ปวงเทวาไม่มีแล้วแถวท้องทุ่ง ท่านขี่รุ้งกลับสวรรค์บนชั้นฟ้า ผีตาแฮกที่หัวไร่และปลายนา ก็ร้างลาจากทุ่งข้าวอย่างร้าวโรย วิถีไทยถิ่นอีสานเมื่อกาลเก่า ช่างเงียบเหงาเศร้าช้ำระกำโหย ยาฆ่าแมลงปุ๋ยเคมีที่หว่านโปรย กระทำโดยมือมนุษย์สุดคะเน ดินจึงช้ำน้ำจึงเฟือนเลือนแล้วรัก จะมีสักกี่ท้องนาไม่ว้าเหว่ วิถีทำเก่าหลังล้วนพังเพ มนต์เสน่ห์แห่งท้องนาร้างลาไป เคยร่วมแรงลงแขกกันเกี่ยวข้าว ศนูว่าวเคยแว่วหวานกังวานไหม ข้าวเม่าหอมลอมฟางแห้งอยู่แห่งใด คราดและไถเกวียนเก่าเราแกล้งลืม ปี่ฟางข้าวสาวนาหน้าใสซื่อ ยังเหลืออยู่อีกหรือให้หลงปลื้ม ชาวนาไทยสมัยนี้มักขี้ลืม หนี้กู้ยืมดอกเบี้ยพราวดอกข้าวโรย...
31 พฤษภาคม 2554 17:08 น. - comment id 1196337
ย้อนไปสู่วันเยาว์ พ่อเอามีดมาทำปี่จากปล้องข้าวให้เป่า ภาพนั้นยังประทับใจไม่เคยลืม แม้วันนี้ไม่ได้เป่าปี่แบบนั้นนานมากแล้วค่ะ อ่านกลอนแล้วอยากกลับบ้านน หนูอยากกลับบ้านน
31 พฤษภาคม 2554 15:16 น. - comment id 1196427
ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน ...ซฺน่ะ แหะ..แหะ..
31 พฤษภาคม 2554 15:35 น. - comment id 1196434
สวัสดีฉางน้อย แวะมาให้กำลังใจละไมฝน
31 พฤษภาคม 2554 15:41 น. - comment id 1196438
สาวละไมฝนคนร้อยเอ็ดคะ อนงค์นางกับคู่ชีวิตเป็นคนร้อยเอ็ดเหมือนกัน แต่ยังไม่เคยทำนาเองทั้งคู่ จะกลับไปทำในอีกไม่นานนี้ค่ะ ปัญหาเรื่องปุ๋ย ไม่รู้ว่าจะแก้ไขยังไง ทุกวันนี้หาปลานากินไม่ค่อยมี เพราะปลาตายหมด มีแต่ปลาเลี้ยง ชอบข้าวเม่ามากค่ะ หอมจับใจ คลุกมะพร้าวกับน้ำตาลยิ่งอร่อย ทุกวันนี้มีแต่ใช้รถไถนาแทนควาย รถหว่านข้าว เี่กี่ยวข้าวแทนคน ปีหนึึ่่่งใช้เวลาทำนาไม่กี่วันก็เสร็จ ต้องมีอาชีพอื่นด้วยไม่งั้นอดตาย ไม่ทำก็ไม่ได้ นาจะร้าง ทนทำไปทั้งที่ขาดทุน ซื้อข้าวกินยังถูกกว่าลงทุนทำนาค่ะ ปัญหาเหล่านี้ไม่เคยแก้ไขได้ เลือก ส. ส. ไม่รู้กี่คนก็เหมือนเดิม ชาวนามีแต่หนี้กับ ธ.ก.ส. หรือนายทุนนอกระบบ เราีี่มีนาไม่มาก เราทำชีพอื่นมีรายไ้ีด้ดีกว่า้ี แต่็ยังอยากทำนาำักันต่อไป รักษาที่ดินและอาชีพของบรรพบุรุษให้สืบต่อไปค่ะ แต่เราไม่อยากเ็ป็นหนี้ ขอเ็ก็บเงินจากอาชีพอื่นจากต่างแดนให้พอ มีฝันถ้าไม่วางแผน ไม่มีุทุน อดตาย ต้องขายนาใช้หนี้ ไม่ไหวค่ะ
31 พฤษภาคม 2554 15:51 น. - comment id 1196444
ทุกวันนี้หนี้เน่าเขาไม่จ่าย มีมากมายทั่วไปในประเทศ หวังรัฐช่วยเยียวยาเจ้าการะเกด เกิดอาเพศล้มละลายตายทั้งเป็น สวัสดีอนงค์นาง ดีใจที่จะกลับมาสู่วิถีไทยอยู่อย่างพอเพียง สาวละไมฝนเอาใจช่วยจ้า
31 พฤษภาคม 2554 17:19 น. - comment id 1196465
อีสานบ้านเฮา เดี๋ยวนี้ในน้ำไม่มีปลา ในนามีแต่ข้าวใส่ปุ๋ยเคมี กุ้งหอยปูไม่รสชาติอร่อยเหมือนก่อน ผักแขยงผักลืมผัวเต็มไปด้วยสารพิษ ปีฟางข้าวไม่มีใครทำให้เป่าอีกแล้ว...
31 พฤษภาคม 2554 17:21 น. - comment id 1196466
อ้อ...ลืมทักทายแก้วประภัสสร แต่งกลอนเก่งจังนะ
31 พฤษภาคม 2554 18:16 น. - comment id 1196471
............ วิถีไทยถิ่นอิสานวันวานนี้ คงไม่มีแล้วดอกจะบอกให้ ชาวนาไทยขายที่อึงมี่ไป ศิวิไลต์เมืองกรุงเขามุ่งมา ปี่ฟางข้าวสาวนาหน้าใสซื่อ คงย้ายรื้อถิ่นลับไม่กลับหา ดินคงแล้งแห้งผากอนาถนา ไม่เหลือค่าสิ่งใดไว้ให้ชม ................
31 พฤษภาคม 2554 19:32 น. - comment id 1196506
เพราะมากครับเป็นคนอีสานเหรอครับเหมือนผมเลย
31 พฤษภาคม 2554 22:09 น. - comment id 1196529
สวัสดีคุณดินที่มาร่วมแจมบทกลอน จะหวนกลับวิถีเก่าบอกเล่าขาน คงเป็นเพียงตำนานอันทรงค่า เพียงทรงจำรำลึกถึงก็ตรึงตรา อนาถหนาคนทำนาขาดแคลน
31 พฤษภาคม 2554 22:10 น. - comment id 1196530
ทักทายเพื่อนใหม่ คุณสุริยัน ขอบคุณที่มาร่วมแจมกัน จะแวะไปอ่านงานของคุณบ้าง
1 มิถุนายน 2554 10:28 น. - comment id 1196577
กระซิบคำให้สัญญาต่อฟ้าดินตราบชีวินลูกยังอยู่สู้คาเคียว..! สาวนาทรุดตัวนั่งใต้ตาลเดี่ยว อย่างดายเดียวแสนโศกศัลย์ นาสีทองยามต้องแสงตะวัน ในเวิ้งวันหายไปในพริบตา หยาดน้ำตารินสังเวย ไร้คำเอ่ยเผยใจที่อ่อนล้า วิบากกรรมซ้ำซัดไทยพสุธา ทุกข์ทั่วหล้าสอนธรรมรู้ทำใจ แผ่นดินทองในปองฝัน เงียบงันงดงามแม้นยามไหน พะยอมป่าพากันบานประดับไพร บริสุทธิ์ใสบัวบึงผึ้งภุมรินทร์ ปาดน้ำตาก้มกราบแม่พระธรณี แลฟ้าสีโลกสวยมิรู้สิ้น กระซิบคำให้สัญญาต่อฟ้าดิน ตราบชีวินลูกยังอยู่สู้เคียงเคียว(สู้คาเคียว)...! .............................
1 มิถุนายน 2554 16:43 น. - comment id 1196626
นาบ่มี..จึงหนีหน้าฟ้าท้องทุ่ง เข้าเมืองกรุงมุ่งมั่นล่าฝันใฝ่ เป็นกรรมกรร่อนเรื่อยแสนเหนื่อยกาย กินกันตาย..ใต้สะพานมานานปี กลับบ้านนามาลิขิต..ชีวิตใหม่ กระท่อมน้อยแต่ใจใหญ่ในวิถี กู้ทุกอย่างที่ขวางหน้าถ้าหากมี ดอกท่วมปรี่หนีกลับไป ..ใต้สะพาน ! ต้องสะท้าน สะพานเคยหนี ..มีคนเต็ม !
1 มิถุนายน 2554 17:14 น. - comment id 1196636
หากองขี้ควายก็ยากแล้วนะคะ ต้นปีไปหากุ๊ดจี่กับหลาน กว่าจะได้จานหนึ่ง นานมากเลยค่ะ
1 มิถุนายน 2554 17:18 น. - comment id 1196640
ขอบคุณ พี่พุด ที่นำภาพสวยๆ มาสร้างสีสันบทกลอนของละไมฝน .... ให้รู้สึกศรัทธาสาวนา จับเคียวเกี่ยวข้าว ไม่หนีหายไปไหน ดำรงแบบอย่างไว้ให้ลูกหลาน ยากแค้นเพียงไหน นี่แหละ ข้าวที่สูกิน
1 มิถุนายน 2554 17:30 น. - comment id 1196641
ตอบ ท่านศรี่สมภพ เพราะชาวนาบ้านเราสมัยนี้ วิ่งตามเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า โดยพื้นฐานชีวิตของชาวนา อนาถาเงินทุนใช้หมุนเวียน ซื้อควายเหล็กแรงเร็วด้วยเงินผ่อน เพราะเร่าร้อนใมนความแปรเปลี่ยน ไถนาไร่รวดเร็วและราบเตียน มันเบียดเบียนปูปลาในนาเรา
1 มิถุนายน 2554 17:34 น. - comment id 1196642
ต่อนิดนึง.... ปุ๋ยเคมีมากมายหลายชนิด ชาวนาต่างหลงผิดคิดสั้นสั้น ยาฆ่าหญ้าฆ่าแมลงแรงเช่นกัน ดินนานั้นกลายเป็นดินดาก...
1 มิถุนายน 2554 17:40 น. - comment id 1196643
เพียงพลิ้วคนดี พายกระออมหากุดจี่นั่งยองย่อ กุดจี่น้อยกลอยมีไม่พอ เธอจึงหาแมงอีนูนมากินแทน.... เย้าหยอกเพียงพลิ้วเล่นๆ เพราะรัก
2 มิถุนายน 2554 07:22 น. - comment id 1196751
เศร้าไปหน่อยครับ ยังไม่สายครับคนดี
2 มิถุนายน 2554 09:05 น. - comment id 1196768
กลอนเพราะมากค่ะ........ ภาพฝันนั้น เด่นชัดใน บรรทัดถ้อย ที่เรียงร้อย ได้งดงาม ตามภาพฝัน แม้ไม่เคย หว่านไถ ได้ม่วนงัน ในภาพฝัน เธอบรรยาย ได้งดงาม.........
16 มิถุนายน 2554 21:46 น. - comment id 1199398