจันทร์ที่หมั่นชม
6 มีนาคม 2546 23:55 น. - comment id 112625
คุณ The life of Radiance...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ...เงาจันทร์นั่นหรือไรงามใดเล่า หรือจะเท่าจันทร์ส่องหล้าเวหาหน หากมักน้อยคอยเฝ้าแต่เงากล ขอเชิญยลจันทร์ฉายในสายน้ำ
6 มีนาคม 2546 23:56 น. - comment id 112627
กลอนเพราะมากครับ.... อ่านแล้วอยากหัดแต่งบ้างจัง... ชอบครับ
7 มีนาคม 2546 00:05 น. - comment id 112629
แม้อยู่ไกลคนละฟากทะเลฝัน ขอรำพันฝากจันทร์ที่สดใส จะมั่นรักในจันทร์เจ้ามิเคล้าใคร ขออย่าได้หมองจิตหรือคิดตรม สวัสดีค่ะ คุณน้ำ.. ขอบคุณค่ะ
7 มีนาคม 2546 00:19 น. - comment id 112635
นั่งเอนหลังตั้งเข่าแล้วเป่าขลุ่ย ควันไฟฉุยทุยข้างกายนอนหงายหลัง ก่อกองๆฟไล่ยุงลิ้นที่ประดัง ค่ำคืนนี้คงได้นั่งฟังเรไร นั้นแสงดาวขาวใสไล้ผืนฟ้า เสียงขลุ่ยคลอล้อดาราว่าไฉน เจ้าเข้านอนนินทราเวลาใด เจ้าจึงไม่เห็นข้าฯ ไถนาดำ ... ... ^L^
7 มีนาคม 2546 00:20 น. - comment id 112636
จันทร์ในใจแลวิไลงามกระจ่าง สวยสล้างตราตรึงคนึงฝัน ยามเจ้าฉายรังสีเกษมพลัน ดุจเทพสรรค์ปรุงแต่งจำแลงกาย จันทร์อย่าลับล่วงเลยเคยเคียงข้าง ดาวอ้างว้างทั้งหมื่นพันไร้ความหมาย เพียงหนึ่งเดียวที่ซาบซึ้งมิเสื่อมคลาย คือละม้ายเจ้าจันทร์ที่หมั่นชม
7 มีนาคม 2546 10:06 น. - comment id 112672
มิใช่ดังดาวเตือนประดับ เลือนมารับจิตรอนด้วยอ่อนไหว ค่าหิ่งห้อยน้อยหนักชะงักใจ จะปลอบใครสักคนสู้ทนเจียม/. ขออนุญาตคุณอัลมิตรา ถามคุณวลีนิดนึง ทุยข้างกายนอนหงายหลัง - นึกภาพไม่ออกครับ (ล้อเล่นหน่อยนะ)
7 มีนาคม 2546 12:26 น. - comment id 112703
ฝากไปถามลุงวลีแล้วค่ะ คุณราม .. ปลอบใจเหงาด้วยเดือนดาวพราวรายล้อม ขับเห่กล่อมแอบอุ่นไออย่าไห้หวล ราตรีผ่านสะคราญจันทร์ฝันรัญจวล หิ่งห้อยครวญเคียงข้างอย่าหมางใจ /... :)
7 มีนาคม 2546 15:16 น. - comment id 112737
แหะๆ คุณรามฯ ...^L^ งั้นเอางี้ นะ ... นั่งเอนหลัง ตั้งเข่า แล้วเป่าขลุ่ย ควันไฟฉุย ทุยข้างกาย นอนไขว่ห้าง อิงกองไฟไล่ยุงริ้นควายกินฟาง ค่ำคืนนี้มีน้ำค้าง ล้างดวงใจ นั้นแสงดาวขาวใสไล้ผืนฟ้า เสียงขลุ่ยคลอล้อดาราว่าไฉน เจ้าเข้านอนนินทราเวลาใด เจ้าจึงไม่เห็นข้าฯ ไถนาดำ ... ... ู^L^
7 มีนาคม 2546 16:49 น. - comment id 112751
โธ่ ลุงวลี ไหง๋ เขียนไม่พ้นควายอ่ะ .. มองบุหลันพลันนภาอุราหมอง เห็นควายครองเคียงคู่ช่างดูสม โอ้ตัวเราเหว่ว้อ้าอกตรม ไร้คู่ชมเชยชิดพิศเพียงจันทร์ หนาวน้ำค้างพร่างพรมแสนตรมนัก เกินจะหักห้ามจิตให้คิดฝัน สมมุติหน้ากานดาน้องนวลผ่องจันทร์ ครวญรำพันเพียงเพ้อละเมอเอง
7 มีนาคม 2546 22:30 น. - comment id 112818
^J^ ............... ***แม้คืนนี้ จะไร้แสง แห่งจันทร์เจ้า ประกายดาว จรัสจ้า หาใดเหมือน ยามจันทรา เต็มดวง เข้ามาเยือน ดาวก็เลือน แต่ยังอยู่ คู่นภา......ฯ
7 มีนาคม 2546 23:50 น. - comment id 112850
เสียงหรีดหริ่งระงมร้อง มันเสียดก้องในใจฉัน เหมือนเย้ยเยาะอยู่นานครัน จิ้งหรีดมันรู้ใจเรา ก็รักเขาทั้งหัวใจ ลืมได้ไงไม่เหมือนเก่า รู้ทั้งรู้ก็ยอมเศร้า ้เหงาแสนเหงาก็ยอมทน...
8 มีนาคม 2546 00:23 น. - comment id 112859
คุณกฤษณะ :) คุณฤกษ์ ชัยพฤกษ์ .. เจ็บแปลบเกินทนไหว แสนปวดใจทุกข์ทนหนอ รักร้าวน้ำตาคลอ สุดจะท้อเกินก้าวตาม ลืมเอยจงลืมสิ้น สิ่งเคยยินใจจงห้าม หลากคำที่นิยาม ก็ลบลามเรื่องรักเรา