๏ ร่างจดหมายฉบับหนึ่งถึงปีกฟ้า อัลมิตรามีเรื่องแจ้งแถลงไข ที่เคยสุขสโมสรบ้านกลอนไทย เดี๋ยวนี้ไม่สุขแล้ววี่แววลาง ด้วยไร้ความสามารถปราศปัญญา แถมปัญหามากจนคนเริ่มหมาง เชิญปีกฟ้ากำหนด"ปลดระวาง" หน้าที่ว่างรับคนใหม่ไปดูแล ขอเป็นเพียง "อัลมิตรา สมาชิก" เรื่องจุกจิกกวนใจไม่อยากแส่ วอนปีกฟ้าปลดไปอย่าได้แคร์ อยากเป็นแค่ธรรมดาสิทธิ์สามัญ สวนแห่งวรรณศิลป์ ณ ถิ่นนี้ เคยเปรมปรีด์กวีกล้าตามหาฝัน กลับเกลื่อนผรุสวาจาปรามาสกัน ถ้อยรังสรรค์เสื่อมสลายในพริบตา อันสวนสมสวนสวยด้วยสิ่งฝัน หากกระนั้นผู้พิทักษ์และรักษา ย่อมต้องรับผิดชอบตอบเจตนา คือที่มาของจดหมายที่ร่ายเรียง ๚ะ๛
29 กุมภาพันธ์ 2555 11:45 น. - comment id 1215758
เท่าที่ผ่านมาสิ่งที่งดงามก็ปรากฏอยู่ไม่น้อยไปกว่าคำที่ไม่ดีไม่งาม ถ้าพี่อิมท้อ ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
28 กุมภาพันธ์ 2555 12:41 น. - comment id 1218705
ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาดีแล้ว หากว่าเกินขอบเขต คงไม่มีใครตำหนิหรอก ปรึกษากันซะให้เรียบร้อยว่าจะจัดการอย่างไรต่อไปดี..สำหรับปัญหานี้.. ส่วนเรื่องการลาออก ขอคัดค้านจ๊ะ หากเลือกได้ ขอคนเดิมนี่แหละ...
16 มีนาคม 2555 18:27 น. - comment id 1225574
เพิ่งเห็นกระทู้นี้ค่ะ ก็พอจะเข้าใจ--เพราะที่เว็บบ้านเล้าหมู-ของป้าก็มีบางคน ที่รับไม่ได้กับ กลอนที่มีเนื้อหา เหน็บแนมรัฐบาล แตไม่ถึงกับมาทะเลาะกัน คือไม่ชอบก็ไม่มา....หรือมาแต่ไม่ต่อกระทู้ที่ไม่ชอบ....ก็แค่นั้น คุณอยู่ตรวนี้มานานเท่าที่ป้ารู้ อยู่ต่อเถอะค่ะ เราทำให้ใครพอใจทุกคนไม่ได้ ส่งแรงใจให้ค่ะ ป้าไม่มีรหัสล๊อกอิน--เพราะออกไปนานแล้ว...
27 กุมภาพันธ์ 2555 16:50 น. - comment id 1226518
แหล่งที่มา เพราะ.. ทำหน้าที่ไม่ดี จึงไม่มีคำแก้ตัว ^ ^ ^ อัล ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ทำไมถอดใจง่ายๆล่ะ
27 กุมภาพันธ์ 2555 17:00 น. - comment id 1226525
ก่อนที่พี่อิมจะลาออกโปรดทิ้งผลงานชิ้นโบว์แดงในหน้าที่ของผู้ดูแลระบบให้น้องได้เห็นเป็นขวัญตาหน่อยซิคะ
27 กุมภาพันธ์ 2555 17:13 น. - comment id 1226527
จะไปไหนครับคุณอัลมิตรา
27 กุมภาพันธ์ 2555 17:25 น. - comment id 1226529
ก่อนอื่นต้องเสนอหน้ามาก่อน แต่ไม่เกี่ยวที่จะวัดใจสมาชิกนะจ๊ะ กรณีมีบุคคลไม่ประสงค์ออกนามมาป่วนในเวฟนี้ เป็นที่รู้สืบเนื่องกันมาหลายปีแร้วววว หลักๆก็จะหัวข้อเกี่ยวกับเหลืองกับแดงกรณีพิพาท ทั้งผู้ล็อคอินและผู้ไม่ล็อคอิน และตอนจบก็จะเป็นสมาชิกที่ไปตอบโต้เป็นฝ่ายทนไม่ได้หยุดเสวนาไปเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น กรณีที่บางกระทู้มีการหมิ่นประมาทผิดต่อกฎหมาย ผู้ดูแลระบบก็จะลบกระทู้นั้นๆออก เพราะจะทำให้เวฟนี้ถูกปิดลงได้ ซึ่งไม่ใช่เจตนารมณ์ของคุณปีกฟ้าเจ้าของเวฟ ผู้เสียเงินรายปีให้สมาชิกทุกๆท่านได้แสดงฝีมือ ทางวรรณกรรรมเล่นฟรีกันโดยมีคุณอัลมิตรา อาสาสละเวลางานส่วนตัวมาดูแลให้ตามเจตนารมณ์ของคุณปีกฟ้า เรื่องพิพาทที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งในรอบหลายๆปี ผู้ดูแลระบบก็ได้ออกมาแจ้งถึงเจตนารมณ์และหัวข้อของกฎหมาย มาโดยตลอด อาจจะมีสมาชิกใหม่ที่ยังไม่เคยเห็นก็สามารถค้นดูได้ เพียงกดค้นหาผู้ดูแลระบบ บ้านกลอนไทย ก็จะเจอกระทู้ต่างๆที่แจ้งให้ สมาชิกทุกคนได้ทราบ เช่น http://www.thaipoem.com/forever/ipage/story8420.html หรือ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/story10180.html สำหรับกรณีที่มีบุคคลแฝงมาในชื่อต่างๆนั้น ถ้าจะให้ผู้ดูแลระบบคอยตามเป็นกรรมการคอยจัดการทุกกรณีพิพาท คิดว่าผู้ดูแลฯคงจะไม่มีเวลาทำมาหากินส่วนตัวเป็นแน่ เราในฐานะผู้อาศัยในบ้าน ตามสุภาษิตโบราณ "อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นความให้ลูกท่านเล่น" เราเห็นอะไรที่รกๆ ไม่ส่งผลดีต่อเยาวชนนับหมื่นที่ศึกษาเวฟนี้ ก็ช่วยกันลบออกไป ช่วยกันดำเนินต่อสานวรรณกรรมต่อตามเจตนารมณ์ ของเจ้าของเวฟ หรือเป็นอีกแรงที่ช่วยกันทำความสะอาดบ้านนี้ ไม่ใช่เปิดศึกสงครามกับเงาแล้วไม่มีผลแพ้ชนะก็ออกมากดดันให้ ผู้ดูแลเป็นกรรมการให้(อันนี้ไม่ถูก) การเสนอเปลี่ยนแปลงระบบเวฟที่เปิดมาร่วมสิบปี เพียงเพื่อให้สมาชิกทุกคนต้องล็อคอินก่อนคอมเม้นท์(เพียงเพื่ออยากรู้ ว่าคนที่ไม่ล็อคอินเป็นใคร) อันนี้ก็ไม่ใช่เจนตาของบ้านวรรณกรรม ที่สำหรับวาดลีลาบนลานวรรณศิลป์แน่นอน ขออภัยที่มาเสียยาว แต่อยากมาแสดงความรักบ้านวรรณกรรมแห่งนี้เช่นทุกคน และขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้จิตอาสาของผู้ดูแลระบบมีกำลังใจเดินนำหน้าแนววรรณกรรม ต่อไปยังเยาวชนเฉกเช่นเคยทำมาเสมอค่ะ
27 กุมภาพันธ์ 2555 18:38 น. - comment id 1226535
ขออัญเชิญพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่หก อันว่าความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน เห็นด้วยกับคุณยาแก้ปวดค่ะ คุณอัลมิตราทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว ถ้าเราตัดเรื่องการเมืองออกไปไม่แบ่งฝ่ายแบ่งสี ก็ไม่มีใครมากวนเรา ไม่ล้อเลียนการเมืองให้เคืองฝ่ายใด ไม่เสียเวลามาด่ากัน เอาชนะกัน อยากให้ศัตรูเป็นมิตร ก็ต้องยื่นความเป็นมิตรให้เขาก่อน ไม่ใช้การตัดกำลัง หรือโต้ตอบไปมา เขาก็จะไม่มาป่วนเราค่ะ
27 กุมภาพันธ์ 2555 18:44 น. - comment id 1226536
ขออภัยค่ะ พิมพ์ผิด คำว่า รัชการ ขอแก้เป็น รัชกาล ด้วยค่ะ คุณอัลมิตราเอาเวลาไปทำงานจิตอาสาที่มีประโยชน์เหมือนที่เคยทำมานั้นดีกว่าค่ะ งานประจำคุณอัลมิตราก็มี สุขภาพร่างกายก็ต้องดูแล ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
27 กุมภาพันธ์ 2555 18:49 น. - comment id 1226537
แต่อย่าลาออกเลยนะคะ ขอให้อยู่เป็นผู้ดูแลระบบต่อไป เอาใจช่วยและเชียร์เต็มที่ค่ะ
27 กุมภาพันธ์ 2555 19:14 น. - comment id 1226539
คุณปีกฟ้าไว้ใจอิมมากที่สุด คนเรานะอย่าไป สนใจมากนักเกี่ยวกับงาน ทุกอย่างใช่ว่าจะดี ไปหมด คุณนั่นแหละเหมาะสมมากกว่าใครๆ งานทางนี้เจริญรุดหน้ามากกว่าเวปฯอื่นก็ด้วย คุณเป็นสิ่งที่ทำ ฉะนั้นอย่าเปลี่ยนใจไปเลย หนทางเดินใช่ว่าจะมีแต่กลีบกุหลาบก็หาไม่ ย่อมต้องมีอุปสรรคหลายๆอย่าง นี่พูดจากหัวใจ จริงๆนะ อยู่ต่อเถอะตราบจนลมหายใจและ ร่างกายไม่ไหวนั้นแหละ ผมไม่เห็นใครจะ เหมาะสมเท่าคุณอีกเลย ผมเข้ามาอ่านงาน คุณทุกๆครั้งแม้ว่าจะไม่เม้นท์ตอบก็จริง คุณ เป็นยอดหญิงในดวงใจผมเสมอๆ ฉะนั้นคุณปีกฟ้าอย่าปลดปล่อยคนเก่ง คนนี้ไปนะครับ รักทั้งสองคนมากๆเสมอ แก้วประเสริฐ.
27 กุมภาพันธ์ 2555 21:02 น. - comment id 1226552
คุณอัลมิตรา ไม่ต้องไปไหนหรอกครับ บ้านกลอน ถ้าไม่มีผู้ดูแลระบบ อย่างคุณอัลมิตรา ผมยังมองไม่เห็นคนใด ที่จะทำหน้าที่นี้ได้ เพราะคนที่ทำหน้าที่นี้ ต้องเป็นคนที่มีจิตใจ เสียสละจริงๆ นอกจากมีจิตใจที่เสียสละแล้ว ต้องเป็นผู้มีทักษะด้านกลอนที่ดี คุณสมบัติแบบนี้ผมว่าหาไม่ได้ง่ายๆ ครับ ทำงานทุกอย่างต้องมีปัญหา และปัญหาจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น ทำหน้าที่ต่อไปเถอะนะครับ
27 กุมภาพันธ์ 2555 21:30 น. - comment id 1226556
คุณอัลมิตราคะ ก่อนที่คุณจะยอมแพ้ กรุณาตอบปัญหาสักข้อนะค่ะ ถ้ามีงูพิษเข้ามาในบ้าน คุณจะทำอย่างไร ข้อ 1 ไล่ให้มันไปที่อื่น ข้อ 2 ตีมันให้ตาย ข้อ 3 ทิ้งบ้านปล่อยให้งูมันอยู่แทน
27 กุมภาพันธ์ 2555 21:40 น. - comment id 1226557
ปัญหา คนคนเดียว ทำให้สังคมที่ดีงาม ต้องเสื่อมเสีย คนที่มีจิตสำนึกปรกติ ย่อมไม่ทำเช่นนั้น และ ไม่ใช่เหตุที่จะไปกล่าวโทษผู้ดูแล ที่ไม่ใช่เจ้าของ และยังเสียสละ โดยไม่ได้ประโยชน์ตอบแทน นอกจากนั้น เจ้าของเว็บ ก็ไม่ได้ประโยชน์จากการเปิดให้ได้เข้ามาเป็นสมาชิก (หรือไม่เป็น แต่เข้ามาได้อย่างเสรี) หากคนที่สร้างปัญหา ไม่มีจิตสำนึก ยังพัวพันตอแยคนที่มีความคิดต่าง คนที่ไม่อยากตอแยด้วย และหมดอารมณ์สุนทรีย์ ก็คงค่อยๆหายไปเรื่อยๆ อย่างที่เป็นมา ที่หลายคนคิดว่า อย่าไปเขียนเรื่องการเมือง ก็จบ นั้น ไม่จริง ผมเองมีส่วนในการโต้แย้ง และมีความเห็นต่าง คนคนนี้ ก็จะผูกใจอาฆาต คอยตอแย ทุกครั้งที่มีโอกาส ทั้งๆที่ ไม่มีเหตุให้ตอแย ก็จะคอยตามรังควานตลอดเวลา ผมอยากเจอหน้า ให้เห็นกันจะจะ ตัวต่อตัวเสียเลย ไม่ได้ท้าทาย แต่อยากคุยด้วย ตัวเป็นๆ คนแก่ที่เกษียณแล้ว ไม่กลัวตาย ถ้าคนคนนี้ ยอมรับว่า คือ นาย อธิเทพ ผาทา จริงๆ ก็บอกมา จะไปหา
27 กุมภาพันธ์ 2555 21:49 น. - comment id 1226559
การดูแลหมู่ชนคนเขียนฝัน การแบ่งปันไมตรีกวีใส การชี้ชวนล้วนหวามงามน้ำใจ ศิวิไลกลอนกลเยาวชนเรียน เหนื่อยกายหนักพักกายให้หายเหนื่อย ลมเอื่อยเอื่อยพลิ้วไหวใจเสถียร รอบรอบกายหมู่คนกลวกเวียน คนที่เพียรก่อกวนป่วนวุ่นวาย เป็นด้วยใจใฝ่เหตุอาเพศบ้าน เป็นคนพาลจิตฟ้อนร้อนมากหลาย ด้วยความคิดกัดกร่อนบ่อนทำลาย ทำวุ่ยวายถ้วนทั่วตัวอัคคี สวัสดีค่ะ คุณอัลมิตรา ถึงคุณจะไม่ดูแลแล้วก็ใช้ว่าเหตุการณ์จะหยุด ผลวันที่หนึ่งมาบอกกันบ้างนะค่ะ ขอให้คุณปลอดภัยแข็งแรง ผลผ่านไปด้วยดีค่ะ
28 กุมภาพันธ์ 2555 09:29 น. - comment id 1226571
ดื่มนมอุ่น ๆ ค่ะ อย่ากังวลใด ๆ นะคะ
28 กุมภาพันธ์ 2555 09:29 น. - comment id 1226572
สวัสดีคะคุณอัล การทำงานมักมีความท้อบ้างแต่อย่าถอยไปเลยนะคะ มาตั้งหลักใหม่ หาทางแก้ไขหรือหาตัวช่วยในการจัดการ คงมีทางออกที่ดีแลเหมาะสมด้วยนะคะ
28 กุมภาพันธ์ 2555 09:43 น. - comment id 1226577
คนเรามีความเชื่อต่างกันผิดหรือไม่ คนเรามีความแตกต่างทางความคิดผิดหรือไม่ คนเราจะขัดแย้งกันทางความคิดผิดหรือไม่ คนเรามีการโต้แย้งหรือโต้เถียงกัน(ที่เรียกให้ไพเราะว่าแสดงความคิดเห็น)เพราะความคิดและความเชื่อต่างกันผิดหรือไม่ คนเรามีพื้นฐานแตกต่างกันในการแสดงความคิดเห็นขัดแย้งกันผิดหรือไม่ การแสดงความคิดเห็นขัดแย้งกันด้วยถ้อยคำที่หยาบโลนหรือหยาบคายซ้ำๆซากๆวกไปวนมาถูกต้องหรือไม่ การแสดงความคิดเห็นโดยไม่กล้าเปิดเผยตนเองสมควรกระทำหรือไม่ การแสดงความคิดเห็นโดยแอบอ้างชื่อผู้อื่นสมควรกระทำหรือไม่ การที่ระบบให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระเสรีผิดหรือไม่ การที่ผู้ดูแลระบบถูกกล่าวหาว่าปล่อยปละละเลยปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นใช่หรือไม่ หากตอบคำถามเหล่านี้ด้วยใจที่เป็นกลาง และมีคุณธรรมจริยธรรม ปัญหาดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ปล ไม่ได้หายไปไหน ยังแวะมาบ้านกลอนทุกวัน วันละหลายๆครั้งด้วย เพียงแต่เบื่อที่จะแสดงความคิดเห็น ขาดแรงบันดาลใจในการเขียนงาน ขี้เกียจขัดแย้งโต้เถียงทางความคิดกับใครบางคน เบื่อที่จะต้องลบความคิดเห็นที่เป็นขยะลงถังขยะ แต่ยังระลึกถึงทุกท่านเสมอมา ให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ ผู้ดูแลระบบ รวมถึงต้นตอแห่งปัญหา
28 กุมภาพันธ์ 2555 15:41 น. - comment id 1226618
มายืนยัน นอนยัน อย่าลาออกน่า บ้านนี้บ้านเรานะอิม สู้โว้ย
28 กุมภาพันธ์ 2555 18:18 น. - comment id 1226651
หนึ้งแรงใจให้คุณ..ยากและหนักดังนั้น ตำแหน่งนี้คุณคนเดียวเท่านั้น อิอิ อ้อ..ถ้าคุณสมัครนายกผมหนึ่งเสียง สุขอย่าได้สร่าง
28 กุมภาพันธ์ 2555 19:59 น. - comment id 1226657
^ ^ ^ ชอบๆๆๆ คุงอิม ลาออกเรย สมัครนายกเถอะ เด๋วยกอีกหนึ่งเสียง อิอิ แต่คุงปีกฟ้าอย่าอนุมัตินะ ไม่ก็ฝากการบังคับบัญชาไว้ที่เธอ เหมียนเดิม อิอิ
28 กุมภาพันธ์ 2555 21:17 น. - comment id 1226679
สวัสดีพี่อิม รู้สึกว่าตัวเองผิด เป็นอีกใน 1 ตัวปัญหา ก็ห่าวเหินไปบ้างเพราะไม่อยากให้เกิดปัญหา แต่ไม่ว่า ใจปลายทางจะลงกลอนอะไร มันก็เกิดปัญหา ก็เลยลงกลอนปัญหามันซะเลย แล้วมันก็เป็นปัญหากวนใจเพื่อนสมาชิกจริงๆ มีอยู่ทางเดียวใจปลายทางต้องเปลี่ยนนามปากกา ปัญหาก็จะจบ แต่มันจะจบเฉพาะใจปลายทางบเท่านั้น ขออภัยด้วยค่ะที่สร้างปัญหา จะทำให้ปัญหาเบาบางลง รักษาสุขภาพค่ะ หายวันหายคืน
28 กุมภาพันธ์ 2555 21:39 น. - comment id 1226683
ใจเย็นๆ ๆ ไม่ต้องใจร้อน ค่อยคิด ค่อยเป็นไป ยังมีความทรงจำดีๆ กับเว็บนี้ตลอด แต่งกาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ได้ ก็ด้วยเว็บนี้แหละ แต่ด้วยมีสมาชิกหลายคน ทำให้มีปัญหาตลอด ปัญหาไม่ใช่เว็บเลยยยย ปัญหาที่เกิดขึ้น มาจากสมาชิกด้วยกันนั่นแหละ เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะใครก็สามารถใช้ได้ ข้าพเจ้าคิดว่า ที่สาธารณะไม่ผิดแน่นอน ทำหน้าที่ต่อไป ลืมรหัสขออนุญาตไม่ล็อคอิน
29 กุมภาพันธ์ 2555 10:53 น. - comment id 1226688
เข้าใจนะ ละให้หลุด มันยื้อยุดฉุดเรามั่น วันไหนแพ้ให้แก่มัน ในวันนั้นพลันมืดมัว ทำใจให้กล้าแกร่ง รู้แจกแจงแบ่งดีชั่ว วันนี้พ่ายไม่ต้องกลัว พรุ่งนี้ชัวร์..อย่ากลัวเลย
28 กุมภาพันธ์ 2555 22:20 น. - comment id 1226703
คุณอิมฮับ ป๋มเป็นหมา ป๋มย่อมรุดี อย่างน้อยๆป๋มนั้น เป็นหมาก่อการดี มีพ่อแม่สั่งสอน และรักดี ขอเห่าบอก สั้นๆฮับว่า " หมาเห่าใบตองแห้ง " เด๋วมันเหนื่อยมัน ก็หยุดเห่าเองแระ อิอิ เป็นกะลังใจให้คุณอิมฮ้าบ โฮ่งๆ บ๊อกๆ เอ๋งๆ สู้ๆฮ้าบ
28 กุมภาพันธ์ 2555 22:38 น. - comment id 1226704
เพิ่มให้อีกข้อจาก คห.10 ข้อ 4. คอยดูและแลต่อไป ปล่อยให้งูมันค่อยๆ ไล่กัดคนในบ้าน บ้านก็อยู่ฟรี ทนได้ก็อยู่ ทนไม่ได้ก็ออกจากบ้านไป ข้อ 5. ยกให้งูมันเป็นผู้ดูแลบ้านไปเลย โดยหน้าที่ คุณทำข้อไหนแล้วบ้าง การพูดตรงไปตรงมา น่าจะสะท้อนความจริงได้ดีที่สุด
28 กุมภาพันธ์ 2555 23:14 น. - comment id 1226706
http://www.sookjai.com/index.php?topic=872.0 ลองอ่าน*ดุจวิถีนายช่างร้อยดอกไม้* ชองหลวงพ่ออำนาจดูนะคะ
28 กุมภาพันธ์ 2555 23:21 น. - comment id 1226707
เข้าซอยให้ถูก โดย พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส เมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ในสังคม บ่อยครั้งเราเลือกไม่ได้ว่า วันนี้จะมีคนดีหรือคนไม่ดีผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา เหมือนกับทุกการงานหรือความฝันใฝ่ของเรา เราก็เลือกไม่ได้ที่จะราบรื่นหรือมีอุปสรรค แต่สิ่งหนึ่ง เราสามารถเลือกได้และกำหนดได้ด้วยตนเอง คือเราเลือกที่จะขุ่นมัว หรือเลือกที่จะรักษาสันติสุขในหัวใจ มันไม่ได้อยู่ที่ว่าเพราะเขาเป็นคนไม่ดีเราจึงขุ่นมัว หรือเพราะว่าอุปสรรคจึงทำให้เราหงุดหงิด แต่มันอยู่ที่ว่าเราวางใจไว้ตรงไหนในหัวใจเรา ถ้าเราวางใจไว้ตรงการถือตัวว่าเราดีกว่า เราต้องชนะ การแพ้จะทำให้เรารู้สึกต่ำต้อย เวลาที่ไม่ได้รับการให้เกียรติ ไม่ได้รับความสำคัญ แค่กิริยาเมินเฉยของใครบางคน ก็อาจทำให้เราขุ่นมัวได้ นั่นย่อมแปลว่าความทุกข์นั้นไม่เกิดเพราะเขาเป็นผู้กระทำต่อเรา แต่เพราะความไม่รู้ตามไม่จริง (อวิชชา) จึงทำให้เราวางใจไว้ผิด ในกรณีอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน เราจะต้องเป็นผู้สมหวังเสมอไปหรือ แล้วทำไมเราจึงไม่ยอมรับว่าอุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดา การเป็นคนดีกับการเป็นคนมีอุปสรรคเป็นคนละเรื่องกัน ดังนั้นเวลาที่เรามีปัญหาขัดข้องในสิ่งที่เราทำ เราก็ไม่จำเป็นต้องตกนรกด้วยการทำใจให้หงุดหงิด ขุ่นมัว และอ้างว่าเราเป็นคนดี เรากำลังทำในสิ่งที่ดี หรือสำคัญ หรือสิ่งที่ยิ่งใหญ่มีประโยชน์ เลยจำเป็นต้องหงุดหงิดกับอุปสรรค นั่นก็เป็นการวางใจไว้ผิดเช่นกัน เพราะอุปสรรคนั้นอยู่ในกฎแห่งความไม่เที่ยง ไม่แน่นอน ความไม่ใช่ตัวตน สิ่งนั้นเราบังคับบัญชาไม่ได้ ดังนี้ ถ้าเราหงุดหงิดกับอุปสรรค แสดงว่าเรากำลังวิปลาส คือเห็นผิด เห็นว่าความไม่เที่ยงว่าเที่ยง เห็นทุกข์เป็นสุข เห็นความไม่ใช่ตัวตนเป็นตัวตน และพยายามจะบังคับให้ทุกอย่างเป็นไปดังใจ โดยลืมความจริงไปว่าคนอื่น ก็ล้วนเกิดจากองค์ประกอบที่ผันผวนอยู่ตลอดเวลาตามเหตุปัจจัย ยิ่งทำงานที่เกี่ยวข้องกับคนมาก ก็ย่อมต้องพบกับความผันผวนแลแปรปรวนมากเท่านั้น เหมือนเดินอยู่ท่ามกลางกระแสคลื่นที่อยู่โอบล้อมเรา เราจะกรีดร้อง หรือยิ้มอย่างเท่าทันต่อหัวใจของตัวเอง รักษาสมดุลย์อันสงบในหัวใจ และก้าวเดินอย่างงามสง่า เพราะในทุกๆ วินาทีที่คลื่นแห่งความแปรเปลี่ยนโอบกอดเรา เราเลือกได้ที่จะเอะอะโวยวาย คร่ำครวญ หรือเลือกที่จะมีศานติสุขในหัวใจ ไม่ผลักใจตัวเองให้ลงนรกด้วยความขุ่นมัว ในเมื่อความเปลี่ยนแปลง และความไม่แน่นอนนั้น เป็นกฎอันศักดิ์สิทธิ์ของธรรมชาติ พายุร้ายที่โหมกระหน่ำ ก็เคลื่อนตัวไปสู่ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง รัตติกาลย่อมผลิแย้มดวงตะวันแห่งรุ่งอรุณ เราจึงเลือกได้ที่จะสงบสันติสุขอย่างผู้มีปัญญา ไม่หวาดหวั่นกับอุปสรรค เพราะอุปสรรคทำให้เราตกนรกไม่ได้ ถ้าเราวางใจไว้ถูก ไม่แก้ปัญหาด้วยการทำใจให้เป็นอกุศล หรือแม้แต่ก่อความอยากที่จะพ้นจากภาวะอันขัดข้อง เพราะความอยากพ้นจากภาวะ ก็เป็นตัณหาตัวหนึ่ง ที่ให้ผลเป็นความบีบเค้นต่อจิตใจ นับเป็นการซ้ำเติมตัวเองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทุกข์ทางกายที่เราต้องประสบกันทุกคน เหมือนกับกำปั้นของธรรมชาติ ที่คอยเราด้วยทุกข์เล็กทุกข์น้อย แต่หากเราขาดสติ เราจะซ้ำเติมตัวเองอีกกำปั้นหนึ่ง ด้วยการวางใจไว้ผิด อุปสรรคย่อมเกิดขึ้นโดยธรรมดา แต่เราเลือกที่จะเครียดหรือไม่เครียด กายเรามีสิทธิ์ที่จะเจ็บป่วยตามธรรมชาติ แต่เราเลือกได้ที่จะเอากำปั้นเราทุบใจซ้ำ ด้วยความกังวลหงุดหงิด อยากให้หายดิ้นรน ที่จะพ้นจากภาวะ หรือวางใจให้เห็นธรรมชาติของกาย เวทนา ว่าไม่ใช่ของเรา ล้วนเป็นองค์ประกอบของเหตุปัจจัย แต่การวางใจไว้ถูก ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีปัญญาที่จะเข้าใจ ตามความเป็นจริง เหตุนั้นเองเราจึงจำเป็นต้อง เข้าใจวงจรปฏิจจสมุปบาท คือภาวะที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น เช่น เราเลือกไม่ได้ที่จะให้คำพูดที่ไม่ดีมากระทบหูของเรา แล้วไหลตกลงไปสู่ในใจ การรับรู้เกิดขึ้นแล้วตรงนั้น เสี้ยววินาทีแห่งสายฟ้าแลบนั้น เราเลือกได้ที่จะโกรธหรือไม่โกรธ โต้ตอบหรือสงบอย่างรู้เท่าทัน ถึงผลที่จะตามมา ในช่วงวินาทีแห่งสายฟ้าแลบนั้น เราอาจะเผลอถูกย้อมอารมณ์กลายเป็นปฏิกิริยา มารู้สึกตัวอีกทีก็สายเสียแล้ว วิธีคือเราต้องวางใจให้ถูกต้องเสียก่อน คือเข้าซอยถูก ที่ปากซอยปักป้ายไว้ว่า สัมมาทิฏฐิ คือ เมื่อมีความเป็นที่ถูกต้อง จึงมีดำริที่ถูกต้อง คือ สัมมาสังกัปปะ คือวางไว้ในใจว่า จะเสียสละ จะเมตตา จะกรุณา เมื่อวางใจในลักษณะบวก (+) เช่นนี้ แม้จะถูกคลื่นลบ (-) มารบกวน จิตก็ตกลงมายาก หากวางใจไว้เป็นลบอยู่ก่อนแล้ว คือหมกมุ่นพัวพันกับสิ่งสนองความอยาก หรือคิดในแง่ในแง่ร้ายเคียดแค้น ชิงชัง หรือคิดในแง่ที่จะเอาเปรียบ ข่มเหง การวางใจไว้ผิดเช่นนี้ ยิ่งกระทบก็ยิ่งทำให้ใจมืด เหมือนเดินเข้าปากซอยผิดตั้งแต่เริ่มต้น คือ ยิ่งเดิน ยิ่งมืดทึบ อึดอัด คับตัน เป็นการดำริที่ทำให้ปัญญาดับ เป็นการเบียดเบียนทั้งตัวเองและผู้อื่น เพราะการวางใจไว้ผิดนั้น ก็เผาลนตัวเองอยู่ทุกขณะอยู่แล้ว ก่อนที่จะเผาไหม้ผู้อื่น เมื่อการกระทบนั้นไม่เป็นดังใจ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ทุกสิ่งซึ่งไหลโอบล้อม อยู่รอบกระแสแห่งชีวิตจะถูกใจไปทั้งหมด ดังนั้น การเข้าซอยถูกตั้งแต่เริ่มต้น ยิ่งเดินยิ่งสว่าง เมื่อเข้าซอยสัมมาทิฏฐิ เห็นถูกต้อง ก็ทำให้เกิด สัมมามาสังกัปปะ ดำริคิดถูกต้อง ทำให้เกิด สัมมาวาจา พูดถูก สัมมากัมมันตะ คือมีกายในทางไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วยการฆ่าหรือขโมย สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตชอบ เว้นจากมิจฉาชีพ สัมมาวายามะ คือความเพียรคอยเร้าจิตให้มุ่งมั่น ป้องกันอกุศลที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น ละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว สร้างกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น และรักษากุศลที่มีอยู่ในใจให้เจริญยิ่งขึ้น สัมมาสติ ระลึกชอบ คือมีสติอยู่กับกาย เวทนา จิต ธรรม สัมมาสมาธิ คือความตั้งใจไว้ชอบ ความตั้งมั่นของจิตที่แน่วแน่นุ่มนวลควรแก่การงาน ทำให้เกิดปัญญาเห็นตามจริง ดังนั้น การเริ่มต้นเริ่มเข้าซอยถูก เห็นถูก วางใจให้ถูกจึงยิ่งเดินยิ่งสว่าง ถึงแม้เราจะเลือกไม่ได้ว่าจะมีอุปสรรคระหว่างหนทางหรือไม่ จะเจอคนดีหรือไม่ดี ไม่มีใครผลักใจเราให้ล้มลงได้ ถ้าเราไม่ผลักใจ เราให้ลงนรกด้วยความขุ่นมัว...เราเลือกได้ (ที่มา : เข้าซอยให้ถูก ในคำตอบของชีวิตปฏิจจสมุปบาท, หน้า ๘๕-๘๙) http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13688
28 กุมภาพันธ์ 2555 23:32 น. - comment id 1226709
จากคนอื่น ไม่ได้รับอะไรที่มนุษย์ควรจะได้จากกันและกัน สรุปโดยย่อในเบื้องต้นว่าคนเราต้องมีเป้าหมายชัดเจน ต้องมีความเชื่อที่ถูกต้อง ในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า ศรัทธาคือความเชื่ออย่างมีเหตุผล จึงจะสามารถตั้งเป้าหมายได้ การมีความเชื่ออย่างมีเหตุผล ชีวิตถึงจะมีจุดเริ่มต้น เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตอย่างนี้สำคัญมากเลยต้องใช้ทั้งชีวิตพิสูจน์ ไม่ใช่ใช้แค่บางเรื่องบางช่วง หลายคนชอบแบ่งชีวิตเป็นตอนๆ เป็นช่วงสั้นๆ ว่า อันนี้เป็นการงาน อันนี้เป็นชีวิตส่วนตัว อันนี้เป็นการปฏิบัติธรรม แต่ถ้าสามารถใช้ทั้งสามได้จะดี อย่าไปมักน้อย ให้เราเป็นคนมักมากในความดีในความสุขในปัจจุบันขณะ โดยที่จะไม่ทิ้งทุกหยาดมณีของมัน ทำชีวิตให้มีความสุขทั้งด้านการงาน ทั้งการปฏิบัติธรรม ทำชีวิตให้เป็นการเอื้อเฟื้อ ทำชีวิตให้มีความรักได้ด้วยทุกขณะเลย การแบ่งชีวิตเป็นช่วงๆ ช่วงการทำงาน ช่วงครอบครัว ช่วงเวลาส่วนตัว อย่างนี้ล้มเหลว ต้องทำให้เป็นอย่างเดียวกัน ถ้าใครสามารถเข้าถึงตรงนี้ได้ตลอดเวลาของแต่ละวันมันจะไม่น่าเบื่อ ไม่ต้องไปรอคอยว่าเดี๋ยวจบเทศน์ถึงจะมีความสุข จะได้กลับบ้าน จะได้ไปหาของกิน แต่ถ้าเราเริ่มเข้าใจสิ่งเหล่านี้ เริ่มหาความน่าสนใจจากสิ่งรอบข้าง อย่ามัวแต่มองว่าจะได้นะโยม ลองคิดในมุมกลับกันก็ได้ว่า ถ้าใครสักคนเข้ามาหาเราด้วยสายตาอย่างนั้น เราจะคิดยังไงกับเขา เราจะมองเขาด้วยสายตาแบบไหน เช่น ในฐานะผู้ชาย ถ้าผู้หญิงเข้าไปคบผู้ชาย เพราะคิดว่าจะต้องได้อะไร เช่น ได้ความดูแลเอาใจใส่ ได้ความรัก ผู้ชายคนนั้นจะรู้สึกเหมือนเขาเป็นวัตถุก้อนหนึ่ง บางทีเรามองข้ามสิ่งนี้ไป แล้วเขาจะรู้สึกเหมือนเป็นภาระที่เขาจะต้องตอบแทนกับสิ่งที่ผู้หญิงนั้นมุ่งหวังมา แต่ถ้าเราเข้าไปในอีกจุดหนึ่ง คือมาเป็นผู้ดูแล ผู้ให้ ผู้เสียสละ ชีวิตก็ไม่ล้มเหลว มีจุดยืนจากการเป็นผู้ให้ อันนี้หลวงพ่อถือเป็นคติประจำวันมาตั้งแต่เด็กๆ เลย มีความเชื่อฝังใจว่า พลังงานทุกอย่างเราได้มาฟรี เพราะฉะนั้น เราจะไม่เก็บมันไว้กับตัว ต้องเอาไปเผื่อแผ่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนส่วนใหญ่ เพราะมันไม่มีของเราเลย มีแต่ของฟรี ส่วนปัญหาหรือวิกฤตนี่มันดีเพราะมันทำให้เราได้พัฒนา ถ้าเราคิดอย่างนี้เป็นเราจะใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่ามาก และเวลาที่เจอใครเราจะไม่คิดว่า เราจะได้อะไรจากเขา แต่เราจะคิดว่าเราจะแบ่งปันอะไรให้เขาได้มากกว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราใช้ชีวิตเหมือนนายช่างผู้ร้อยดอกไม้ หลวงพ่อจำฝังใจจึงใช้ชีวิตอย่างนี้มาตลอด คือจำทุกขณะจิตที่ใช้ชีวิตเพราะความงามเหล่านั้นมันจะไม่หวนกลับมาอีก แม้แต่หยาดน้ำตาที่เราเสีย มันก็มีความงามซ่อนอยู่ มีอัญมณีบนหยาดน้ำตาบนแก้มของเรา แล้วไม่ใช่มันจะกลับมาอีกบ่อยนะ มีใครอกหักบ่อยๆ ไหม มันมีคุณค่ามีความงามนะ เรียนรู้มันไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยอกหัก ใครที่เคยอกหักจะรู้ว่าช่วงนั้นมันจะเป็นช่วงสุกงอม เพราะก่อนหน้านั้นมันยังจะไม่สุก มันจะสุกงอมตรงช่วงการพลัดพรากพอดีเลย เราจะไม่โวยวาย ถ้าเรารู้จักเก็บเกี่ยวทุกขณะให้เป็น แม้แต่การหกล้มหรืออะไรก็ตามมันมีความงามซ่อนอยู่หมดเลย ใครเคยรู้บ้างว่าแสงสว่างเปิดเผยความงามจริงหรือเปล่า เช้าๆ แสงสว่างเจิดจ้าเปิดเผยความงามจริงหรือเปล่า ไม่จริงนะ แสงสว่างไม่ได้เปิดเผยทุกอย่าง แต่มันปกปิดความมืดที่งดงามเอาไว้ ใครเชื่อบ้าง ความมืดมีความงดงาม อย่างน้อยก็มีดวงดาว หิ่งห้อย แมลงที่ออกหากินกลางคืน เพราะฉะนั้น ชีวิตเราก็เหมือนกัน มันมีทั้งรุ่งอรุณและมีทั้งราตรี เราต้องต้อนรับรัตติกาลและใช้ชีวิตให้เป็น อันนี้สำคัญมาก พอช่วงรัตติกาลมาถึงต้องต้อนรับเลย เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้ ในขณะที่ราตรีเข้ามาในชีวิตเราไม่ต้องรู้สึกตกใจกลัว ให้ทำใจว่าไม่นานหรอก อีกสักพักหนึ่งตะวันจะเข้ามาทำลายความมืดให้หมดไป ทุกอย่างทุกขณะ เวลาที่เรามองย้อนไปในอดีตอย่าไปมองหาแต่ความเศร้าสร้อยหรือความผิดหวัง ให้หาสิ่งดีๆ เราจะมีกำลังใจในการชีวิต เราจะก้าวไปอย่างมั่นคง ในชีวิตการงานเราก็เหมือนกัน ถ้าเราสามารถหาสิ่งดีออกมาได้ มองเพื่อนร่วมงานว่าเป็นสิ่งที่มีค่า รู้ไหมว่าการเกิดมามันมีค่าและยากขนาดไหน พระพุทธเจ้าตรัสว่า เหมือนเต่าตาบอดว่ายอยู่ในมหาสมุทรร้อยปีขึ้นมาหายใจผิวน้ำครั้งหนึ่ง ถ้าเจอห่วงยางเมื่อไหร่จะได้เกิดขึ้นมาเป็นคน หลวงพ่อเลยมีเคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งว่าการเกิดเป็นคนมันยากแสนยากจริงๆ และการพบกัน มันยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้นเราควรจะต้องต้อนรับการพบกันอย่างคุ้มค่า แล้วทำไมเราจะต้องมาทำสิ่งไม่ดีต่อกัน ทำไมไม่มอบสิ่งที่ดีงามต่อกันและกัน ชีวิตรอบตัวเรามีสรรพสัตว์มากมาย เฉพาะมดก็มีเป็นล้านๆ ตัวเลยรอบกุฏิ เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าการเกิดมาเป็นคนนั้นมันยากจริงๆ แล้วชีวิตมันก็ไม่ได้มีเวลามากอะไรแค่ 80 ปี เดี๋ยวนี้ไม่ถึงแล้วเหลือ 65-66 ปีแล้ว พวกเราก็เข้ามาใกล้แล้วใช่ไหม ดีมากเลยที่ยอมรับความจริง ถ้าคิดอย่างนี้เป็น เราจะใช้เวลาที่เหลืออย่างคุ้มที่สุด คนที่อยู่รอบๆ ตัวเราขณะนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญนะที่ได้มาเจอกัน มีแต่เหตุปัจจัยที่มันพอเหมาะพอดี เพราะฉะนั้น ให้เรารู้จักที่จะเปลี่ยนมุมมองบางอย่างที่เศร้าหมอง ปรับให้เป็นความงดงาม คิดง่ายๆ ว่า ถ้าเราตายไปเมื่อวานแล้วให้กลับมาใหม่ เราจะทำอะไรบ้าง อย่างน้อยคนที่เราไม่ชอบหน้า เราจะมองเขาอีกมุมมองหนึ่งได้ เราจะเริ่มมองเห็นความงามของเขา แต่เพราะเราอยู่อย่างประมาท อยู่อย่างชินชาจึงมองคนรอบข้างไม่เป็น ถ้ารู้จักมองให้เป็น ทุกๆ วันก็จะใหม่ตลอดเวลา ตัวเราก็ใหม่ คนรอบข้างเราก็ใหม่ไม่ซ้ำนะ จิตใจก็ไม่ซ้ำทุกขณะ เพราะฉะนั้นการอยู่ร่วมกันสำคัญมาก ควรอยู่ด้วยกันด้วยความเอื้ออาทร มีน้ำใจทุกขณะในทุกเรื่อง บางคนอาจจะนึกว่า ชีวิตนักบวชแห้งแล้ง จริงๆ ไม่เป็นอย่างนั้นเลย เมื่อเช้าตอนหลวงพ่อจะมาตอนตี 5 ฝนตกพรำๆ หัวใจก็ไม่ค่อยจะดี ควานหาร่มได้ก็ค่อยๆ ปีนขึ้นบันไดอย่างระมัดระวังเพราะตี 5 ยังมืดอยู่ แต่ซักเดี๋ยวเดียวที่บันไดมีแสงไฟสว่าง ปรากฏว่าเพราะอาจารย์ยงยุทธ์ ท่านถือร่มและไฟฉายมาให้อีกหนึ่งกระบอก ท่านเป็นห่วงเลยเอาร่มและไฟฉายมาให้ เห็นไหมว่าชีวิตพระไม่ได้แห้งแล้งนะ ยังมีความงดงามในการอยู่ร่วมกัน แม้แต่ตอนฉันข้าวด้วยกัน ถ้าหลวงพ่อตักอะไร พระอาจารย์ก็จะไม่ค่อยตัก พอหลวงพ่อลุกแล้วค่อยตัก คือเริ่มรู้แล้วว่าท่านคอยสังเกตเราตลอดเวลา เห็นไหมว่านักบวชไม่ได้แห้งแล้งนะ เอาใจใส่กันทุกขณะ ถ้าโยมสามารถใช้ชีวิตทางโลกด้วยกันอย่างนี้ได้มันจะมีความสุขมาก เราอย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ สิ่งเล็กน้อยนี้สร้างความสวยงาม แต่ความงามไม่ใช่สิ่งเล็กน้อย แล้วชีวิตเราจะมีความสุขมากเลย เวลาที่เรารู้จักแบ่งปันหัวใจมันจะแช่มชื่นขึ้นมา ถึงจะดูโง่ในสายตาเขาก็ยอม
29 กุมภาพันธ์ 2555 01:24 น. - comment id 1226718
ขอบคุณพี่พุดมากค่ะ น้องอ่านทุกตัวอักษรด้วยความเข้าใจและคิดว่าสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างไม่ยากเกินไป เป็นบทความ คำสอนที่ดีมากๆเลยนะคะพี่พุด คนที่ถูกมองว่าเป็นคนเลวนั้น เขาอาจมีความดีบ้างเหมือนกัน คำพูดที่ไม่สุภาพ ด่ากันไปมา ถ้าจิตเราไม่รับเข้าไว้ในใจ มันก็จะว่างเปล่า ไม่อาจมากระทบจิตที่สงบของเราได้ อย่าไปเต้นตามมัน อย่าไปโต้ตอบ ใช้ความเมตตา กรุณา อภัยให้กัน สักวันศัตรูจะกลายเป็นมิตรค่ะ
29 กุมภาพันธ์ 2555 07:55 น. - comment id 1226745
ดีจังได้เปิดผนึกเหมือนเปิดใจ บ้านกลอน การจะคอมเม้นท์อะไรก็ควรเป็นกลอนแล้วจะมีแหย่นิดชมหน่อยก็ไม่เป็นไร อย่างมีคนเขียนชื่นชมทหาร ผมไม่ค่อยชอบทหารบกเพราะเห็นว่าทำอะไรเกินเลยออกมายิงคนผมก็คอมเม้นท์เป็นกลอน อย่างนี้ ข้าเห็นแล้วเชื่อแล้วว่าผ่านศึก ดูท่าทางหาญฮึกเหมือนทหาร ประชาชนเห็นแล้วศึกที่ผ่าน ศัตรูคือชาวบ้านตายเป็นเบือ ตายเมษาห้าสองมิใช่น้อย พฤษภาตายทะยอยไม่น่าเชื่อ ศึกครั้งนี้ตีไล่ได้เนื้อเนื้อ เก้าสิบสองไม่เหลือเลือดท่วมนอง ใช้อาวุธทันสมัยยิงยอดตึก พร้อมชี้เป้าเขาฝึกเป็นคู่สอง บอกล้มแล้วล้มแล้วคงนอนกอง ได้ผ่านศึกคึกคะนองบนรางรถ ยิงลงไปในวัดถนัดแน่ ไม่เลือกสาวเลือกแก่เอาให้หมด พวกเดินตามรถถังไม่ยั้งลด สาดกระสุนราวกับโกรธมาร้อยปี มีเวรกรรมตามทันเกินหันหลบ ยิงลูกแตกกระทบสายไฟร้อนฉี่ กระดอนกลับมาระเบิดพาเปิดหนี นายตัวดีพร้อมลูกน้องม่องเท่งทึง ตั้งแต่จำความได้ไม่เคยเห็น ไปสู้ศึกจำเป็นแม้เพียงหนึ่ง เห็นแต่ลากอาวุธรุดมาถึง ยึดอำนาจปราศคำนึงถึงปวงชน ออกมาไล่ยิงคนแล้วกี่ครั้ง หากหยุดยั้งเมืองไทยได้กุศล เป็นตัวอย่างลูกหลานอนุชน สวมเครื่องแบบทุกคนเป็นคนดี งบประมาณซื้ออาวุธไม่ต้องใช้ โอนไปให้ฟื้นฟูได้ทุกที่ พัฒนาหลังน้ำท่วมประจำปี ประชาชีเป็นสุขทุกครัวเรือน ถ้าจะว่าไม่ถูกต้องก็บอกได้จะได้ไม่ทำอีก
29 กุมภาพันธ์ 2555 04:53 น. - comment id 1226746
กฏคือกฏใช่กดหัว ชั่วคือขั่วเกินกลั้วได้ ร้ายคือร้ายไม่อายใคร จริงแก้ไขให้เป็นจริง
1 มีนาคม 2555 07:58 น. - comment id 1226819
ส่งที่ดีงามในหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจย่อมจารึกในความทรงจำที่ดี ขอเป็นกำลังใจให้
1 มีนาคม 2555 10:01 น. - comment id 1226822
เพราะชื่อว่า Thaipoem Forever นั้นทำให้เกิดความคาดหวังว่าในบ้านนี้จะมีร้อยกรองให้อ่าน และเป็นที่ๆ นักกลอนจะมีโอกาสได้วางงาน ซึ่งก็น่าจะเป็นอะไรที่อวดความเป็นไทยๆ ในความงดงามของภาษาได้ ซึ่งที่ผ่านมาความคาดหวังนี้ก็ยังคงตอบสนองผู้อ่านอยู่ เพียงแต่ว่าบางความเห็นนั้นทำให้ความรู้สึกที่ดีๆต่อบ้านนี้ลดลง แน่นอนเมื่อมีหลากหลายความคิดจากหลากหลายพื้นฐานจิตใจ ย่อมต้องมีกติกาเป็นกรอบไม่เช่นนั้นบ้านกลอนไทยก็จะเป็นอย่างที่เห็น สมาชิกบ้านนี้หลายคนออกไปเล่นที่ เวบอื่น ขอต่อจาก คห. 10 และ 23 หรือการหายหน้าไปของสมาชิกนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าใส่ใจสำหรับบ้านนี้ เชื่อว่ามีหลายวิธีที่จะจัดการกลั่นกรอง ถ้อยคำที่ไม่สุภาพออก ซึ่งน่าจะต้องลงมือทำได้แล้วทั้งๆที่ควรทำมานานแล้ว ปล. เวบนี้เปิดสู่สาธารณคนจากทั่วโลกสามารถเปิดเข้ามาอ่านได้ จึงสมควรที่จะต้องระมัดระวังภาพลักษณ์ของความเป็นไทย เพราะอ้างชื่อว่าเป็น Thiapoem
2 มีนาคม 2555 15:45 น. - comment id 1226938
ไม่มีใครทำอะไรถูกใจใครไปทุกคนหรอกค่ะ แต่เชื่อเสมอ คุณทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุดแล้ว ฉะนั้นอยู่ทำหน้าที่นี้ต่อไปนะค่ะ
2 มีนาคม 2555 17:34 น. - comment id 1226952
ส่งดอกไม้มาให้ พร้อมกับกำลังใจครับ อยู่ดูแลที่นี่ ที่บ้านหลังนี้นี่แหละ สักวัน ฟ้าก็จะเปิด เอาใจช่วย เราช่วยกัน สู้ สู้น่าคุณอิม
2 มีนาคม 2555 23:46 น. - comment id 1226970
สมาชิกใหม่มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ เพิ่งรู้ว่าชื่ออิมเหมือนกัน ไม่รู้จะให้กำลังใจยังไง เอาเป็นว่า ที่เข้ามาเล่นเว็บนี้ก็มาจากความสนใจใน อัลมิตรา นะคะ เอากลอนของพี่ที่จดไว้เมื่อ ๑๘ พ.ย. ๒๕๕๐ มาให้กำลังใจดีกว่า นี่ืกลอนในดวงใจอิมเลยนะคะ "ไร้รูปในรอยทราย : อัลมิตรา" เกร็ดทราย... เคยประกายวับวาวเจ้างามสม ครั้นถูกหลอมเป็นแก้วแล้วระทม โดนคลื่นลมฤาพร้อยบนรอยทราย แด่เธอ... หากยังเพ้อรำพันด้วยมั่นหมาย หัวใจเธอเจ็บมิจำเขาทำลาย อาจสลายในสักวันฉันขอเตือน เป็นกำลังใจให้นะคะ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนในที่นี้ ก็ขอให้ร่ายกวีกล่อมคนกล่อมโลกต่อไป...^^
6 มีนาคม 2555 20:32 น. - comment id 1227198
อย่าเพิ่งท้อนะคะ...เป็นกำลังใจให้
17 มีนาคม 2555 16:07 น. - comment id 1227738
นานทีปีหนจึงจะมีเวลา(ละเกม)มาลงกลอน หากไม่ จุดไฟติดจริง ๆ เผอิญเมื่อเช้าเศร้า ๆ หดหู่ใจเลยเขียนกลอนได้ชุดหนึ่ง นำลงเว็บประจำ แล้วก็นำลงเว็บประจำ แล้วก็นึกถึงเจ้าประจำ อย่าง Thaipoemforever จึงถือโอกาสมาโพส อ่านไปอ่านมาเห็นกระทู้คุณ อัลมิตรา ขอบอกว่า อย่าไปไหนเลย ดูแลสมาชิกต่อไปเถิดนะคะ