* ยลลดาวัลย์ ๐ ๐ รัชนีสีทอทาบ นวลไหววาบฉาบห้วงกมล ผกาแก้วแผ่วปะปน โชยหอมกลิ่นลูบแผ่วไล้ ๐ มัณฑนาขาวพราวพริ้ง แดงอวลสิ่งทอซึ้งไสว ชมพูเบ่งบานไกว บุณฑริกชวนหอมชื่นแลฯ ๐ รัชนีหวนทาบฟ้า พฤกษ์ผกา ดอมเอย ลดากลิ่นอวลหรรษา แนบย้ำ ท่ามมวลไม้ลัดดา พลิกสู่ ใจแฮ หอมกลิ่นมัณฑนาย้ำ อวลฟ้าแขสนองฯ ๐ ประหนึ่งแนบดั่งน้อง คู่เคียง ชิดเฮย หอมแผ่วคลอจำเรียง ซ่านซึ้ง อกไออุ่นแนบเคียง หอมยิ่ง นาแม่ อวลอบจากลึกบึ้ง ผ่านน้องแนบสรวงฯ ๐ กาบผกาบานเบ่งล้ำ ฝากดิน สวรรค์แฮ อวลตลบห้วงดวงจินต์ ม่านฟ้า พระพายพัดล้วนกวิน จากแม่ ดอมเฮย ระริกสั่นเพียรคว้า แน่งน้อยมวลหอมฯ ๐ แดงขาวชมพูย้ำ เหลืองตรึก แขเฮย บานเบ่งบุณฑริกนึก ลูบไล้ แย้มหอมกลิ่นฝังลึก ตลบกลีบ ขจรแฮ วาววับห้วงคลั่งไคล้ เด่นเย้าวาบสนองฯ ๐ ดาราพรายพริบเคล้า ม่านเฉลย จริงนา มัณฑนาดั่งชวนเผย คลอเคล้า กลิ่นน้องแนบเอื้อเชย หอมก่อ ซ่านแม่ ซึ้งซ่านหอมนั่งเย้า ต่อน้องเคียงสรวงฯ ๐ บุณฑริกเผยยั่วเย้า มัณฑนา อวลเฮย เผยกลิ่นหอมชวนหา หยอกเนื้อ ชมพูใฝ่แดงหรา ขาวก่อ ม่านแฮ เหลืองเปล่งหนุนสู่เอื้อ มุ่งเคล้าผ่านสรรค์ฯ ๐ ซ้ายแลขวามุ่งคว้า นวลนาง ดอมแฮ พิศเพ่งยากอำพราง หลบไว้ มัณฑนาซิหันวาง คมเกี่ยว สู่นา ดั่งมีดลงคลั่งไคล้ จากน้องงามสงวนฯ ๐ บุณฑริกผันฝากเอื้อ พลิกชม แม่นา อวลอบเกสรพรม ซ่านซึ้ง มัณฑนาใฝ่ให้ดม สืบก่อ หวังแฮ หอมสุดจากห้วงบึ้ง สู่เคล้าสิ่งสนอง๚ะ๛ * แก้วประเสริฐ. *
25 ธันวาคม 2553 15:48 น. - comment id 1176000
สวัสดีค่ะครูแก้วประเสริฐ ครูแต่งกาพย์ยานี 11 ห่อโคลงสี่สุภาพ ใช่หรือเปล่าคะ สุขสันต์วันคริสต์มาสค่ะ ขอให้ครูมีความสุข สุขภาพแข็งแรง หายป่วยจากหวัดเร็วๆนะคะ
25 ธันวาคม 2553 17:59 น. - comment id 1176009
คุณ อนงค์นาง สวัสดีจ้าศิษย์เรา เรียกว่ากาพยานีย์๑๑ ห่อโคลงกระทู้จ้า รักศิษย์เราเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
25 ธันวาคม 2553 21:00 น. - comment id 1176023
ตั้งใจ มาเยี่ยมพี่ชายค่ะ ค่ำคืนนี้จะอธิษฐานขอพรพระ คุ้มครองพี่ชายตลอดไป ดอกไม้ที่นี่หอมสดชื่นดีจังค่ะ
25 ธันวาคม 2553 21:31 น. - comment id 1176031
25 ธันวาคม 2553 21:51 น. - comment id 1176033
คุณ คิดถึงเสมอ น้องรักความเหงาะเป็นบ่อเกิดแห่ง ความหดหู่อาดูรใจนัก ไม่รู้จะไประบายให้ ใครฟัง แม้นเขาฟังจะเหมือนเราหรือก็ไม่อาจ จะรู้ได้ พี่จึงเขียนมามิได้หวังสิ่งอื่นใดนอก จากความขจัดซึ่งสิ่งเหงาเสมือนดั่งอยู่คน เดียวในโลกนี้แหละน้อง บางครั้งก็เกิด ความเบื่อหน่ายในชีวิตนี้เสียเหลือเกินจ้า รักน้องพี่เสมอๆ แก้วประเสริฐ.
25 ธันวาคม 2553 21:54 น. - comment id 1176035
คุณ Alto2 จำได้ว่าคุณเข้ามาเยี่ยมผมสองสามครั้ง แต่กระนั้นก็เป็นพลังใจพลังงานอย่างหนึ่ง ที่พอจะทดแทนสิ่งเหงาๆในใจผมได้บ้างไม่ มากก็น้อย ผมเขียนอะไรมิได้หวังสิ่งใดๆทั้ง สิ้น ดีหรือไม่ดีก็ไม่คิดถึง เพียงคิดอย่างเดียว คือการระบายสิ่งต่างๆที่หมกหมมในใจออก มาเสียบ้างเท่านั้น ครับผมเองเบื่องหน่าย ชีวิตจริงๆ ก็อาศัยเวปฯเขานี้แหละมาทดแทน แก้เหงาใจได้บ้างครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
26 ธันวาคม 2553 12:56 น. - comment id 1176088
26 ธันวาคม 2553 16:06 น. - comment id 1176130
คุณ คิดถึงเสมอ น้องสาวเรานี้แสนจะน่ารักทั้งน้ำใจและ จิตใจ ขอให้น้องพี่จงมีความสุขมากยิ่งๆขึ้นจ้า รักน้องมากเสมอ แก้วประเสริฐ.
26 ธันวาคม 2553 22:39 น. - comment id 1176176
งามไม่มีอะไรจะเปรียบครับครู
27 ธันวาคม 2553 00:00 น. - comment id 1176182
คุณ สีเมจิก นี่เขาเรียกว่ากาพยานีห่อโคลงกระทู้จ้า ศิษย์ จำแบบแผนไว้นะ แล้วพยายามหมั่น ฝึก อันที่จริงครูนั้นจะเล่นแค่สามอย่างเท่านั้น ถึงอย่างอื่นเล่นได้แต่ไม่ทำด้วยครูท่านสั่ง ไว้ว่า หากจะเอาดีก็อย่าให้เกิน ๓ อย่างมิ ฉะนั้นจะเหมือนลิงเข้าไปอยู่แหจ้า ต่อไป จะเอาดีสักอย่างเดียวก็ไม่ได้ จึงจำไว้ รักศิษย์เสมอ แก้วประเสริฐ.
27 ธันวาคม 2553 13:24 น. - comment id 1176261
สวัสดีครับครู.. อยากให้ครูขยายความเกี่ยวกับ กาพย์ห่อโคลง....กับกาพย์ห่อโคลงกระทู้ ด้วยครับ ดูแลสุขภาพด้วยครับครู
27 ธันวาคม 2553 14:01 น. - comment id 1176268
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักของครู อันการเล่นนั้นๆแม้จะ เป็นอะไรๆก็ตามที หากมีกาพย์อยู่ด้วยเขา จะเรียกว่ากาพย์ห่อ???...ทั้งนั้น โคลงนั้น ยังมีการเล่นแยกออกไป แต่ครูว่าการเล่น โคลงสี่สุภาพล้วนๆก็ดี โคลงสี่สุภาพมีสร้อย ก็ดี ความไพเราะจะสู้โคลงกระทู้ไม่ได้ อัน โคลงกระทู้นั้น ยังแยกไปอีกด้วย จะใช้อักษร เรียงข้างหน้าแต่ละบทแล้วมาอ่านคำ หน้าให้มีใจความได้อีกแบบหนึ่ง แต่ครูชอบเล่นโคลงกระทู้แบบผสมผสาน มาก นี่เพียงครูยกโคลงกระทู้คือมีศิษย์ ถามเกี่ยวเรื่องนี้เหมือนกัน ก็เลยเขียน กาพย์ห่อโคลงกระทู้ล้วนๆเลยล่ะ ส่วนใหญ่แล้วการห่อโคลงนั้นมักจะใช้ กาพย์ห่อโคลงสี่สุภาพล้วนๆกันเป็นส่วน มาก แต่การขับขานแล้วโคลงสี่สุภาพ จะสู้โคลงกระทู้ไม่ได้เสมือนคนละชั้น ทีเดียวเลยล่ะ ความไพเราะ เอื้อนคำก็ แตกต่างกันจ๊ะ บทนี้ครูเขียนขึ้นเพื่อให้ศิษย์ที่ถามได้ รู้ว่า กาพย์ห่อโคลงกระทู้เป็นอย่างไร จึงได้แต่งโคลงกระทู้ล้วนให้เห็นจ๊ะ หากสงสัยอะไรครูรู้ก็ถามมาได้นะ ส่วนใหญ่แล้่วครูมักจะห่อแบบผสม ผสานกันจ๊ะ รักศิษย์เรามากเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
28 ธันวาคม 2553 13:12 น. - comment id 1176525
......... ไพเราะมากจ้าครู แต่ที่ครูบอกว่าโคลงสี่สุภาพแบบล้วนๆ กับโคลงสี่สุภาพแบบมีสร้อย ความไพเราะสู้โคลงกระทู้ไม่ได้ โคลงสี่สุภาพหมายถึงโคลงที่มีฉันทลักษณ์เป็น เอก 7 โท 4 ใช่ไหม ส่วนโคลงกระทู้จะมีสร้อยก็ได้ ไม่มีสร้อยก็ได้ และไม่บังคับฉันทลักษณ์ เอก 7 โท 4 ใช่หรือไม่ สังเกตุจากที่ครูเขียน แต่ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า
28 ธันวาคม 2553 14:28 น. - comment id 1176531
คุณ din ศิษย์เรา จำไว้ไม่ว่าจะเป็นโคลงใดๆนั้น จะถูกบังคับด้วย เอก7 โท 4 ทั้งสิ้น เริ่มแรกนั้น โคลงสี่สุภาพเกิดก่อน โคลงใดๆ ต่อมาได้ถูกดัดแปลงเป็นสาขาย่อยเกิดขึ้น เหตุใด เนื่องจาก การเล่นโคลงสี่สุภาพล้วนๆ นั้นจะออกแนวทางกระด้าง ห้วนๆ สั้น ด้วย ถ้าหากการใช้อักษรกับทำนองไม่ ผสานกัน ที่ยากคือการเล่นสำนวนคำ รองมาก็คือการเล่นคำนั่นเอง แต่ครูไม่ ชอบนักคือคนอ่านต้องมานั่งแปลถอด ใจความออก จะยกตัวอย่างให้ดู โคลงสี่สุภาพกับโคลงกระทู้ เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น พันแสง รินรสพระธรรมแสดง ค่ำเช้า เจดีย์ระดะแซง เสียดยอด ยลยิ่งแสงแก้วเก้า แก่นหล้าหลากสวรรค์ ฝากอุสาสมรแม่แล้ ลักษมี เล่านา ทราบสวยมภูวจักรี เกลือกใกล้ เรียมคิดจบจนตรี โลกล่วง แล้วแม่ โฉมฝากใจแม่ได้ ยิ่งด้วยใครครอง .......................................................... จากตัวอย่างข้างบนคือการเล่นสำนวนคำ การเล่นโคลงทั้งหลายจะบัญญัตืิ ถูกบังคับด้วยฉันทลักษณ์ ปราชญ์สมัยโบราณ จึงนำมาดัดแปลง โดยเพิ่มสร้อยเข้าไป ให้สังเกตุง่ายๆคือ โคลงสี่สุภาพล้วน (แบบโบราณ) นั้นจะไม่มี คำสร้อยช่วย อันคำสร้อยนี้จะไปขยาย คำใน คำที่ 5-6 ในบทที่ 1-3 หมายถึงว่า คำที่ใช้นั้นจะไม่ได้เนื้อความ จึงจำเป็น ต้องให้คำสร้อยช่วย อันคำสร้อยนี้เสมือน ดังผงชูรสใส่อาหาร จะทำให้โคลงนั้น สละสลวยอ่อนไหวพลิ้วไปตามอารมณ์ คนขับขานนั้นๆ โคลงสี่สุภาพที่มีคำสร้อยช่วยคือบทที่ 3 ต่อจากคำที่ 5-6 หรือบางครั้งก็จะเพิ่มใน บทที่ 4 ท้ายคำที่ 7 แต่ทว่าการใช้นั้น จะบ่งแสดงถึงการสิ้นสุดการร่ายโคลง โคลงกระทู้นั้น บังคับตายตัว นอกจาก บทที่ 3 คำสุดท้ายแล้วจะมีคำสร้อย ก็มา เพิ่มในตำแหน่งของบทที่ 1 ถัดจากคำที่ 5-6 อีกสองคำแต่คำสุดท้ายของคำสร้อย นั้นบังคับให้เป็นคำอุทานเท่านั้น เช่น แล พ่อ แม่ แฮ เฮย เอย เป็นต้น เขาจะบังคับไว้ในบทที่หนึ่ง แต่โคลงกระทู้ นั้นยังแตกออกมาอีก เอาแต่หลักใหญ่ ไว้ก่อน บางท่านก็เล่นคำ โดยบทที่1-2-3-4 คำหน้านั้นจะอ่านรวมทั้ง 4 บทได้หนึ่ง พยางค์ เช่นบท1 คำนำหน้าใช้ ฉันบท2 คำหน้าใช้ รัก ฯลฯ อ่านรวมความว่า ฉันรักเธอเสมอ อีกแบบหนึ่ง ทำไมครูถึงกล่าวว่าโคลงกระทู้เมื่อ เวลามาขับขานแล้วจะไพเราะมากกว่า โคลงสี่สุภาพ เนื่องจากโคลงกระทู้นั้นมี คำสร้อยช่วยเพิ่มทำนองร้อยเรียงอักษร ให้งามอ่อนช้อยพลิ้วไหวไปตามอารมณ์ ของคนอ่านขับขาน นั่นเอง โคลงกระทู้ยังแตกออกอีกหลายๆอย่าง แต่ทว่าการเล่นโคลงแบบกลอนแปด ต้องแปดคำจริงๆ ด้วยกลอนแปดนั้นจะ อยู่ในหลักเกณฑ์ของทำนองสากลด้วย คือ โด เร มิ ฟา ซอล ลา ซิ โด้ นับดูทำนองนั้นจะลงแปดตัว ดังนั้นครู ถึงบังคับศิษย์ไว้ให้เล่นกลอนแปดต้อง แปดคำ ด้วยเหตุนี้นั่นเอง เพื่อเลือกอักษร ที่มีทำนองตัวเองอยู่แล้วใส่ในทำนอง ของหลักสากล สามารถจะมาผันเป็นการ แต่งเพลงก็ได้อีกด้วย ด้วยโน๊ตเพลงนั้น จะอยู่ในทำนองนี้เท่านั้น จะเล่นด้วยกลอน 4จวบจน12 ซึ่งเป็นการขยายช่วงจังหวะ ทำนองนั่นแหละ เหตุใดครูถึงเมื่อไม่ต้องการให้คนอ่าน มานั่งถอดความของโคลงแล้วจึงหันมา ใช้กลอนแปดในการเล่นโคลง เพราะ ไม่ต้องเล่นสำนวนและคำมากนัก ซ้ำยัง ขับขานได้เสนาะไพเราะมากอีกด้วย ด้วยคำที่ใช้จะลงตัวกับทำนองสากลก็ ด้วยเหตุนี้นี่เอง การเล่นสำนวนคำนอก จะดูเก๋ไก๋แสดงถึงภูมิความรู้ของผู้รจนาเอง แต่ไม่คำนึงถึงคนอ่าน ว่าเขาจะสามารถ ถอดโคลงออกได้หรือไม่นั่นเอง ด้วยครูเองมินิสัยง่ายๆไม่อยากให้คนอ่าน ต้องมาสับสนกัน ไทยแปลไทย อันครูไม่ ชอบนัก จึงนำเอากลอนแปดมาประยุกต์ กับโคลงทั้งหลายก็ด้วยเหตุนี้เองจ้า เอาเท่านี้ก่อนนะเดี๋ยวคนอื่นจะเขม่น ครูเอาจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
30 ธันวาคม 2553 13:51 น. - comment id 1177091
.......... ขอบคุณมากจ้าครู ทำให้din เข้าใจการเขียนโคลงมากขึ้น ปีใหม่นี้ครูดูแลสุขภาพด้วยนะจ๊ะ