ณ.อันตารหฤทยากาศ
เมื่อวาน
ณ อันตารหฤทยากาศ
มีชื่อชาติหมายรมณียสถาน
จิตรำลึกเป็นกวีจินตนาการ
แด่เจ้าเยาวมาลย์ยอดชีวา
จักสำแดงแผลงถ้อยความนึกคิด
เพื่อนิรมิตดั่งฤทัยปรารถนา
จำรัสแสงแจ้งรุจีที่ดาริกา
บนแผ่นฟ้าวาววับประดับใจ
จักกว้างโพ้นว่างเวิ้งมหาสมุทร
แพรวพิศุทธิ์เพชรพราวมณีใส
จากพสุธาสู่เบื้องฟ้านภาลัย
ฤๅเปรียบได้ในรสอิฏฐารมณ์
ว่าแจ่มจ้ากว่าแสงภาณุมาศ
ประหนึ่งวาดภาพศิลป์หทัยสม
ว่ารัญจวนยวนเย้าเข้าอารมณ์
ราวกับจมสู่สรวงห้วงพิมาน
แลหวานแว่วแก้วเสียงเพียงสำนึก
ส่งรู้สึกฝังในทิพยสถาน
ช่างอบอวลชวนฝันนิรันด์กาล
เปรียบประมาณบทเพลงฟ้าสุราลัย
รำพึงเพ้อละเมอเพียงเอื้อมบุหลัน
คว้าพระจันมาอิงแอบแนบแสงไข
เพราะรำพันภัคคิณีที่ทรวงใน
ด้วยห่างไกลหนทางขวางมรรคา
อนึ่งตัวข้านี้เพียงธุลีน้อย
ได้แค่คอยดวงฤดีสเน่หา
นานเนิ่นช้า ณ.กระแสกาลเวลา
มิสร่างซาเลิกร้างห่างหฤทัย
อธิษฐานการนี้ที่หมายมุ่ง
จักเรืองรุ่งนับราวอสงไขย
จักซึมทราบปลาบปลื้มประทับใจ
มิจืดจางจากไปกลับวันวาน
ทั้งชีวิตประสาทสิทธิ์เพื่อสิ่งนี้
ปรารถนาดีมีชั่วกัลปาวสาน
มากกว่าหมู่ดาริกาทุกจักรวาล
หาเปรียบปานเพียงเสี้ยวเศษธุลี
คือส่วนหนึ่งในห้วงหฤทยากาศ
ที่หมายมาตรมั่นไว้ในศักดิ์ศรี
เพียงเจ้าเพียงเท่านั้นกัลยาณี
คือวจีที่ประสานผ่านวิญญาณ