ธรรมวิบัติ ตอนบวชพระพรรษาใฝ่หารู้ หาทางสู่ขจัดสิ่งแอบอิงแฝง มวลธรรมสู่ใจไว้มิให้แคลง ลดร้อนแรงตัณหาค้นคว้าทาง อ่านธรรมวินัยเลิศประเสริฐยิ่ง ธรรมบทอิงสรรพสิ่งขจัดสิ่งขวาง ไตรปิฎกเจ็ดคัมภีร์แนววาง หาสู่สร้างลดละเลิกเบิกหทัย ตลอดคำสอนครูอาจารย์สรรเลิศ เป็นบ่อเกิดกำหนดที่สดใส เริ่มสมาธิจิตใจฝันใฝ่ไป มวลสติไซร้มิคลาดปราศมลทิน เช้าตรู่ตื่นไหว้พระบิณฑบาต จิตมองลาดพสุธาไม่หาสิน เพ่งอาหารออกไปอย่าใฝ่กิน ให้ปลายลิ้นหมดรสปรากฏจิต ตกบ่ายคล้อยเรียนธรรมนวกะภูมิ เพื่อส่องสุมปัญญาเข้ามาสถิต ที่บัญญัติวินัยใฝ่ใจคิด เข้าประดิษฐ์ห้วงหทัยให้เบิกบาน ครั้นเย็นลงปลงอาบัติขจัดสิ่งโกรธ ก้าวเข้าโบสถ์ไหว้พระละประสาน เป็นสมาธิด้วยเสียงเผดียงกาล สืบสันดานคุณธรรมย้อมนำใจ พอเสร็จสรรพกราบพระใฝ่ละสิ่ง ที่แอบอิงซ่อนเร้นบ่วงเน้นไสว ฝึกสมาธิรวมจิตพิชิตชัย ใจรวมไว้โมกขธรรมย้อมนำเรา ออกจากโบสถ์เดินหน้าเข้าป่าช้า แผ่เมตตาสรรพสัตว์ขจัดสิ่งเขลา เดินทางกลับกุฏิด้วยสติเบา พิจารณาเอารอบข้างสร้างกายตน ตลอดเวลาผ่านมาน่าพิศวง เกือบทุกองค์แก่พรรษาพาสับสน บ้างชวนเราหลีกธรรมนำวกวน หลีกเลี่ยงพ้นหลบธรรมนำอ้างอิง สร้างเกิดก่ออาบัติวิรัชยิ่ง ชอบแอบอิงไม่ผิดธรรมสู่สิ่ง นำขิงดองขบเคี้ยวลดเลี้ยวจริง คือยายิ่งหลบอ้างหนีทางธรรม. * แก้วประเสริฐ. *
18 มิถุนายน 2553 16:01 น. - comment id 1137417
คุณธรรมนำทางใจค่ะคุณลุง
18 มิถุนายน 2553 16:11 น. - comment id 1137428
ครั้งแรกที่ไปป่าช้าเวลามืดๆกลัวมั๊ยคะ อยากรู้ว่า พระกลัวผีไหม แฮ่
18 มิถุนายน 2553 16:19 น. - comment id 1137434
18 มิถุนายน 2553 16:36 น. - comment id 1137455
คุณ เพียงพลิ้ว ใช่แล้วถูกต้องแล้วคิดดีแล้วจ๊ะหลานรัก ลุงมองเห็นพระสมัยนี้ ทำให้นึกย้อนคืนกลับครั้ง ที่บวชพระใหม่ๆ เชื่อไหมหากเราปฏิบัติดีประบัติ ชอบด้วยชีวิตเราจะบวชได้ก็เพียงครั้งเดียวที่ลุงคิด นะ จึงปฏิบัติให้ถูกต้องสะอาดด้วย กาย วาจา ใจ ตามธรรมวินัยไม่ยอมให้ผิดสักนิดแม้แต่เพียงครั้ง เดียว ตามครูอาจารย์เคยสั่งสอนไว้ก่อนบวช ด้วยอานุภาพผลบุญนี้ ปีนั้นลุงได้เลื่อนขั้นและ ยศในเวลาต่อมาอีกด้วยนะ และมาเห็นพระ สมัยนี้บวชแค่กาย แต่ไม่ยอมบวชใจเลยนะ จึงทำให้เกิดความเบื่อหน่ายท้อแท้ใจ รักหลานเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 มิถุนายน 2553 16:57 น. - comment id 1137460
คุณ โคลอน คนสวยผมมีความเชื่อมั่นในผ้ากาสาวพัตร ว่าหากผู้ที่สวมใส่แล้วปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พวกภูติ ผีปีศาจมิอาจจะกล้ำกรายเข้ามาในระยะ ห้าเมตร ได้ตามที่ครูอาจารย์สั่งสอนไว้ จึงเกิดความกล้าจะ บอกให้ผมอยู่แถวยานนาวา บ้านใกล้กับวัดดอน ซึ่งร่ำลือว่าผีดุมาก สมัยเด็กๆก็เคยวิ่งเล่นอยู่แถว ลานวัดเสมอๆมา ความกลัวจึงไม่ค่อยจะมีมากนัก ยิ่งมาบวชด้วยแล้ว ความกลัวก็ไม่มี ผมนั่งสมาธิ คนเดียวในโบสถ์เป็นเวลานาน เคยได้รับการ ลองกำลังใจ หน้าต่างประตูเปิดเสียงดังมากทั้งๆ ที่ผมปิดประตูหน้าต่างโบสถ์หมดแล้วเพื่อความ แน่นอน ต้องออกจากสมาธิลืมตาดู ก็เห็นประตูหน้า ต่างปิดเหมือนเดิมจึงทราบว่าเขามาลองใจเรา ก็แผ่เมตตาให้เขาแล้วเข้าสมาธิตามเดิมก็ไม่มี อะไร เมื่อผมสวดมนต์ในโบสถ์ทั้งเช้าเย็นก่อน จะเข้าโบสถ์ผมจะเดินจงกรมสามรอบโบสถ์ก่อน แล้วมาปลงอาบัติกับพระที่อาวุโสกว่าทุกๆครั้ง ทั้งเช้าเย็นถึงจะเข้าโบสถ์ไป เข้าโบสถ์เสร็จ พระองค์อื่นกลับผมไม่กลับนั่งสมาธิต่ออีกสัก พักถึงจะกลับ อาศัยผมเป็นเด็กวัดดอนเก่า รู้จักพระประจำที่รักษาโบสถ์จึงได้รับความ กรุณาเป็นพิเศษ เสร็จแล้วก็เดินไปยังป่าช้า แล้วบังสกุลเป็นและตายพร้อมทั้งแผ่นเมตตา ให้เขาจึงจะกลับกุฏี ตกค่ำก่อนจำวัดสวดมนต์นั่งสมาธิหน่อยแล้วกรวดน้ำ นำน้ำไปรดยัง ต้นไม้ใกล้เมรุที่ใช้เผาศพ เพราะมีต้นมะขาม ใหญ่อยู่ ผมทำเช่นนี้เสมอมา จนพระบางรูป หาว่าผมบ้า ผมปฏิบัติเช่นนี้จวบจนกลางพรรษา ขณะไปดับเทียนหน้าพระประธานเห็นพระทองคำ วางอยู่ประมาณห้าหกองค์ คิดว่าเขาคงจะมาให้ เราจึงนำกลับไปที่กุฏี พิจารณาดูแล้วเห็นว่าไม่ ถูกต้องจึงจะนำไปคืน แต่มีพระมาเห็นเข้าจึงขอ ผมไปองค์หนึ่ง ผมก็ให้เมื่อคิดว่าไม่ดีจึงนำไปคืน ยังที่เดิมหน้าพระประธาน แล้วกลับมา พระองค์ ที่ได้รับพระไป คงไปอวดพระด้วยกัน ต่างพา กันมาหาผมเพื่อขอบ้าง ผมบอกว่านำไปคืนหมด แล้วที่หน้าพระประธานในโบสถ์ พึ่งกลับมาเดี๋ยว นี้นี่เอง พระเหล่านั้นก็รีบไปเพื่อจะเอาพระ แปลกแต่จริง มาบอกผมว่าไม่เห็นมีสักองค์ เดียวเลย ผมบอกว่าจริงๆนะผมพึ่งไปวางไว้ แล้วมานั่งคิดว่าหรือว่าพระเหล่านี้จิตใจไม่ดี จึงทำให้อัตรธานหายไป นี่เป็นเรื่องจริงๆใน ชีวิตผมทั้งสิ้น คุณว่าแปลกไหมแต่ผมว่าแปลก มากๆเวลาก็ห่างกันไม่มากนักครับ หากจะเล่า ก็อีกมากคนอื่นจะหมั่นไส้เอา เอาแค่นี้ก่อนนะครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 มิถุนายน 2553 17:00 น. - comment id 1137462
คุณ น้ำตาลหวาน ครับทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงๆทั้งสิ้นในขณะ ที่ผมบวชพระหนึ่งพรรษาครับ เห็นพระเดินมา บิณฑบาตรท่านเดินจ้ำเอาจ้ำเอาเหมือนจะรีบไป แย่งอาหารเขา ทำให้นึกปลงสังเวชในใจผิดกับ ผมมากเลยครับ เลยมาเขียนเรื่องนี้ไว้ครับ ทุกอย่างอยู่ที่เราครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 มิถุนายน 2553 17:10 น. - comment id 1137464
อ่า....ถ้าเปงฝนเปิดแน่บตั้งแต่ได้ยินเสียงประตูหน้าต่างปิดเปิดแล้ว อิอิ ขอบคุณที่เล่าประสปการณ์ให้ฟังค่ะ
18 มิถุนายน 2553 17:29 น. - comment id 1137478
คุณ โคลอน เรื่องนี้นั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ ทรงตรัสไว้เสมอๆว่า "สติ" ต้องยึดมั่น ทำไมล่ะ สติคือการรำลึกได้ รำลึกอะไร รำลึกในคำสั่งสอน ของพระองค์หรือครูอาจารย์ท่าน รำลึกในการเกิด เหตุแลผล รำลึกเพื่อมิให้หลงไปในอุปาทาน ฉนั้น สติจึงสำคัญยิ่ง สติมักจะคู่กับสัมปชัญญะคือการรู้ตัว เมื่อมีสติสัมปชัญญะก็เกิด ดุจกายเรามีเงาฉนี้ หากขาดสติ ความคิดอ่านก็ออกแนวทางเตลิด ไปดังที่คุณกล่าวไว้นั่นเอง หากพบสิ่งใดผิดปกติ ก็ให้มีสติไตร่ตรองเสียก่อน บางครั้งมองขอนไม้ ดำทะมืนนึกว่าผีด้วยขาดสติไตร่ตรอง หากไม่ กลัวมีสติคอยควบคุมเดินไปมองก็จะพบความ จริงว่าผีหาใช่ไม่เป็นขอนไม้ในความมืดนั่น เอง ขอบคุณครับ ผมจะบอกวิธีกันผีที่ดีบทหนึ่ง ให้คือ " เมตตัญจะ พุทธัสสะ อเวรา โหนตุ" ทดลองได้ครับ ไม่ว่าผีสางนางไม้หรือสัตว์เช่น ยุ่งเป็นต้นหรืออะไรๆ หากจิตใจ มีเมตตาธรรมฝึกฝนไว้ แม้แต่ยุงแยะก็ไม่ค่อย จะมากัดเรา นอกจากเรามีเวรแก่เขาและไม่ รับเรา นี่ผมทดลองมาแล้วได้ผลครับ ทดลอง ดูนะครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 มิถุนายน 2553 17:37 น. - comment id 1137480
พระถือศีลเคร่ครัดย่อมปัดเป่า ร้อนบรรเทากลับเย็นไม่เร้นหนี ฝึกอดทนสมาธิสติมี เหมือนย่ามที่เต็มเปี่ยมเตรียมเพาะธรรม กราบครูแก้วฯก่อนเลิกงานเจ้าค่ะ
18 มิถุนายน 2553 21:13 น. - comment id 1137510
10
18 มิถุนายน 2553 21:21 น. - comment id 1137519
●═══════════●◄ ►●═══════════◄►═- ═════════● ●═══════════●◄ ██╠♥╣██╠♥╣██╠♥╣█- ╠♥╣██╠♥╣██ ██╠♥╣██╠♥╣██╠♥╣█ ►●═══════════◄►═- ═════════● ●═══════════●◄ ─▀██▀───♥♥♥ ──██────(▒)(▒) ──██───(▒)(♥)(▒) ─▄██▄▄█─(▒)(▒) ────── ▄███▄ ─────███─███─(▒)(▒) ─────▀██▄██▀(▒)(♥)(▒) ───────███───(▒)(▒) ────────── ▀██─██▀ ─────────── ██─██─(▒)(▒) ─────────── ▀█▄█▀ (▒)(♥)(▒) ─────────────▀─── (▒)(▒) ───────────────██▀▀█ ─────(▒)(▒)──────██▄█─ (▒)(▒) ────(▒)(♥)(▒)─────██▀█─ (▒)(♥)(▒) ─────(▒)(▒)──────██▄▄▄ (▒)(▒) ►●═══════════◄►═- ═════════● ●═══════════●◄ ██╠♥╣██╠♥╣██╠♥╣█- ╠♥╣██╠♥╣██ ██╠♥╣██╠♥╣██╠♥╣█ ►●═══════════◄►═- ═════════● ●═══════════●◄ _______________$$$$$_____$$$$$ ______________$$$$$$$___$$$$$$$ ____________$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$______$$$ __$$$_______$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$______$$$ $$$$$$______$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$_____$$$$$ $$$$$$______$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$_____$$$$$ $$$$$$$______$$$$$$$$$$$$$$$$$$_____$$$$$$ $$$$$$$_______$$$$$$$$$$$$$$$$______$$$$$_ $$$$$$$$________$$$$$$$$$$$$_______$$$$$$_ $$$_$$$$_________$$$$$$$$$$________$$$$$$$ $$__$$$$_________$$$$$$$__________$$$$$_$$ $$$$_$$$$_________$$$_____________$$$$$__$ $$$$___$$$______________________$$$$$____$ $$$$____$$$____________________$$$$$$___$$ _$$$$$_____$_________________$$$$$$$$$_$$$ $$$$$$$$_____$______________$$$___$$$$$$$$ _$$$$$$$$$______$$________$$$$____$$$$$$$ ____$$$$$$$$$$$__$$$_____$$$$$$$$$$$$$$$ _____$$$$$$$$$$$$$$$____$$$$$$$$$$$$$$ ________$$$$$$$$$$$$$__$$$$$$$$$$$$$$ ___________$$$$$$$$$$__$$$$$$$$$$$$ ____________$$$$$$$$$__$$$$$$$$$$ _____________$$$$$$$$__$$$$$$$$ _____________$$$$$$$$__$$$$$$$ _____________$$$$$$$$__$$$$$$$ _____________$$$____$__$$$$$$$
19 มิถุนายน 2553 08:30 น. - comment id 1137605
สวัสดีค่ะ อาจาย์แก้วประเสริฐ มาทักทายค่ะ
19 มิถุนายน 2553 09:17 น. - comment id 1137635
......อนุโมทนาค่ะคุณครู มีเกิดก็ย่อมมีดับเนอะ ต้องช่วยกันรักษา และ สร้างสรรค์เพิ่มขึ้นค่ะ
19 มิถุนายน 2553 10:34 น. - comment id 1137717
19 มิถุนายน 2553 12:06 น. - comment id 1137730
เดือนหน้าที่จะถึงนี้..เอาอีกซักพรรษาไหมท่านท้าวฯ... ...แวะมาทักทาย..ห่างหายไปนาน...รักษาสุขภาพนะครับลุงแก้วฯ..
19 มิถุนายน 2553 13:39 น. - comment id 1137745
19 มิถุนายน 2553 15:17 น. - comment id 1137771
คุณ แก้วประภัสสร ศิษย์รักเอย การบวชเรียนทางพุทธศาสน์ นั้นต้องมีบุญและเคยอธิษฐานไว้ในชาติก่อนด้วย ถึงจะได้บวช การบวชนั้นไม่ใช่ว่าสักแต่ว่าบวชซึ่ง เขานิยมกล่าวไว้ว่า การบวชคือการทดแทนพระ คุณบิดามารดานั้นหาใช่ไม่ การบวชคือการละเลิก เว้นค้นหาทางพ้นทุกข์ซึ่งมากมายด้วยตัณหากิเลส น้อยใหญ่ ค้นหาโมกขธรรมให้หลุดพ้นจากทุกข์ ทั้งปวงนี่คือหลักในทางพุทธศาสนา การที่บอกว่า การบวชเพื่อทดแทนคุณบิดรมารดา มาจาก เรื่องในชาดกกล่าวว่า บิดามารดาเป็นนายพราน เที่ยวล่าสัตว์ฆ่าชีวิตมาเพื่อเลี้ยงครอบครัวครั้น ตายไปก็บังเกิดใช้กรรมจนมาถึงภพเปรตก่อนแล้วถึงมาเป็นสัตว์ ในระหว่างเป็นเปรตนั้นลูก ชายได้บวชก็มาคอยยืนรับผลากุศลที่นอกขันฑเสมา บุตรชายซึ่งเป็นนาคมองเห็นบิดาเป็นเปรตก็ ให้เศร้าใจและนึกแผ่กุศลว่าจะบวชค้นคว้าธรรม และจะไม่สึกจากการเป็นภิกษุขอผลบุญนี้จงได้ บังเกิดแก่บิดาด้วยเถิด ครั้นนาคได้อธิษฐาน เสร็จ ร่างบิดาซึ่งเป็นเปรตก็ยกมือขึ้นรับสาธุ ฉับพลันร่างที่เป็นเปรตก็กลับกายเป็นเทวดาไป ด้วยผลกุศลที่ลูกชายบวชแผ่กุศลให้ เรื่องนี้ เป็นการเล่าขานสืบกันมาจนเป็นชาดก บุตร ชายนั้นก็มีสัจจะไม่ยอมสึก ค้นคว้าหาโมกขธรรม จนสำเร็จกิจในบวรพุทธศาสนา นี่คือเรื่องการ บวชเพื่อทดแทนคุณบิดรมารดาดังกล่าวขานไว้ ฉนันครูยามเมื่อบวชโดยคิดว่าโอกาสเช่น นี้หายากยิ่งตอนนั้นรับราชการอยู่และจะได้ บวชอีกหรือไม่ก็ไม่รู้ จึงตั้งหน้าถือข้อวัตรปฏิบัติ อย่างเคร่งครัดจนกระทั่งสึกออกมารับราชการ ต่อ จนบัดนี้ยังไม่มีโอกาสได้บวชเลยด้วยครอง เรือน แต่ด้วยอานุภาพของกุศลที่สร้างไว้ทำให้ จิตใจครูเยือกเย็นอย่างประหลาด ก่อนนั้นครู เป็นคนอารมณ์ร้อนมากๆเห็นแก่ตัวด้วย หลัง จากบวชแล้วสิ่งเหล่านี้หายไปเกือบหมด และ ปีนั้นครูได้เลื่อนขั้นเงินเดือนขึ้นตลอดจนได้ รับตำแหน่งสูงขึ้นจะด้วยอานุภาพในการถือ ปฏิบัติดีด้วยหรือไม่ก็ไม่อาจจะรู้ได้ แต่ใจบอก ว่าคงมีส่วนด้วยล่ะ ส่วนเป็นหญิงไม่ต้องมาก ให้เพียงรักษาศีลให้ดีเท่าที่จะทำได้และให้ สร้างองค์ภาวนาตลอดเป็นนิจสินไม่ว่าจะ นอน ยืน นั่ง เดิน หากเรามีช่วงเวลาว่างก็ถือเป็น มหากุศลอย่างหนึ่ง ตามตำรากล่าวไว้ว่าการ สร้างผลานิสงฆ์ใดๆเล่ามิอาจเทียบเปรียบเท่ากับ การเจริญสมาธิเป็นไม่มี สร้างโบสถ์วิหารหรือ สวดมนต์ภาวนาบุญกุศลก็หาทัดเทียมเท่ากับ การนั่งสมาธิแค่ช้างกระดิกหูได้ไม่จ๊ะ ไม่จำเป็น ต้องนั่งขัดสมาธิหรอก การสร้างสมาธินั้นมีหลาย อย่างให้เราเลือก องค์ภาวนาก็เหมือนกันแล้ว แต่สภาวะจิตที่ยินยอม หากเช่น พุทโธ อรหัง สัมมาอรหัง ฯลฯ ให้เราทำลองหากเกิดอาการ ต่อต้านของจิตก็อย่าฝืนไม่ได้ประโยชน์ใดๆ หากองค์ภาวนายอมรับสภาพจิตคล่องการหายใจ สะดวกราบรื่นก็ให้ถือคำนั้นๆเป็นหลัก จิตใจ อยู่ตรงไหน ครูจะบอกให้ สถานที่อยู่ของจิตใจ นั้นอยู่ที่ระหว่างช่องอกคือที่ซี่โครงทั้งสองมา บรรจบกันนั่นเอง หาใช่ที่ปลายจมูกหรือสะดือ อันเป็นส่วนแบ่งกลางของความสูงต่ำนั้นก็หาไม่ ครูทดลองมาหลายๆแบบแล้ว เมื่อเราทราบที่ อยู่ของจิตแล้วตั้งจิตลงที่นั่น ความกลัวต่างๆก็ จะหายไปหมด ไม่ว่าจะเป็นภูติผีนางไม้ใดๆ ก็ตามการเจริญภาวนาก็จะคล่องด้วย ทดลอง ดูก่อนนะ อย่าพึ่งเชื่อครู ด้วยเรื่องนี้อาจจะเป็น เฉพาะตัวใครๆเท่านั้น หากดีก็เอาไปปฏิบัติ ข้อดีที่สุดอย่างหนึ่งเมื่อทราบที่อยู่อาศัยของจิต แล้วก็สามารถจะภาวนาได้ทุกขณะจิตที่เราว่าง จ๊ะ ปัญญาก็เกิดง่าย รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
19 มิถุนายน 2553 15:21 น. - comment id 1137775
คุณ โคลอน ขอบคุณมากคนสวย ณ ที่นี้ผมจะกล่าวเฉพาะ เรื่องธรรมเท่านั้นจ๊ะ ใครเชื่อหรือไม่ตามใจเขา การเชื่อที่ดีที่สุดคือ การทดลองอย่าไปเชื่อใครๆ ง่ายๆ จงเชื่อมั่นตัวของเราเองทดลองด้วยตัวเรา เอง หากได้ผลดีก็จงเชื่อสิ่งนั้นๆนะจ๊ะ เรื่อง บาปบุญคุณโทษใครๆก็ช่วยเราไม่ได้นอกจาก ตัวของเราเท่านั้นที่จะช่วยตัวเราเองจ๊ะ ทางโลก หากสุขเราสุขก็หาเกิดจากคนอื่นไม่ นอกจากตัวเรา เราทุกข์คนอื่นก็หาได้ทุกข์อย่าง เราไม่ นอกจากเพียงแค่แสดงความเห็นใจหรือ ยินดีเท่านั้นเองจ๊ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
19 มิถุนายน 2553 15:23 น. - comment id 1137776
คุณ กู้ภัย ขอบคุณเอาภาพที่สร้างด้วยคอมฯมาให้ชม สมัยก่อนตอนทำงานผมก็สร้างได้หลายๆรูปแบบ แต่ใช้เวลานานมาคิดคำนวณ เก่งครับไม่ใช่ทำ กันง่ายๆนะครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
19 มิถุนายน 2553 15:30 น. - comment id 1137784
คุณ ไหมแก้วสีฟ้าคราม ผมติดตามงานคุณเสมอๆเพียงมิได้เม้นท์ เท่านั้นครับ คุณชอบในแนวกลอนตลาดแบบคุณ พ่อคุณท่านซึ่งเก่งทางกลอนอยู่แล้วได้รับการถ่าย ทอดสืบมานับว่าเป็นหน่อเนื้อเชื้อสายกวีวรรณศิลป์ คนหนึ่งทีเดียว พยายามเถอะครับ ข้อดีของกลอน ตลาดง่ายไม่ต้องบังคับอักษรปล่อยไป ยกเว้นเพียง แค่ระวังมิให้ทำนองพาอักษรไปเท่านั้นเอง การเล่นกลอนแปดด้วยแปดคำอักษรสูงนั้นต้อง บังคับอักษร และรู้จักอักษรแต่ละคำด้วยครับ ผมยังคิดถึงเสมอ ยามจากกันครั้งสุดท้ายไม่ เคยลืมเลยครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
19 มิถุนายน 2553 15:38 น. - comment id 1137794
คุณ ครูกระดาษทราย ใช่แล้วครับครู ในโลกใบนี้ย่อมเป็นที่ ก่อกำเนิดของมวลสรรพสัตว์ทั้งหลายตลอดจนวัตถุ ต่างๆ ทุกๆอย่าง จะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ทางธรรมเรียกว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกๆ อย่างมิอาจจะคงที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก หินผา อะไรต่างๆ สิ่งที่เราสังเกตุง่ายแต่คนไม่สนใจด้วย พยายามจะค้นคว้าหลีกเลี่ยงสัจจธรรมเหล่านี้แต่ ก็มิอาจจะเอาชนะธรรมชาติไปได้ สิ่งนั้นคือร่างกาย ของเราเอง หากนึกย้อนหลังจะพบว่า เป็นเด็ก แล้วมาเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตายไป เป็น เกิด แก่ เจ็บ และก็ตายไปในที่สุดครับ ปัจฉิมพจวัจนะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรากล่าวไว้ก่อนจะเข้า สู่นิพานนั้น อานนท์เอ๋ยศิษย์ตถาคตเราจงอย่าตั้ง มั่นในความประมาท จงหมั่นเพียรค้นหาทางให้ พ้นทุกข์เถิด ความหมายก็คือจงหาทางให้พ้น ทุกข์นั่นเองครับ ขอบคุณ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
19 มิถุนายน 2553 15:40 น. - comment id 1137802
คุณ พิมญดา ขอบคุณมากครับ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิด แก่ เจ็บ ตาย ย่อมเกิดแก่ทุกรูปนามหาได้ จีรังถาวรไม่ จึงควรจะตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ขอบคุณครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
19 มิถุนายน 2553 15:54 น. - comment id 1137845
คุณ บินเดี่ยวหมื่นลี้ ขอบใจท่านเวนไตยมากที่แนะแนวทาง กุศลให้ผม แต่อานุภาพการครองเรือนนี่แหละ ยากนักจะตัดขาด โซ่ตรวน สิ่งกักขังต่างๆนั้น ผมเองสามารถแก้ไขได้ แต่โซ่ใจยากยิ่งแล้วจะ ตัดขาดอุปมาดังสายบัวตัดแล้วยังฝากใยไว้เสมอๆ ครับ จริงซินะไม่ค่อยได้พบกันเจอกัน แต่ห้วง น้ำใจยังเต็มเปี่ยมด้วยความรักคิดถึงเสมอๆครับ ผมติดตามข่าวเชียงใหม่เสมอ ด้วยสมัยก่อนผม นิยมทางเหนือเฉพาะเชียงใหม่มากไปมากกว่า ทุกๆภาค ขอบในภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์ด้วย น้ำตกป่าเขาลำเนาไพรสายธารน้ำไหลเย็นสุข กายสบายใจทั้งหน้าร้อนและหน้าหนาว แต่ ครั้งสุดท้าย เปลี่ยนแปลงหมดจนทำให้ผมต้อง เลิกคิด เคยมีบ้างไหมที่เชียงใหม่จะร้อนกว่า ทางกรุงเทพ บัดนี้เชียงใหม่ร้อนกว่ากรุงเทพ หนาวหรือก็แทบจะหาไม่ได้อีกแล้วล่ะครับ รักท่านท้าวเวนไตยเสมอๆครับ แก้วประเสริฐ.
19 มิถุนายน 2553 15:57 น. - comment id 1137856
คุณ nig ขอบคุณในน้ำใจที่มอบด้วยกุหลาบงามแสนสวย ให้ครับ ความสัมพันธ์น้ำใจคงจะราบรื่นเสมอต้น เสมอปลายนะครับ ขอบคุณมากจริงๆครับ แก้วประเสริฐ.
19 มิถุนายน 2553 19:49 น. - comment id 1138190
^)^ = มาทักทายคุณลุงแก้วครับผม
19 มิถุนายน 2553 21:54 น. - comment id 1138265
มาอ่านงานครูแก้วครับ
20 มิถุนายน 2553 11:04 น. - comment id 1138478
คุณ รัมณีย์ ขอบใจมากจ้าหลานรัก รัมณีย์คือนามหนึ่ง ของหลานตอนบวชพระ แต่ของลุงฉายา คือ "อัตตเศรษโฐ" เป็นเศรษฐีด้วยตัวของตัวเอง อิอิ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
20 มิถุนายน 2553 11:09 น. - comment id 1138483
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักนี่คือเรื่องจริงตอนครูบวชพระอยู่นึก ขึ้นมาก็เขียนไว้ให้อ่านกันจ๊ะ ฉายา ตอนบวชพระ ครูอุปัชฌาจารย์ท่านถามวันเดือนปีเกิดแล้วมอง หน้าครูแล้วก็ตั้งฉายาให้ คือ "อัตตเศรษโฐ" ท่านแปลให้ฟังด้วย ตอนนั้นไม่รู้อะไรหรอก มีอาจารย์หลายๆท่านกล่าวว่า อันฉายาที่บวช นั้นหากใช้เป็นองค์ภาวนาจะสร้างความเมตตา ความรุ่งโรจน์แก่ตัวเราเอง แต่ครูไม่คิดอะไร เพียงรับฟังเท่านั้นเองจ๊ะ รักศิษย์เรามากเสมอ แก้วประเสริฐ.
20 มิถุนายน 2553 12:56 น. - comment id 1138508
สวัสดีครับ ลุงแก้ว ชอบ ธรรมะมากครับ
20 มิถุนายน 2553 13:45 น. - comment id 1138528
สวัสดีวันหยุดค่ะ มาอ่านงานธรรมค่ะ สมัยนี้น้อยคนจะบวชครบพรรษาเพราะอาจเป็นด้วยเรื่องเวลาและการงาน แต่ขณะบวชก็ปฏิบัติเคร่งครัดวินัยก็ถือว่าปฏิบัติดีแล้วนะคะ
20 มิถุนายน 2553 14:20 น. - comment id 1138533
สวัสดีค่ะ แวะมาอ่านกลอนพี่ชาย ระลึกถึงเสมอค่ะ
20 มิถุนายน 2553 14:26 น. - comment id 1138535
คุณ ธันวันตรี ผมเป็นคนแปลกๆบ้าๆอย่างหนึ่ง เฉพาะ ความเชื่อนั้น แม้ว่าคนทางบ้านผมจะนับถือพุทธ ก็ตามแต่หาคนที่ศึกษาไม่ เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก ยิ่งฟังคนเขาพูดกันว่านับถือตามๆกันไป ผมเอง เชื่อมั่นศาสนามาตั้งแต่เยาว์วัยแล้ว จึงค้นคว้า หาความถูกต้อง จะเรียกได้ว่าเกือบทุกๆศาสนาหรือ ลิทธิต่างๆจากหนังสือ ยิ่งศาสนาอิสลามผมเข้าบ้าน เขาไปคลุกคลีกับหัวหน้าเจ้าของบ้านจนได้รับ การไว้เนื้อเชื่อใจ เนื่องจากเหตุที่เล่นหมาก ฮอร์ตเขาไม่มีใครสู้ได้ มีแต่ผมที่เล่นกับแกได้ เรียกว่ากล้ำกึ่งกันเสมอ แต่ผมมักจะยอมให้แก เสมอๆด้วยเป็นผู้ใหญ่เรียกว่าขนาดพ่อผมเลย ล่ะ แกรักผมมากเคร่งครัดในศาสนาอิสลาม มากผมเข้านอกออกในขนาดหนังสือคัมภีร์กูรอ่าน ท่านก็เอามาให้ผมอ่านแต่ผมอ่านไม่ออกเป็นภาษาอาหรับหมด ท่านแปลให้ฟัง ผมศึกษา มามากด้วยเห็นว่าคนนับถือมากที่สุดในโลก แต่ทุกๆศาสนาล้วนแต่นับถือพระเจ้าทั้งสิ้นเว้น ลัทธิขงจื้อที่มีลักษณะเลียนแบบพุทธศาสนาแต่ หนักไปในทางความกตัญญูเป็นหลัก ผมมุ่งไป ทางศาสนาอิสลาม คริสต์และฮินดูเป็นหลัก ศาสนาอิสลามกับศาสนาคริสต์มีหลักการเดียว กันพระเจ้าองค์เดียวกันเพียงแต่แยกกันเรียก เท่านั้นเองนอกนั้นจะคล้ายคลึงกัน เพียงแต่ ว่าพระเจ้าใครจะเหนือใครจนเกิดการรบพุ่งนับ เป็นพันปีก็เพื่อสถานที่และหินก้อนเดียวเท่านั้น ต่างก็ว่าเป็นของพระเจ้าที่ประทานให้ครับ ผิด กับศาสนาฮินดูซึ่งเกิดจากพราห์มอันมีพระพรหม เป็นใหญ่ต่อมาก็แตกแขนงไปเรื่อยๆตามหมู่ คณะ ยกเว้นศาสนาพุทธกับศาสนาชินซึ่งมีส่วน คล้ายคลึงกันมากที่สุด แต่ศาสนาชินไม่ได้เป็น ศาสนาไม่ใหญ่พอจึงกลายเป็นลิทธิไป ทุก อย่างการถือเหมือนๆกันเพียงลิทธิชินนั้นสิ้นสุด แค่พรหมเท่านั้น ส่วนพุทธไปถึงนิพพานสูงไป อีกชั้นหนึ่ง ต่างก็หวังพ้นจากทุกข์ขจัดกิเลส ทั้งสิ้น ผมมาไตร่ตรองแยกแยะความเป็นไป ได้ของมนุษย์เห็นว่าศาสนาพุทธนี่แหละคือความ ถูกต้องอันแท้จริง นอกนั้นบ้างตึงไป บ้างอ่อน ไป มีแต่พุทธที่เดินสายกลาง ที่สำคัญคือไม่มี พระเจ้า มีแต่คำสั่งสอนแม้แต่องค์พระสัมมา สัมพุทธเจ้าเองก็ตรงตรัสว่าพระองค์หาใช่สิ่งที่ จะมายึดติดไม่แต่ให้ปฏิบัติทดทองดูธรรมที่ พระองค์ค้นพบว่าจริงหรือไม่จริงก่อนแล้วค่อย เชื่อ ข้อนี้แหละซึ่งผิดกับศาสนาลิทธิอื่นๆที่ชอบ มัวเมาให้คนมาเข้าศาสนาตนให้มากๆ ผมไตร่ตรองหาเหตุและผลจึงเชื่อมั่นว่า ศาสนาอันแท้จริงคือศาสนาพุทธเท่านั้นจึงมั่น คงต่อพุทธศาสนาในธรรมยิ่งนัก หากจะเห็น พระพุทธเจ้าต้องเห็นธรรม เมื่อเห็นธรรมคือ เห็นพระพุทธเจ้าครับ โอ้ยผมเอามะพร้าวมา ขายสวนหรือเปล่านะ ขอบคุณ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
20 มิถุนายน 2553 14:35 น. - comment id 1138543
คุณ เฌอมาลย์ สวัสดีครับเจ้าหญิง ผมนั้นมีความคิดว่าการ บวชในพุทธศาสนาถือได้ว่ามีบุญมากเคยผูกพัน กันมาในอดีตชาติแล้ว ฉนั้นการบวชในชีวิตครั้ง หนึ่งจะมีสองหรือไม่เป็นเรื่องอนาคตจะมีหรือไม่ก็ ไม่รู้ ผมเป็นคนมั่นคงมาตั้งแต่เยาว์วัยฝึกสมาธิ คนเดียวไม่มีครูอาจารย์ใดๆสั่งสอนทั้งสิ้น เขาพูด ว่าระวังนะสมาธิแตก ผมอ่านหนังสือเรื่องอาปาณสติ เขียนโดยใครจำไม่ได้แล้วครับ ว่าการเรียกว่า สมาธิแตกนั้นหมายถึงการที่อุปาทานของเรามัน หลอกเรา หากเราตามมันทันและให้คิดเสมอๆ ว่ามันคืออุปาทานหาจริงจังไม่ ให้รู้เท่าทันมัน บางครั้งจิตนำพาเราไปสู่สถานที่สวยงามอย่าไป ติดมันคืออุปาทานหลอกเราให้ใหลหลง บางครั้ง จิตตั้งมั่นด่ำลึกไปเห็นภูติผีปีศาจหน้ากลัวมา หลอนหลอก ตาถลนยืนมือมาหาเราก็มีแต่ผม คิดว่านั่นคืออุปาทานนั่นเอง ครั้นลืมตาดูพิสูจน์ ก็ไม่เห็นมีอะไร จึงรู้ซึ้งถึงคำว่าอุปาทานของเรา เมื่อเราเห็นเรารู้จงคิดเสมอๆว่านี่คืออุปาทานไว้ มันก็ไม่เกิดขึ้นมาอีกจวบจนจิตตั้งมั่นเป็นหนึ่ง เดียวเรียกว่า เอกคตารมณ์คล้ายๆกับอุเบกขา แต่ต่างกันมากครับ โอ้ยพร่ำมามากไปแล้วครับ ขอบคุณ รักเจ้าหญิงเสมอ แก้วประเสริฐ.
20 มิถุนายน 2553 14:44 น. - comment id 1138547
คุณ ม่านแก้ว สวัสดีจ้าน้องรักของพี่ นี่เป็นการเล่าเรื่อง ในอดีตชีวิตจริงของพี่เป็นกลอนไว้ เผื่ออาจจะเป็น ประโยชน์แก่คนที่ศรัทธาอย่างแท้จริง ชีวิตหนึ่ง หากได้บวชทั้งทีก็ต้องทำให้เต็มที่ตามธรรมวินัย จนพระบางองค์หาว่าผมบ้า ด้วยเป็นพระใหม่จะรู้ อะไรมาก อันที่จริงผมอ่านรู้มาก่อนบวชแล้วแต่ ไม่พูด ทั้งวัดมีผมคนเดียวที่นั่งสมาธิคนเดียวใน โบสถ์นั่งเป็นชั่วโมงถึงจะออกจากสมาธิ ด้วยเยาว์วัย เคยฝึกนั่งคนเดียวแต่มีคุณพ่อคอยควบคุมเมื่อ อายุได้สิบสามขวบครับ จึงเป็นเหตุผูกพันมา จนบัดนี้แหละ การสร้างผลบุญกุศลด้วยการ ภาวนาสมาธิถือเป็นบุญกุศลที่สุดกว่าการให้ทาน การสร้างวัด วิหาร โบสถ์และทานอะไรๆทั้งสิ้น หากจิตมั่นคงในสมาธิพิจารณาสังขารร่างกาย เราไปจะได้ผลานิสงฆ์มากที่สุด ช่วงจะออกจาก เจริญสมาธิให้แผ่กุศลไปด้วยจะเป็นผลานิสงฆ์ ที่แผ่มากที่สุดเคยกล่าวไว้ในพระไตรปิฏกไว้ ครับ รักน้องพี่เสมอ แก้วประเสริฐ.
20 มิถุนายน 2553 17:31 น. - comment id 1138584
ด้วยความเคารพเจ้าค่ะ
20 มิถุนายน 2553 20:03 น. - comment id 1138615
คุณ ยาแก้ปวด หลานรัก นี่คือเรื่องจริงๆในชีวิตลุง เขียนไว้ เพื่อเป็นที่รำลึกไว้เท่านั้นเองแหละจ้า รักหลานเรา เสมอๆ แก้วประเสริฐ.
20 มิถุนายน 2553 23:19 น. - comment id 1138670
หวัดดีค่ะครู นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นดีเหมือนกัน นะคะ...สงบ เงียบ แฝงไว้ด้วยสมาธิปัญญา น่าเลื่อมใสค่ะ
21 มิถุนายน 2553 07:30 น. - comment id 1138724
คุณ เที่ยนหยด เรื่องแบบนี้อยู่ที่การศรัทธา ก่อนการศรัทธา เราต้องพิสูจน์ให้แน่ใจก่อน เพื่อให้เกิดพละแก่ จิตใจเราจะได้มั่นคงไม่ว๊อกแว๊ก เมื่อจิตเราตั้งมั่น แล้วพร้อมมูลด้วยศรัทธา ย่อมก่อเกิดผลกุศลขึ้น อย่างง่าย การทำความดีนั้นยากกว่าการทำความชั่ว มากนัก เกิดมาชีวิตหนึ่งและเป็นสิ่งที่ยากนักที่จะ เกิดได้ง่ายๆนัก การบวชอุปมาดังขาเราข้างหนึ่ง ยืนอยู่บนปากเหวนรกอีกข้างหนึ่งยืนอยู่บนพื้น อันมั่นคง หากทำพลาดไปเราจะก้าวหล่นลง เหวนรกทันที ตามที่ครูรู้มาจากพระที่เชื่อถือ ได้ท่านได้ฌานสมาบัติเล่าให้ฟังว่า พระที่บวช นั้นส่วนใหญ่จะลงนรกหมกไหม้เสียเป็นส่วน มาก น้อยนักจะเอาตัวรอดไปได้เพราะความ ขี้เกียจเป็นต้น ไม่ปลงอาบัติ เก็บอาบัติน้อย ใหญ่ไว้ แทนที่จะปลดทุกข์กับสร้างทุกข์ด้วย เกิดความโลภเป็นเหตุ เห็นว่าคนเขานับถือ ก็เกิดการหลงหยิ่งวางตัวเหนือคนอื่น ทานที่ เขาบริจาคมาก็นำมาใช้เก็บไว้ จนบางองค์ มีเงินทองมากมาย ทั้งๆที่ส่วนทั้งหมดเป็น ของสงฆ์ทั้งสิ้น จะรับได้ตามบัญญัติมีนิดเดียว เพื่อใช้ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้น บางรูปตั้งต้นเป็นอาจารย์ไสย์เวทย์ ปลุกเสก เครื่องรางของขลังไม่แสดงธรรมให้เขาได้พ้น ทุกข์กับสร้างกิเลสให้แก่เขาอีก นี่คือตัวอย่าง เบื้องต้นจ๊ะ เหมือนทางโลกหากงานใดที่เรามี ศรัทธารักงานนั้นก็จะได้ดีไปไกล หากงานใด ที่เราไม่ชอบก็จะปล่อยวางเสีย ฉันท์ใดฉันท์ นั้นแหละ แต่ทางโลกนั้นแตกต่างจากการบวช มากนัก ข้อบัญญัติมากมาย เฉพาะส่วนใหญ่ แล้วก็ยังยาก ยังมี่ข้อปลีกย่อยอีกมากมายนัก แค่นี้ก่อนนะศิษย์รักรักเสมอ แก้วประเสริฐ.
21 มิถุนายน 2553 16:22 น. - comment id 1139059
สวัสดีค่ะ.....ครู แบ่งบุญให้แกง...บ้างนะคะ...
21 มิถุนายน 2553 19:31 น. - comment id 1139242
ขอบคุณค่ะพี่ชาย ม่านแก้ว จะลองนั่งสมาธิดูค่ะ
21 มิถุนายน 2553 19:35 น. - comment id 1139245
พี่คะ สุขสันต์วันเกิดค่ะ
21 มิถุนายน 2553 21:24 น. - comment id 1139302
คุณ แกงฯ ครูจะสวดมนต์ต่อหน้าพระและก่อนนอนจะ แผ่กุศลให้สรรพสัตว์เสมอๆจ๊ะ คงจะได้รับแหละ การทำบุญกุศลนั้นควรจะแผ่กุศลให้แก่ สรรพสัตว์ด้วย เราไม่ควรเก็บไว้คนเดียวการทำ บุญทุกๆครั้ง การสวดมนต์ถือเป็นบุญอย่างหนึ่งจ้า รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
21 มิถุนายน 2553 21:32 น. - comment id 1139309
คุณ ม่านแก้ว จ้าเป็นการสร้างบุญกุศลที่เยี่ยมที่สุดนะแต่ หากจิตใจเราไม่สบายใจกังวล ก็ควรนั่งปล่อยใจ ให้เฉยๆไม่ต้องภาวนา เรียกว่าสงบจิตสงบใจเรา จนกว่าความกังวลหายไปนั่นแหละ ถึงจะใช้คำ ภาวนาอันเป็นที่ให้จิตจับไว้ เมื่อได้ฌานโดยเรา สังเกตุง่ายๆคือว่า ลมหายใจละเอียดอ่อนมากจน เราไม่รู้สึกว่าเราหายใจแต่แท้จริงเราหายใจอยู่ นี่แหละเรียกว่าสมาธิ เมื่อปฏิบัติไปคำภาวนาจะ หายไปเองจิตจะรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวแล้วช่วง นี่สำคัญมาก หากจะเล่นฤทธิ์เดชก็เดินในแนว ทางกสินไปโดยการเพ่ง หากจะไปทางวิปัสสนา ก็ให้พิจารณาร่างกายเราเป็นมูลเหตุว่าเป็นสิ่ง ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง จ๊ะ จะกล่าวก็อีกมาก มายนัก รักศิษย์เสมอ แก้วประเสริฐ.
21 มิถุนายน 2553 21:35 น. - comment id 1139311
คุณ ม่านแก้ว ขอบใจน้องรักพี่มาก ใช่จ้าวันนี้เป็นวันคล้าย วันเกิดของพี่เองแหละ พี่เกิดวันที่ 21 มิถุนายน นี่เองแหละจ้า ขอให้น้องพี่จงประสพแต่ความสุข ความเจริญก้าวหน้า เป็นมหาเศรษฐีในอนาคต นะจ๊ะ รักน้องเสมอ แก้วประเสริฐ.
22 มิถุนายน 2553 05:49 น. - comment id 1139395
สาธุ น้องมาอนุโมทนาบุญด้วยค่ะพี่
22 มิถุนายน 2553 13:01 น. - comment id 1139482
คุณ นรสิริ ตามคำบอกกล่าวเล่าขานมาว่าหรืออาจจะ มีในชาดกพี่เองก็ไม่แน่ใจว่า หากพบบุคคลใดๆ ที่เพียบพร้อมด้วยจิตศรัทธา ปฏิบัติด้วย กาย วาจาและใจแล้วไซร้ เราพบเห็นเพียงแค่คำกล่าว ว่า " สาธุ อนุโมทามิ " เท่านั้นเราก็มีส่วนได้รับ ผลานิสงฆ์ของกุศลนั้นๆร่วมกับเขาด้วยจ๊ะ แม้ว่า เรื่องที่เขียนเล่ามานี้จะเนิ่นนานมาแล้วสมัยอายุ ผมย่างเข้ายี่สิบเอ็ดปีก็ตาม แต่ความรำลึกนึกถึง ได้ ตอนนั้นพี่เองรับราชการอยู่ คนเรานะ ถึงเวลาจะได้บวช ทำให้จิตใจเร่าร้อนกระวน กระวายใจอยากจะบวชขึ้นมาไม่อาจจะห้ามใจ เราได้ จึงขอบวชและก็ได้รับตามความประสงค์ จึงตั้งจิตมั่นไว้ว่า เราอาจจะได้บวชเพียงครั้ง เดียวคงจะไม่มีครั้งที่สองอีกแล้ว จึงเปี่ยมด้วย ศรัทธามากมายว่าเพียงแค่สี่เดือนเท่านั้นของ ชีวิตเราทั้งหมดจะทำความดีให้ถูกต้องตามธรรม พระวินัยไม่ได้เชียวหรือ คิดก่อนบวชจึงอธิษฐาน จิตไว้ และก็เป็นแรงศรัทธาเกิดความตั้งมั่น จนกระทั่งรับกฐินและได้ฤกษ์สึกออกมา แม้น จะขอลาสึกเจ้าอาวาสท่านยังขอให้ผมอยู่ต่ออีก แต่ผมอ้างว่าเป็นข้าราชการครบกำหนดแล้ว ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้แม้ใจยังคิดจะอยู่ต่อ อีก ขอผลานิสงฆ์นี้จงมีแด่น้องพี่ด้วยนะ แต่ เมื่อสึกมาแล้วพี่ก็ยึดมั่นอยู่ไม่เคยเลยสักวันที่ จะทิ้งคำภาวนาตั้งจิตไว้เพื่อความไม่ประมาทว่า เราจะได้ตื่นมาอีกหรือไม่ จึงตั้งมั่นไว้เสมอแม้ ขณะที่นอนก็จะนอนภาวนาจนกระทั้งหลับไป จ๊ะ เรื่องนี้ก็ต้องแล้วแต่ความเชื่อถือหรือไม่ เป็นเฉพาะรูปธรรมเท่านั้น รักน้องเสมอ แก้วประเสริฐ.
23 มิถุนายน 2553 21:37 น. - comment id 1140033
21 มิ.ย.ธรรมรักษาท่านนะคะ ........คนต่างหากมังคะที่วิบัติ...... สิ่งที่ท่านกล่าวมีให้เห็นบ่อยๆ....
24 มิถุนายน 2553 15:31 น. - comment id 1140670
คุณ ทางแสงดาว ถูกต้องแล้วจ๊ะคุญหญิงคนสวย ธรรมไม่ วิบัติแต่คนที่เอาผ้าเหลืองมาใส่นั้นวิบัติไม่ อยู่ในธรรม ยิ่งแก่พรรษามากย่อมหลีกเลี่ยง มากเท่าที่ผมเห็นมานะครับ นี่กล่าวเฉพาะ คนที่ไม่อยู่ในธรรมนะครับ ขอบคุณคุณหญิงรัก เสมอ แก้วประเสริฐ.