สมัยก่อนพุทธกาลไม่นานมาก เรื่องเกิดจากหญิงหนึ่งคิดถึงบ้าน หลังคลอดลูกคนแรกแทบแหลกราน สั่นสะท้านทั้งกายแทบตายลง เมื่อลูกคลอดออกมาสายตาแม่ เสียงอุแว้ของเจ้าแม่เฝ้าหลง จากก้อนเนื้อในครรภ์ที่บรรจง ห่วงพะวงถึงเจ้าทุกเช้าเย็น ใจเธอหวนครวญคะนึงคิดถึงแม่ รักเที่ยงแท้ยิ่งใหญ่เธอได้เห็น ที่จากบ้านต้องทำเพราะจำเป็น ใช่อยากเร้นหลีกหลบไม่พบกัน มีครอบครัวทำงานสร้างบ้านใหม่ วันนี้ได้ลูกน้อยที่คอยฝัน เฝ้าคิดถึงแม่พ่อที่รอวัน ให้เธอนั้นกลับไปในสายตา เธออำลาสามีถิ่นที่อยู่ ตอนเช้าตรูเดินทางไปกลางป่า อุ้มลูกน้อยกลอยใจผ่านไพรพนา จวบจนมาถึงฝั่งพักนั่งนอน สายน้ำเย็นดับร้อนในตอนบ่าย เธอเคลื่อนกายหมายดื่มให้ลืมร้อน ขณะวางลูกไว้ใกล้สาคร คนแอบซ่อนอุ้มจับวิ่งกลับไป เธอไล่ตามหญิงหนึ่งซึ่งนำหน้า เอื้อมมือคว้าดึงฉุดให้หยุดไว้ ทั้งสองต่างยื้อแย่งไม่เกรงใจ หลายคนได้ยินเสียงเธอเถียงกัน ต่างบอกว่าเด็กนั่นที่ฉันแย่ง คือลูกแดงที่คลอดออกจากฉัน ต่างไม่ยอมให้ลูกต่างผูกพัน ต่างผลักดันยื้อยุดไม่หยุดมือ ชาวบ้านฟังต่างนึกเร่งปรึกษา แก้ปัญหาแย่งลูกให้ถูกหรือ ใครตัดสินได้ตรงเขาคงลือ จนเลื่องชื่อลือนามในความดี กล่าวถึงพระมโหสถกำหนดผ่าน พวกชาวบ้านเห็นองค์จึงตรงรี่ ช่วยตัดสินเรื่องนั้นให้ฉันที เพราะเหตุมีแย่งลูกต่างผูกพัน มโหสถตรึกตรองมองปัญหา เอาเชือกมาสองเส้นดังเช่นนั้น มัดปลายเชือกกับอกทารกพลัน ปลายอีกอันมารดามารับไป สองแม่จับเชือกสายที่ปลายเส้น อีกปลายเป็นลูกรักบนหลักไม้ จะนับหนึ่งถึงสามไปตามใจ พอนับได้จนจบตะปบดึง ใครที่ดึงลูกไปจะได้แน่ ความเป็นแม่ก่อเกิดกำเนิดถึง แล้วเริ่มนับหนึ่งสองเชือกพร้อมตึง แต่เสียงหนึ่งแว่วแว่วเริ่มแผ่วดัง เสียงทารกร้องเพิ่มคงเริ่มแน่น อยู่บนแท่นเชือกรัดและมัดฝัง เจ้าทารกร้องจนเกินทนฟัง หญิงหนึ่งยั้งมือปล่อยเชือกห้อยลง มโหสถเดินมาอุ้มทารก จนใกล้อกหญิงนั้นแล้วพลันส่ง ทารกน้อยที่เจ้าเฝ้าพะวง นี่ก็คงลูกเจ้าเราเข้าใจ เจ้าเลือกที่ปล่อยมือไม่ถือเชือก สิ่งที่เลือกคือรักประจักษ์ได้ เจ้าสมควรได้รับลูกกลับไป เพราะหทัยเจ้าแท้คือแม่คน ประชาชนที่ฟังต่างนั่งนิ่ง มีบางสิ่งตีบตันเป็นพันหน ต่างยกมือศรัทธาสาธุชน บ้างร้อนรนลืมเช็ดเกล็ดน้ำตา.... -------------- (ไร้อันดับ)
12 เมษายน 2555 23:04 น. - comment id 1229790
สุดยอดครับพี่
13 เมษายน 2555 03:06 น. - comment id 1229800
วุ้ย วุ้ย วุ้ย พุทธบริษัททั้งหลาย สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ชิมิชิมิ ธรรมะสวัสดีจ๊าสหาย บรรลุแล้วแจ้งข้าพเจ้าด้วยเน้อ ข้าพเจ้าจะตามไปเป็นมารพระธรรมสหายตลอดน๊า
13 เมษายน 2555 16:35 น. - comment id 1229845
สวัสดีค่ะ คุณรอด. ตอนนี้แม่ไม่อยู่แล้ว แต่เวลาอ่อนแอมักคิดถึงแม่เสมอ... มันทำให้มีกำลังใจ เวลาคิดถึงภาพแม่ที่ลำบากเพื่อเรา แม่ยอมอดแต่ไม่ให้ลูกอด...
13 เมษายน 2555 18:19 น. - comment id 1229858
เยี่ยมไปเลย.สบายดีนะคุงพี่
13 เมษายน 2555 20:32 น. - comment id 1229868
เจ้าเลือกที่ปล่อยมือไม่ถือเชือก สิ่งที่เลือกคือรักประจักษ์ได้ เจ้าสมควรได้รับลูกกลับไป เพราะหทัยเจ้าแท้คือแม่คน ^^^ ลึกซึ้งมากเลยอ่ะพี่... สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ
14 เมษายน 2555 16:26 น. - comment id 1229939
.............. ไพเราะ ประทับใจ ซาบซึ้งใจ จริงๆจ้ะ .............
14 เมษายน 2555 20:30 น. - comment id 1229967
Climax ของเรื่องอยู่ที่การเฉลยปริศนาของพระมโหสถ ซึ่งหญิงที่ตู่เป็นแม่เด็กดีใจที่ตนดึงเด็กมาจนได้ คิดว่าตนชนะและจะได้เด็กไปเป็นของตน แต่พระมโหสถบอกว่าผู้เป็นแม่ที่แท้จริงจะทนเห็นลูกเจ็บปวดไม่ได้ เธอจึงไม่ยอมดึงเพราะความรัก สงสารกลัวลูกเจ็บ ท่านจึงตัดสินให้หญิงผู้ไม่ยอมดึงทารกเป็นแม่ที่แท้จริง ท่ามกลางเสียงสาธุชนผู้ทึ่งในปัญญาอันเฉียบแหลมของพระมโหสถ มหาชาติ 1 ใน 10 ชาติก่อนที่ท่านมาตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระปัญญาธิกะพระพุทธเจ้า ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมานำเสนอครับ ขอให้มีความสุขในธรรมทานครับ
14 เมษายน 2555 21:40 น. - comment id 1229989
ความรักของแม่ยิ่งใหญ่จริงๆค่ะ สุขสันต์วันปีใหม่ไทยค่ะพี่ชาย
15 เมษายน 2555 14:10 น. - comment id 1230035
อ่านจบน้ำตาก็ไหลเลย ขอบคุณนะค่ะที่แต่งให้อ่าน
16 เมษายน 2555 00:37 น. - comment id 1230066
10 ฮี่ ฮี่
17 เมษายน 2555 14:58 น. - comment id 1230161
คุณสีเมจิก เรื่องนี้ ผมอ่านจากนิทานชาดก เกิดความประทับใจในความรักของแม่ เลยอยากแบ่งปันให้คนอื่นอ่านบ้างครับ ขอบคุณครับ ขอให้มีความสุขครับ
17 เมษายน 2555 15:01 น. - comment id 1230162
ยกป. รู้จักคำว่า พุทธบริษัทกับเขาด้วยเหรอ คิดว่า รู้แต่ บริษัทผลิตเบียร์ ช่วงนี้ หายใจเป็นผีแดงตลอดนะ ระวังนะ ปีนี้จะโดนผีหลอก
17 เมษายน 2555 15:05 น. - comment id 1230163
คุณแมงฯ ความอ่อนแอ มักเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ไม่ว่าจะอ่อนแอ หรือ เข้มแข็ง ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ตอนนี้ถึงไม่มีแม่ แต่แม่คงคอยดูคุณอยู่ จากที่ไหนสักแห่ง อย่าลืมทำให้แม่ภูมิใจ ในตัวคุณนะ
17 เมษายน 2555 15:06 น. - comment id 1230164
อ้อย ดีใจ นะที่มาทักทายกัน ผมสบายดี หวังว่าอ้อยสบายดีเช่นกัน
17 เมษายน 2555 15:09 น. - comment id 1230165
ฝน หัวใจของคนที่เป็นแม่ ทนเห็นความเจ็บปวด ของลูกไม่ได้ นี่เป็นหลักการและวิธีแก้ปัญหา ของพระมโหสถ และเป็นเรื่องราว ที่ใครได้ฟังก็คงรู้สึกถึงความรัก และหัวใจของแม่ได้ ดีใจ ที่มานะ
17 เมษายน 2555 15:12 น. - comment id 1230166
คุณ Din เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ซาบซึ้งจริงๆ อยากให้คนได้รู้ว่า หัวใจของแม่แท้จริง คือความรัก และความเมตตาต่อลูก ขอบคุณครับ
17 เมษายน 2555 15:32 น. - comment id 1230167
คุณฤทธิ์ ความรักและความเมตตาของแม่ ได้พิสูจน์ให้ชาวบ้านได้รับรู้ จากเรื่องนี้ ด้วยการปล่อยเชือกที่ใช้ดึงลูก แม้ลูกจะต้องตกเป็นของคนอื่น แต่ด้วยความเป็นแม่ หัวใจของแม่จะทนเห็น ความเจ็บปวดของลูกได้ยังไง นี่คือวิธีแก้ปัญหา ที่ชาญฉลาด และน่าประทับใจจริงๆ ครับ มีกลอนธรรมะหลายเรื่องที่คุณเขียน ทำให้ผมประทับใจมาโดยตลอด ถ้าจะขอบคุณการนำเสนอกลอนธรรมะ ผมเสียอีกที่ต้องขอบคุณ คุณเป็นอย่างมาก ที่นำสิ่งดีดีมาให้ผมและคนอื่นได้รับรู้ และสัมผัสเรื่องราวดีดี ผมยังรออ่านเรื่องดีดีของคุณอีกครับ ขอให้มีความสุขในธรรมทาน เช่นกันครับ
17 เมษายน 2555 15:34 น. - comment id 1230168
คุณแบม รักแท้และหัวใจของแม่ สามารถพิสูจน์ได้จริงๆ ว่าไหมครับ สุขสันต์วันปีใหม่ไทยครับ
17 เมษายน 2555 15:35 น. - comment id 1230169
คุณผู้หญิงไร้เงา น้ำตาทำให้ตาเราใสสะอาดขึ้นครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ ขอให้มีความสุขครับ
17 เมษายน 2555 15:45 น. - comment id 1230172
ฉาง นานจังเลยนะ ที่ห่างหายกัน แต่ดีใจนะ ที่ยังไม่ลืมกัน เป็นยังไงบ้าง มีความสุขดีอยู่หรือเปล่า พี่สบายดี ช่วงนี้กำลังฝึกการทำสมาธิ เรียนทั้งเสาร์อาทิตย์ แถมยังมีการบ้าน ต้องมาทำที่บ้านด้วย เลยไม่ค่อยมีเวลาว่าง กำลังอินกับการเรียนด้วย ฝากความคิดถึงคุณมัสด้วยนะ ขอให้มีความสุขนะ
18 เมษายน 2555 21:34 น. - comment id 1230372
เป็นเราไม่ปล่อยเชือกหรอก ลูกเราจะปล่อยให้เขาดึงไปได้ไง จิงป่ะ แบบมือใครยาว สาวได้สาวเอา
19 เมษายน 2555 01:13 น. - comment id 1230376
เป็นเราเลย หยุดๆ สต๊อบ ไม่ต้องดึง เอาไปเลย ยกให้ อย่าเอามาคืนด้วยนะ อิอิ ปล แมนยูสู้ๆ
19 เมษายน 2555 12:51 น. - comment id 1230426
ดีจร้า ขอรับ ท่านพี่ รอด กินใจมากๆ หวนย้อนความตามจิตพินิจนึก ให้รำลึกนึกมองศาสนา หนึ่งกระชากลากหรือคือมารดา หนึ่งอุรากลัวลูกเจ็บถูกดึง จึงผ่อนท่าคราสามถูกนับเอ่ย ความจริงเผยแก่ใจผู้ให้ขึง ยื้อทารกอกแม่ที่แท้จึง ฤากล้าทึ้งลูกน้อยเจ้ากลอยใจ ยอมผ่อนเชือกเลือกปล่อยเจ้ากลอยจิต เพราะสถิตวิญญาณมารดาไว้ นั้นคือแม่แท้จริงยิ่งกว่าใคร รักยิ่งใหญ่สุดหล้าเกินฟ้าดิน ความรักของแม่...ประมาณไหนก็มิปาน ขอรับ
19 เมษายน 2555 14:01 น. - comment id 1230455
จวว. จวว. พูดถูกเสมอ ใครจะกล้าขัดคอ จวว. ว่ามะ ช่วงนี้ดึงอะไรได้บ้างล่ะ ดึง ยกป. ทีดิ
19 เมษายน 2555 14:03 น. - comment id 1230457
ยกป. อย่าง ยกป. คงไม่มีแรงดึงเชือก มีแต่แรงดึงแก้วเบียร์ ประมาณว่า เบียร์ข้าใครอย่าแตะ ปล. แมนยู จะสู้ไหวเหรอ
19 เมษายน 2555 14:08 น. - comment id 1230460
คุณ กรต. ขอบคุณที่เขียนกลอนดีดี มาแจมกันครับ ตอนผมอ่านเรื่องนี้ครั้งแรก ก็คิดว่า อยากจะนำมาเขียน เป็นกลอนแบ่งปันกันอ่าน อยากให้คนอ่านประทับใจ ด้วยกันครับ ตอนแรกว่าจะตอบเป็นกลอน แต่ช่วงนี้ภาระเยอะมาก ขอตอบเป็นร้อยแก้ว ไม่ว่ากันนะครับ ขอบคุณครับ
20 เมษายน 2555 21:48 น. - comment id 1230571
เยี่ยมมากค่ะ อ่านแล้วน้ำตารื้นเลย สบายดีนะคะ ขอบคุณที่นำเสนอเรื่องดีดีค่ะ
20 เมษายน 2555 22:53 น. - comment id 1230573
คุณแจ้น ใจของแม่ ย่อมไม่ยอมให้ลูกต้องเจ็บปวด เรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้อย่างดี ตอนผมอ่านจากนิทานในเวปธรรมะ ก็ประทับใจ ตั้งใจไว้ว่าถ้าว่าง จะเขียนเป็นร้อยกรองเพื่อแบ่งปันกันบ้าง ซึ่งงานที่ออกมาอาจยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็เป็นความตั้งใจที่จะทำครับ ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนกัน ขอให้มีความสุขครับ