* แก้วตาดวงใจ * เธอคือดวงใจ...แก้วตาของพ่อ อดทนต่อ...ชีวิตล้วนคิดใฝ่ฝัน เหมือนดั่งหนทาง...สร้างชีวากัน ในสิ่งผูกนั้น...พันกว่า...ชีวามลาย สายตาแก้วใจ...มีไว้ดั่ง...ฟ้า มิอาจนำพา...ให้สูญสิ้น...สลาย กลายเป็นสิ่ง...ฝากไว้...ชั่ววันตาย ยากลบเลือนหาย...มลายไปชั่วนิรันดร์ สรรค์...สิ่งสุขไว้...มอบให้...แก่ลูก เพื่อให้พันผูก...ปลูกคล้ายด้ั่ง...สวรรค์ ถึงแม้ยากเข็ญ...เด่นไม่...แน่กัน ให้เสกสรรค์...ยังมอบกอบ...ธรณี มีรัก...มอบไปไร้คิดเปลี่ยนแปลง ปราศสิ่งแฝง...ให้เจ้าเคล้า...เฉิดศรี ปรีเปรมดิ์...เหนือฟ้า...ผ่านห้วงชีวี มอบรักนี้...สุขสันต์จน...พลันสำราญ ผ่านทุกข์ไป...มีสุข...ปลูกไม่ท้อ ดุจพะนอ...หัวใจให้...สุขสนาน ม่านแห่งใจ...ให้ไว้...ชั่วนิรันดร์ แม้นทรมาน...มิบ่น...ทนทุกเวลา มาเป็น...แก้วตา...ดวงใจของพ่อ เสกสรรค์ต่อ...เป็นสิ่งที่ปราถนา หาให้...แก่เจ้าโดยมินำพา จนอ่อนล้า...เรี่ยวแรงแฝงจำทน ฝน...หยาดสุดท้าย...จะมาเปลี่ยนแล้ว เหนือดวงแก้ว...จากไปไร้แห่งหน บนความทุกข์...ฝากไว้ใน...ดวงกมล ยากจะปน...ความชั่ว...มอมมัวเมา เฝ้าตะวัน...นั้น...ยามสลายแสง สิ่งแอบแฝง...ปรนเปรอ...ละเมอเขา เอาความรัก...ฝากไป...จากตัวเรา ล้วนสิ่งเฉลา...ลูกนั้น...ให้พลันสราญ. * แก้วประเสริฐ.*
24 ตุลาคม 2555 05:21 น. - comment id 1238262
สวัสดีค่ะครู ตอนนี้ศิษย์ไม่ค่อยได้แต่งกลอนเลยค่ะเพราะศิษย์เรียนธรรมศึกษา มีการบ้านให้อ่านและเขียนทุกสัปดาห์ เรียนตัดผมด้วยค่ะ ตัดให้สามี ลูกและเพื่อนๆที่วัด สนุกมากเลยค่ะ เป็นอะไรที่มีความสุขแบบได้ทำในสิ่งที่ตนเองสนใจ ลูกศิษย์ตัวเล็กๆก็น่ารักมากค่ะ หัดอ่านเขียนภาษาไทยกันอย่างตั้งใจ ศิษย์กลับบ้านคราวนี้ก็มีอะไรทำแบบแทบไม่ได้พักค่ะครู พาลูกไปทำบัตรประชาชนเพื่อไปรับเงินที่พ่อแม่ฝากให้เป็นทุนการศึกษากับธนาคารออมสิน ไปโอนที่นาเพราะผู้ใหญ่บ้านแบ่งขายให้ 5ไร่ ทำบุญสร้างธาตุให้พ่อในเขตวัด พาแม่กับแม่สามีไปเที่ยว พาคุณอิมเที่ยวร้อยเอ็ดและสุวรรณภูมิ มีเวลาแค่ 9 วันเองค่ะครู ครูสบายดีนะคะ ขอให้ครูมีความสุขมากๆนะคะ
23 ตุลาคม 2555 14:58 น. - comment id 1246732
คุณ กิ่งโศก สวัสดีจ้าศิษย์รักเรายิ่ง ครูอ่านกลอน แล้วดีแล้วที่ทดลองในสิ่งที่เราอยากรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่จบสิ้นหรอก ตราบใด ที่เรายังไขว่คว้า แต่กลอนเธอนั้นทำนอง จะออกไปทางโคลงเสียส่วนมากนะและ เป็นโคลงที่มาจากทางเหนือเป็นภาษา ชาวบ้านเป็นหลักใหญ่ ในสมัยพระนารายณ์ การเล่นโคลงนี้มีอยู่ท่านหนึ่งที่ท่านฉีกแนว การเล่นโคลงออกมา คือท่านครูศรีปราชญ์ แม้แต่พ่อท่านยังร้องลั่นเชียว คือการเล่น โคลงมีหลายๆแบบ โคลงธรรมดา เล่นคำ เล่นสำนวน เล่นสำนวนซ่อนรูป อันนี้คำหลัง มาจากโคลงสมัยยังไม่ได้ฉีกแนวออกมา แล้่วมาประยุกตร์เป็นกลอนไปในลักษณะ ต่างๆกัน เป็นการเล่นโคลงทางเหนือนำมา จากพม่า พม่านำมาจากอินเดียแถวแคว้น อัสสัมชัุญโน่น มาแพร่หลายในไทยสมัย พระขุนรามคำแหงที่มีพระสหายเป็นชาวเหนือ ตกทอดมาเรื่อยๆจนมาถึงสมเด็จพระ นารายณ์ท่านครูศรีปราชย์จึงได้ฉีกแนว มาทางไทยเสีย ดังนั้นโคลงจึงมาแนว ทางภาคกลางอยุธยา แต่ราชสำนักก็ยัง รักษาแนวทางเดิมไว้ เช่นการเล่นของ ศิษย์เรา คุณหมอวฤกเป็นต้นและพวก ชาวโคลงพันธ์ทิพย์ที่ยังคงแบบเดิมไว้ เหตุที่ท่านครูศรีปราชย์มาฉีกแนวทาง เพราะโคลงจะมักเล่นกันในราชสำนัก และข้าราชบริพารเป็นหลักใหญ่ชาวบ้าน ไม่ค่อยได้ใจความนัก ต่อมาเมื่อถูกฉีก ไปแล้วผู้ที่นิยมคือพวกผู้หญิงและชาวบ้าน เพราะรู้ความได้ประจ่างโดยนำทำนอง กลอนมาสร้างเป็นโคลง หากชาวบ้านก็ โคลงธรรมดา สูงไปก็เล่นคำ เล่นสำนวน จนมาถึงโคลงซ่อนรูปดังที่ศิษย์เราเล่น จะหาคนอ่านเข้าใจได้ยาก ส่วนโคลงท่าน ครูศรีปราชย์นั้นจึงได้รับการนิยมอย่าง กว้างขวางทั้งในราชสำนักและชาวบ้าน ทั่วๆไป เพราะเป็นของใหม่ๆ ตราบจน ทุกวันนี้ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น ปราชญ์แห่งโคลง ผู้ที่เล่นโคลงเก่าๆ จะไม่ได้รับการยกย่องเลย หากนำทั้งสองแนวทางมาเปรียบ เทียบกัน ศิษย์เราก็คงจะเข้าใจนะ กลอนที่เขียนมานั้นแม้จะเป็นการไม่ ถูกต้อง แต่ศิษย์บอกเป็นการทดลอง ก็เห็นดีด้วย จะเห็นได้ว่าอักษรทำนอง จะขัดๆกันตลอด ผิดหลักการเดิมที่ครู สุนทรภู่นำมาเล่นนี่ก็เป็นการฉีกแนว มาอีกแนวทางหนึ่ง ระหว่างโคลงและ กลอน โคลงท่านครูสุนทรภู่ก็เล่นมา มากแต่ไม่นิยมเท่ากลอนของท่านสุด ท้ายเมื่อก่อนจะแต่งเรื่องพระอภัยมณี ท่านได้คิดค้นสัมผัสในขึ้นมาใหม่ คือ "มาดแม้นเธอเป็นใครจะได้รู้" คือ คำใครไปสัมผัสในกับคำว่าได้ เป็นต้น ตลอดบาทหนึ่ง เพราะของ เก่าจะสัมผัสได้ตลอดยกระดับขึ้นมา แล้วเป็นที่นิยมจึงนำมาแต่งพระอภัยมณี จนได้รับเป็นมรดกโลกไป จะเห็นได้ ว่าทั้งสองท่านจะได้รับการขัดขวางก่อน ทั้งสองท่าน แต่ในที่สุดอนุชนรุ่นหลัง ก็ให้ความตอนรับเป็นอย่างดี เพราะทั้ง สองท่านจะเดินทางแนวเดียวกันคือ เอาหลักโคลงหรือกลอน เป็นลักษณะ อ่อนหวาน ไหลลื่น ไหวพลิ้ว อ่อนช้อย เป็นตัวหลักในการเล่นของท่าน ยกตัวอย่าง กลอน " บัดเดี๋ยวดังหงั่งเหง่งวังเวงแว่ว" โคลง "ธรณีนี่นี้.....พยาน" กลอน ครูสุนทรภู่จะเน้นทำนองในการนับ ให้เป็นแปดน้อยครู้งจะใช้คำกล้ำคือคำสอง คำเป็นคำๆเดียว ต้องให้ครบแปดคำเสมอๆ โคลง ครูศรีปราชญ์ก็เล่นเดียวกันคือการฃ นับทำนองนำหน้าอักษรเสมอๆในโคลง ของท่านแล้วเอาแนวทางกลอนมาใช้ใน โคลงของท่าน ดังนั้นครูยกตัวอย่างให้ศิษย์รักเราดู การเล่นแล้วแต่ศิษย์เราจะชอบใจอย่างใด อย่างหนึ่งแต่ก็ควรรู้ไว้เป็นความรู้แก่เรา เอาล่ะครูเกริ่นมามากพอแล้ว ขอจบเท่า นี้ ปกติการมอบความรู้ยกเว้นศิษย์ในเท่านั้น ก็จะมามอบให้แก่คนทั่วๆไปทางตอบกระทู้ เสียเป็นส่วนมาก แล้วแต่คนชอบหรือ ไม่ชอบตามใจเขา รักศิษย์เรามากๆเสมอ ไม่รู้ว่าจะเข้ามาอ่านอีกหรือไม่นะ แก้วประเสริฐ.
23 ตุลาคม 2555 14:33 น. - comment id 1246737
คุณ เพียงพลิ้ว หลานรักขออวยพรให้หลานเราจงมี ความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การเงานและ ทางครอบครัว เจริญสุขเถิดหลานรัก การนำพาพ่อแม่ไปเที่ยวพักผ่อนเป็น วิธีการที่ประเสริฐยิ่งนับเป็นการปรนนิบัติ ท่านอีกทางหนึ่งจ้า รักหลานเรามากๆเสมอ แก้วประเสริฐ.
23 ตุลาคม 2555 14:26 น. - comment id 1246761
คุณ บุญเพิ่ม ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
23 ตุลาคม 2555 14:28 น. - comment id 1246762
คุณ พจนาฯ การเล่นมีหลายๆแบบ การทำลอง คือสิ่งที่ควรกระทำสำหรับนักกลอน สิ่งใดดีก็นำมาใช้ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
23 ตุลาคม 2555 14:29 น. - comment id 1246763
คุณ บุญพร้อม ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
23 ตุลาคม 2555 14:31 น. - comment id 1246764
คุณ กุสุมา นับได้ว่าคุณยังมีบุญที่ได้รับการทดแทน พระคุณท่านไม่มากก็น้อย ส่วนผมท่านจากไป นานแสนนาน แต่ยังทรงไว้ในจิตสำนึกตลอด พยายามจะให้ท่านอยู่เคียงกับเราเสมอ ด้วย การรำลึกและกราบไว้บูชาก่อนนอน และทำบุญ จะบอกกล่าวท่านจ๊ะ รักมากเสมอ แก้วประเสริฐ.
23 ตุลาคม 2555 12:58 น. - comment id 1246937
หวลถวิลใจวาบเมื่อทราบว่า โอ้อกหนอมารดาอำลาด่วน มิคอยบุตรบ่ายความแลคร่ำครวญ ก้มกราบลาถ้อยถ้วนโหยหวนท้อ อาบน้ำตาในตกตระหนกต่าง ลูกผู้ห่างหวังทดกำหนดถ่อ- แทนพระคุณหนุนไล่อาลัยล้อ- แต่มิทันกาลพอจักรอพบ จึงตั้งหน้ายกน้ำถ้อยคำนั่น คำแม่มั่นหมายยั้งทางสยบ สร้างความดีลือลั่นจวบครรรบ จักประสบมีชัยในอาชีพ ฯ สวัสดีครับครู สองกลอนแล้วที่ครูเขียนถ่ายทอดความรักของแม่ ศิษย์ ขอวางสามบท...โดยทิ้งเสียงวรรคท้ายด้วยเสียงตรี แล้วรับด้วยเสียงเอกดูนะครับ รักษาสุขภาพด้วยครับครู
23 ตุลาคม 2555 09:35 น. - comment id 1247307
เดี๋ยวหลานก็กลับบ้านค่ะคุณลุง พาแม่ไปทัวร์อีสาน เยี่ยมญาติ
22 ตุลาคม 2555 20:18 น. - comment id 1249563
เฮ้อ .. พ่อไปสวรรค์ และที่เหมือนมี ก็ดันคล้ายเหมือนไม่อีกอีกต่างหาก
22 ตุลาคม 2555 20:32 น. - comment id 1249565
คุณ อัลมิตรา คุณอิมรู้ไหมคราวที่ผมมีบุญได้ร่วมรัปทาน อาหารโต๊ะเดียวกับคุณพ่อคุณแม่คุณ ผมตัุก ไข่เจียวฝีมือคุณ ใส่ในจานท่านทั้งสองท่าน ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ท่านเป็นคนไม่ช่างพูดหรือ ว่า....???...แต่ผมสังเกตุท่านสุขุมคัมภีร์ภาพมาก น่านับถือ ตามที่คุณบอกท่านเป็นนักเรียนเก่า สงสัยรุ่นเหนือกว่าผมแต่โรงเรียนเดียวกัน ภายหลังทราบว่าท่านไปสู่สรวงสวรรค์ ผมใจหายที่เคยร่วมสนทนาวิสาสะกัน ขอ ให้ท่านไปสุขๆคติเถิดครับ ขอบคุณ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
22 ตุลาคม 2555 21:30 น. - comment id 1249567
แจ่มจ้า
23 ตุลาคม 2555 06:09 น. - comment id 1249589
ไพเราะมากครับ
23 ตุลาคม 2555 06:55 น. - comment id 1249594
แวะมาเยือน ครับ
23 ตุลาคม 2555 07:54 น. - comment id 1249597
.. มีเพียงคุณแม่ที่ท่านอบรมเลี้ยงดูให้ประพฤติแต่ในสิ่งที่ดีงาม ท่านเป็นทั้งคุณพ่อและคุณแม่เจ้าค่ะ
24 ตุลาคม 2555 10:16 น. - comment id 1249604
ขอบคุณครูแก้ว มากครับ คอมเม้นของครูที่ตอบผม คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อหลายๆ คนเลยละครับ ครูบอกว่าที่จริงพื้นฐาน กลอน กับ โคลง หรือกาพย์ ไม่ต่างกัน ในเรื่องพื้นฐานของฉันทลักษ์ ทำนองเสียง เว้นแต่ความชอบแต่ละยุคแต่ละสมัย ยุคสมเด็จพระนารายณ์ เป็นยุคทองบทกวี โดยเฉพาะ โคลง ท่านครูศรีปราชญ์ นับว่าเป็นบรมครูทางด้านโคลงอย่างที่ครูกล่าวครับ และยุครัตนโกสินท์ ตอนต้น ยุค กลอน โดยเฉพาะ ครูสุนทรภู่ ผมเองได้เข้าไปอ่านงานโบราณ ทั้งกลอนและโคลง กลอนแน่นอน ต้องยกให้ท่านครูสุนทรภู่ อาจจะมีของท่านพระยาตรัง ก็น่าสนใจครับ โคลง ต้องยอมรับว่าภาษาโบราณ อ่านไม่เข้าใจ คำที่ใช้ บางทีแปลไม่ออก ผมอ่าน ลิลิตพระลอ ภาษาโคลงนับว่าเป็นเอก เพียงแต่มีบทอัศจรรย์เยอะไป อิอิ ยิ่งโคลงทวาทศมาศ แปลลำบาก และผลงานของครูศรีปราชญ์ กำสรวลสมุทร ๖น่าจะเป็นโคลงดั้น)บางคำเข้าใจยาก มาติดใจเอาโคลงนิราศนรินทร์ เพราะนายนรินทร์แก ชมภรรยา(เมีย)แกงามยังกะนางฟ้านางสวรรค์ อิอิ ผมเองเข้าไปศึกษางานของคุณหมอวฤก บ่อยๆ ได้คำแนะนำมาบ้าง นอกนั้นแอบไปอ่านงานในกลุ่ม อาโศรมฯ งานเก่าๆ ยังมีคุณอิมเข้าไปเล่นเลย แต่ผมเองคงต้อง ฝึกอีกมากครับและด้วยคำแนะนำของครู ยังจำได้เสมอครับ ดูแลสุขภาพด้วยนะครับครู
24 ตุลาคม 2555 15:02 น. - comment id 1249613
พ่อหนูอยู่บนสวรรค์แล้วค่ะครู
24 ตุลาคม 2555 17:04 น. - comment id 1249626
แม่จากไปนานแล้ว เหลือแต่พ่อจ้ะครู ตอนนี้ท่านก็อายุมากแล้ว แต่ยังช่วยเหลือตัวเองได้อยู่ ถ้าเลือกได้ ก็อยากให้เป็นอย่างนี้ไปอีกนานๆ
24 ตุลาคม 2555 18:22 น. - comment id 1249632
คุณ อนงค์นาง การใฝ่รู้และสนุกกับงานนั้นๆเป็นสิ่งดีแล้ว นอกจากเพิ่มพูนความรู้เล็กๆน้อยๆเสริมทักษะ เราไว้ นับว่าหายากจริงๆเพราะส่วนใหญ่จะมี คำขี้เกียจเป็นคำอุทานไป เที่ยวให้สนุกถึง แม้จะมีเวลาน้อยนิด แต่ครูคิดว่าเธอมีนิสัย ขยันอยู่แล้วย่อมสนุกกับงานนั้นๆย่อมแบ่ง เวลาได้ดีอยู่เสมอจ๊ะ ครูนั้นนับวัีนสุขภาพ โทรมไปเนื่องจากอายุมากไปเรื่อยๆจ้า รักศิษย์เรามากเสมอ แก้วประเสริฐ.
24 ตุลาคม 2555 18:44 น. - comment id 1249634
คุณ กิ่งโศก เนื่องจากเวปฯไทยกลอนล่มตั้งแต่เช้า พึ่งจะเข้าได้ตอนมืดเย็นมากแล้ว จึงขอตอบ ดังนี้ อันกลอนโบราณนั้นมักจะใช้ภาษาท้อง ถิ่นเป็นตัวช่วย เช่น คำส่งของวรรคที่สอง ของโคลง และคำรับที่วรรคสุดท้ายช่วง กลางเป็นตัวรับนั้น เช่นคำว่า แพร่เป็นแป้ พลิ้วใช้คำกิ้วเป็นต้น แต่ความหมายสลับ ให้สามารถรับได้ไม่ผิดฉันทลักษณ์ บ้างก็ไม่มีคำแปลสำหรับ คนบางคน แต่ระดับปรมาจารย์ย่อมมีคำ แปลเสมอๆ แต่เป็นภาษาท้องถิ่นของ ภูมิประเทศนั้นๆ เหนือ กลาง ตะวันออก อิีสาณ และทางใต้ในภาษาพูด ดังนั้นจึง ทำให้คนต่างถิ่นไม่สามารถเข้าใจรู้ความ หมายของคำนั้นๆได้ ส่วนระดับสูงที่เรา แปลหรือศิษย์ยกตัวอย่างเช่น ลิลิตพระลอ นั้น จะใช้คำพูดในแวดวงศ์กษัตริย์ผสมกับ ภาษาพูดชาวบ้าน เป็นคำสูงๆซึ่งเราไม่สามาถ จะเข้าไปถึงได้ จึงไม่สามารถแปลได้หรือ บางทีใช้ภาษาสันสฤตผสมเข้าไปอีกเป็นต้น ด้วยเหตุดังกล่าวท่านครูศรีปราชย์ซึ่ง มึนิสัยกรุ้มกริ่มอยู่แล้วจะใช้คำเหล่านี้ไป จีบสาวๆย่อมไม่ได้ ดังนั้นท่านจึงฉีกคำ ออกมาในลักษณะกลางๆที่ทุกระดับเข้าใจ ได้ อย่างที่เราเห็นจ๊ะ จะมีเหมือนกันที่ท่าน ได้ใช้คำยากๆระดับสูงผสมไว้ แต่ครูเรียกว่า เป็นการเล่นคำเล่นอักษรไป จะง่ายแก่การ เข้าใจเอง เอาล่ะครูเกริ่นแนวทางไว้ว่า เหตุใดเราจึงไม่สามารถแปลโคลงบางบท ได้ ก็เพราะเหตุดังนี้ แต่สังเกตุไว้เถอะว่าการ เล่นแบบนี้จะมักอยู่ในระดับเจ้านาย พระมหา กษัตริย์เท่านั้น และอีกประการหนึ่งของโคลง ที่เล่นการรับ เอก โทตามวรรคแรกนั้นเหตุใด จึงผิดฉันทลักษ์แต่ก็มีคนเล่น เช่น นุขนาถให้ไว้แด่ คนรัก จะเห็นได้ว่าการรับจะสลับกันไม่เป็นไป ตามฉัีนทลักษณ์โคลง คือโทก่อนแล้วเอก ซึ่งควรเป็น เอก ก่อนแล้วตามด้วย โท ครูเองเข้าใจว่าเขาเล่นไปตามทำนองเสียง มากกว่าหรืออาจจะมีนัยอื่นได้ก็ไม่สามารถ ทราบได้ ทั้งๆที่ผิดฉันทลักษณ์ไป ศิษย์เราลองค้นหาคำตอบด้วย ครูพยายาม แล้วแต่ไม่เป็นผล แต่การเล่นนี้คนเล่นเป็น คนเก่งโคลงเสียด้วย ดังนั้นครูจึงไม่กล้า วิจารณ์มากนัก เอาล่ะแค่นี้นะจ๊ะ รักศิษย์เรามากๆเสมอ แก้วประเสริฐ.
24 ตุลาคม 2555 18:49 น. - comment id 1249635
คุณ แก้วประภัสสร ศิษย์รักเราเรื่องนี้เป็นอนิจจังจ๊ะย่อม ไม่แน่นอนเสมอ แต่นับว่ายังมีบุญที่คุณแม่ ยังอยู่ให้เราได้ทดแทนพระคุณท่าน ศิษย์เราการทดแทนพระคุณพ่อแม่เปรียบ ดังสร้างกุศลให้แก่เราอยู่สูง ท่านทั้งสอง เปรียบดังพรหมของบุตรอิสตรีทั้งหลาย เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์แม้แต่ พระพุทธเจ้าเรายังทรงสรรเสริญอย่างมาก ในเรื่องนี้ รักศิษย์เรามากๆอยู่เสมอ แก้วประเสริฐ.
24 ตุลาคม 2555 18:52 น. - comment id 1249636
คุณ ดิน ศิษย์นับว่ามีบุญอย่างมหาศาลจงปรนนิบัติ ท่านให้ดีเถิด ความสุขความเจริญจะก่อเกิดเป็น ที่รักใคร่ของเหล่าเทวดา มนุษย์หรืออมนุษย์ ทั้งปวงนะ การเลือกของเรานั้นต้องเป็นไป ตามธรรมชาติและอีกหลายๆอย่างประกอบจ๊ะ รักศิษย์เรามากเสมอ แก้วประเสริฐ.