นัยแห่งน้ำ..ความจริงเป็นสิ่งหนึ่ง หมายบ่งถึงซึ่งธาตุสี่อินทรีย์มนุษย์ นัยแห่งน้ำ..หมายคำความยามที่สุด สำนวนผุดหลุดออกมา..ว่ากันไป ! น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ เพื่อสกัด ความแรงอาจซัดล่มจมน้ำได้ ผู้มีอำนาจวาสนา อย่าขัดใจ เอากิ่งไม้ ไปงัดซุง ยุ่งถึงตาย น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง คุยไม่เกรงเพลงไม่ดัง ฟังไม่ไหว ไร้แก่นสารบันเทิงกระเจิงกระจาย พูดให้ตาย ไร้คนฟังยังจะคุย น้ำตาลใกล้มด อดใจไหวหรือ? ต้องแย่งยื้อ ถือให้ได้ใช้ปากบุ้ย มีลาภปากถากมาใกล้ ใครก็ลุย เหมือนเฒ่าทุย ลุยหญ้าอ่อนนอนพุงกาง น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ไฉนสู้ เล่นพวกหมู่ สู้ก็พ่าย ไฟมันคลั่ง น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ยังน่าฟัง หมูสู้ช้าง สู้อย่างไรก็พ่ายแพ้ น้ำเย็นปลาตาย.. น้ำไหลไฟดับ พูดไปพูดกลับ กล่อมหลับแน่ๆ ใส่น้ำมนต์พ่นน้ำลาย ไม่มีแคร์ ปลาตายแน่ แค่น้ำเย็นเป็นคารม น้ำสั่งฟ้าปลาสั่งฝน จนน้ำท่วม คนไหลรวมร่วมแต่ทุกข์ สุขไม่สม น้ำท่วมปาก ยากแค้นแสนระทม ขุดคันล่ม สมน้ำหน้าด่าแย้งกัน น้ำขึ้นให้รีบตัก ของฝากช่วย ร่วมกินด้วยช่วยแย่งยื้อ เขียนชื่อฉัน บริจาคฝากมาช่วย อำนวยกัน ตามไม่ทัน มันกินเรียบเงียบตามเคย น้ำใสใจจริง เอาทิ้งไว้ไหน? น้ำตาตกใน ใครทักไม่อยากเอ่ย ดีหรือชั่ว รู้ตัวทำกรรมคงเผย ชั่วจนเคย เลยต้องพังอย่างที่เห็น น้ำพักน้ำแรง แบ่งงานช่วยกันสู้ น้ำหนึ่งใจเดียว เกี่ยวกู้ต้องรู้เช่น น้ำอดน้ำทน ช่วยพ้นภัยหลายประเด็น น้ำลดตอผุด หลุดให้เห็นเป็นเวรกรรม น้ำท่วมบ่า น้ำตาตกใน น้ำใจไทยหลั่ง ยังมีหวัง ยังมีเพื่อนเหมือนเราซ้ำๆ น้ำตาเช็ดหัวเข่า เรานั้นต้องจำ เปลี่ยนพฤติกรรมเคยทำต่อโลก ..โชคนั้นยังรอ !
3 พฤศจิกายน 2554 09:13 น. - comment id 1213592
“น้ำพึ่งเรือ เสือพึงป่า” เวลานี้ น้ำใจมิตร จิตเห็นดี ว่างามเด่น “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” เริ่มลำเข็ญ การกระจายคราวจำเป็นเห็นว่านาน “น้ำน้อยยอมแพ้ไฟ”ที่ใครว่า น้ำมากกว่าไฟฟืนดาษดื่นบ้าน “น้ำลดตอผุด” ประดุจสันดาน ของคนพาล"มือไม่พายเอาเท้ารา" (น้ำ) หาก”น้ำใต้ศอก”ระลอกไหล คงอดสูทนไม่ได้ตายดีกว่า "น้ำกลิ้งบนใบบอน"ชะช่าช่า อยู่บนบอนมีคุณค่ากว่าท่วมเรา “น้ำขึ้นให้รีบตัก”ตักไม่หมด น้ำมันรถละลายหญิงชายเศร้า “ตักน้ำใส่กะโหลกเริ่มเห็นเงา” เพียงฉัน "เขลาเบาปัญญา”พาต้องทน น้ำเยอะเลยต้องอดทนคะ
3 พฤศจิกายน 2554 09:22 น. - comment id 1213593
ยามนี้น้ำใจน่าจะดีที่สุดนะ...
3 พฤศจิกายน 2554 09:28 น. - comment id 1213594
เจ๋งอ่ะ ชอบมากกกกกก ขอแจมๆๆ ค่ะ นำเสนอ สุภาษิต ยุค 2011 ย่าง 2012 "น้ำมาปลากินมด น้ำลดตอผุด น้ำหยุด หนี้บาน สองแสนล้าน ไม่น่าพอ" "น้ำตาคลอ เช็ดหัวเข่า น้ำเน่า เท้าพอง" น้ำนอง ให้รีบตัก รีบผลักออกเจ้าพระยา "น้ำไหล ไฟไม่ดับ สับคัทเอ้าท์ เราจะรอด " "น้ำท่วมฟ้าปลาไปกินดาว รถ(คันแรก)ก็เพิ่งดาวน์ บ้าน(หลังแรก)ก็เพิ่งผ่อน" (เกี่ยวมะเนี่ย)
3 พฤศจิกายน 2554 09:31 น. - comment id 1213595
3 พฤศจิกายน 2554 14:30 น. - comment id 1213610
โอ่ว..สุดยอดตลอดร่าย..หทัยกาญจน์ แตกประเด็นเห็นอีกบาน สนานเสนาะ หลายๆคำ ที่มองข้ามความเหมาะเจาะ ช่างไพเราะตลอดเลย ..ขอเผยใจ ! ขอบคุณ Hathaikarn งานสุดเยี่ยม..
3 พฤศจิกายน 2554 14:42 น. - comment id 1213614
บนข. รอช้าใย ร่ายกลอนสู่ อยากจะรู้ อยู่อย่างไร ขณะนี้ เคยติดตามคำร้อยถ้อยกวี คมเหลือที่ มีอีกไหม? ใคร่อยากยล ! แฟนอีกคน ..ที่ด้นดั้นตามอ่านกลอน อิอิ ขอบคุณ ท่านบนข.
3 พฤศจิกายน 2554 15:15 น. - comment id 1213620
ตาไร้แวว..ออกแนวสุภาษิต หลากหลายวิจตร คิดได้ยังไง ? วิชากล้าแกร่ง ดาบแกว่งเปลไกว " จอมยุทธน้ำไหล " อยากให้ฉายา อ่ะ! คารวะจอมยุทธ ซักสิบจอก .. เอิ้อกกก !
3 พฤศจิกายน 2554 16:30 น. - comment id 1213640
ท่านศรีสมภพชมหทัยกาญจน์มากเกินไปคะ ไม่ได้เก่งหรอกคะ แต่งแบบขำขำ มีวรรคหนึ่ง "น้ำกลิ้งบนใบบอนชะช่าช่า" ตลกไหมคะ?? น้ำท่วมเครียดๆ คะ ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ
3 พฤศจิกายน 2554 18:34 น. - comment id 1213669
ขอบคุณค่า.... ชอบจัง ฉายา"จอมยุทธน้ำไหล" ตกไปคำนึงป่ะคะ"จอมยุทธน้ำลายไหล" ตอนนี้ "ไหลตามน้ำ" แระอ่าค่ะ อพยพมาตั้งหลัก ที่อัมพวาค่ะ
3 พฤศจิกายน 2554 21:37 น. - comment id 1213693
" น้ำกลิ้งบนใบบอน ร่อนสามช่า " พริ้วลีลา ออกท่ารำด้วยคำเขียน เคล้าบทเพลงบรรเลงดังอย่างเเนบเนียน เธอช่างเพียรสรรหาคำมาจำนรรจ์ จินตนาการ จินตกวี จินตนารี..จึงมีจริง
3 พฤศจิกายน 2554 21:42 น. - comment id 1213694
ว้าว คมคายมากมากคะ ไปต่อไม่ถูกเลยคะ ขอบคุณนะคะ
3 พฤศจิกายน 2554 22:07 น. - comment id 1213699
จอมยุทธ์นำลายไหล ..ตาไร้แวว หนีจากกรุงมุ่งแน่แน่ว แถวอัมพวา อย่ามัวเพลิน เดินดูน้ำ มันอาจตามมา ฉายาล่าสุด" จอมยุทธ์ผู้กล้าหมดท่าวารี " จอมนางทงอี ซิ่งหนีธารา.. อิอิ