เพลงโศกในนคร 1. ระลึกรับประทับรอยถ้อยสดับ เสียงเพลงขับกังวาลงามในยามสาย หยาดน้ำค้างแต้มหญ้าดูพริ้งพราย ทุกสิ่งคล้ายบอกความงามตามที่เป็น หนึ่งร่างน้อยหญิงสาวจูงหญิงแก่ ที่ร่างแย่แถมตามองไม่เห็น เดินขายเสียงเพียงหนีความลำเค็ญ ทุกเส้นเอ็นยามย่างปวดเปร่าใจ เป็นสองร่างสองวัยแต่ใจหนึ่ง และเป็นซึ่งดวงใจแล้งแล้วหวัง ทุกก้าวย่างบาทวิถีทุกคืนวัน ระลึกมั่นถึงวันต้องห่างไกล คงเหลือเพียงสิ่งเดี่ยวผูกทั้งสอง คือสัมพันธ์ปรองดองมิเคยผัน หนึ่งอาทรยามต้องจากไปนิรันดร์ อีกหนึ่งนั้นรักมั่นมิห่างกาย เป็นเพียงใยสายสัมพันธ์อันบ่มเพาะ จากความเปราะของชีวิตไร้จุดหมาย จากหนทางอนาคตอันเปล่าดาย และจากปลายทางฝันอันมืดมน ทุกเพลงพลิ้วริ้วผ่านออกจากปาก ตนหวังฝากหนึ่งชีวิตที่สับสน บนเงินบาทจากหยาดใจในผู้คน เพื่อฉุดพ้นคืนวันน่าหวาดกลัว 2. ระลึกรับประทับรอยถ้อยสดับ สิ้นเสียงขับเพลงงามฟ้าสลัว คงเหลือเพียงหยาดน้ำตาพร่ายพร่ามัว ที่รดทั่วเรือนร่างผู้จากไป เป็นบทเพลงบทเศร้าในเมืองใหญ่ และเป็นเสียงเพลงอาลัยจากเงาฝัน เริ่มบรรเลงเพลงโศกเพื่อรับวัน หนึ่งหญิงที่เหลือนั้นในป่าเมืองฯ
8 มิถุนายน 2545 21:16 น. - comment id 54703
บทกลอนนี้กินใจมากครับ ผมอ่านไปน้ำตาซึมเลย(จริงๆครับไม่ได้ดัดจริต) มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมขับรถไปซื้อของกลับมาแล้วเห็นคุณยายแก่ๆเดินหาบของขายอยู่ริมถนน ทุกครั้งผมจะคิดในใจว่า ทำไมนะเราถึงได้โชคดีอย่างนี้ ทำไมคนอื่นเขาต้องโชคร้ายขนาดนี้ ในขณะที่เราไปช๊อปปิ้งผลาญเงินพ่อแม่อย่างสำราญใจ ยังมีอีกกี่ชีวิตที่ต้องทนลำบากอยู่เช่นนี้แม้แต่ข้าว จะกิน 3 มื้อจะครบรึเปล่ายังไม่รู้ ขณะที่เรานั่งรถเก๋งแอร์เย็นฉ่ำยังมีอีกกี่ชีวิตที่ต้องเข็นซาเล้งกลับบ้านไกลเป็นกิโลๆ ผมจะรู้สึกหดหู่เสมอเลยแล้วคิดว่าโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ผมจะคิดว่าจะทำยังไงที่จะให้พวกเขาไม่ต้องลำบากขนาดนี้ แต่แล้วก็เจ็บใจตัวเองที่รู้ว่ายังไงชีวิตของทุกคนมันก็ต้องเป็นไปตามครรลองของมัน มันเกินกำลังของเราที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของใครได้ ถ้าเราเห็นหญิงแก่กำลังหาบของจะกลับบ้าน แล้วเราอาสาไปส่ง...แล้วไงล่ะ วันต่อๆไปล่ะถ้าเราไม่ได้ผ่านทางเดิมเขาก็ต้องกลับเองอยู่ดี ..มันน่าเจ็บใจจริงๆ...ฟ้าช่างไม่ยุติธรรมเลย ขอบคุณครับคุณ แสงศรัทธา ที่แต่งกลอนดีๆอย่างนี้
9 มิถุนายน 2545 07:04 น. - comment id 54755
เศร้าจัง แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ