วันนี้ฝนตก เราเดินไปตามถนน เสื้อผ้าที่ใส่ชื้นไปครึ่งตัวแล้ว วันที่มองขึ้นไปเห็นฟ้าหม่นสี มีหยดน้ำร่วงพรายไม่ขาดสายอย่างนี้ เรารู้สึกเหมือนไร้จุดหมายปลายทาง อยากจะเดินไปเรื่อยๆท่ามกลางสายฝน เม็ดฝนเหมือนหยาดน้ำตา เหมือนว่าใครคนหนึ่งกำลังร้องไห้อยู่เงียบงัน ..อยากจะซึมซับความเศร้านั้นเอาไว้.. ..อยากจะอยู่เป็นเพื่อนคนคนนั้น.. เราเดินมาจนถึงบ้านแล้ว ต้นไม้ที่ปลูกไว้ดูชุ่มฉ่ำเหมือนยินดีกับสายฝน เราสะบัดร่มแล้วกางตากไว้ใต้ชายคา ก่อนจะเดินเข้าบ้าน ในบ้านอบอุ่น อวลด้วยกลิ่นอายแห่งความรัก ไม้กระดานนิ่มเท้า กลิ่นข้าวที่กำลังหุงอบอวล มีข้าวของกระจุกกระจิกวางไว้ทุกมุม ทำให้รู้สึกว่าที่นี่มีชีวิต เราเดินไปเกาะขอบหน้าต่าง มองฟ้าสีหม่นและสายฝนพราวพราย ..อยากจะขอ..ให้คนคนนั้นไม่อ้างว้าง.. หากแบ่งปันความอบอุ่นในบ้านนี้ให้ได้บ้างก็คงดี... ได้เวลากินข้าวแล้ว เรานั่งมองหม้อข้าวที่ควันขึ้นขาวและมีหยดน้ำเกาะพราวเมื่อเปิดออก มองกับข้าวบนโต๊ะ ..ดีใจ.. ที่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้.. แต่ก็อดห่วงสายฝนข้างนอกนั่นไม่ได้.. ..หวังว่าคนนั้นจะไม่เดียวดาย.. หวังว่าคงไม่ต้องกินข้าวคนเดียวทุกวัน.. ดึกแล้ว เมื่อเราตื่นขึ้นมาฝนก็ยังไม่หยุดตก เราเดินไปเกาะขอบหน้าต่าง มองดูน้ำที่ร่วงหล่นลงไม่ขาดสายอยู่ในความมืด ..เวลานี้.. ..อยากจะปลอบคนคนนั้นเหลือเกิน.. ..เป็นอะไรหรือเปล่า..ร้องไห้ไม่หยุดเลย.. ..ไม่เป็นไรนะ.. ไม่เป็นไร.. เดี๋ยวฝนก็จะต้องหยุดตก.. ดวงอาทิตย์จะโผล่พ้นมาจากหลังก้อนเมฆ.. ..เดี๋ยวเรื่องต่างๆก็จะผ่านไปเอง.. ไม่เป็นไรนะ.. ไม่เป็นไร.. เมื่อเราตื่นขึ้นอีกครั้งข้างนอกก็สว่างแล้ว ท้องฟ้าสีสดใสกระจ่าง ฝนหยุดตกแล้ว เรายืนอยู่ตรงขอบหน้าต่าง สัมผัสสายลมที่โชยมาแผ่วเบา ..ไม่เสียใจแล้วสินะ.. ..ดีจัง..
31 สิงหาคม 2552 21:21 น. - comment id 1034076
"ฝนเอยทำไมจึงตก ทำไมจะไม่ตกก็กบมันร้อง กบเอยทำไมจึงร้อง ทำไมจะไม่ร้องก็ท้องมันปวด ท้องเอยทำไมจึงปวด ทำไมจะไม่ปวดก็ข้าวมันดิบ ข้าวเอยทำไมจึงดิบ ทำไมจะไม่ดิบก็ฟืนมันเปียก ฟืนเอยทำไมจึงเปียก ทำไมจะไม่เปียกก็ฝนมันตก" ฝนเอยทำไมไม่ตก ? กบเอยทำไมจึงไม่ร้อง? ท้องเอยทำไมจึงไม่ปวด? ข้าวเอยทำไมจึงไม่ดิบ? ฟืนเอยทำไมจึงไม่เปียก? พระอาทิตย์ขึ้นหลังก้อนเมฆ สายลมโชยแผ่วเบา กลิ่นข้าวหอมกรุ่น กบทอดกรอบอยู่ในจานสีสดใส เธอยังอยู่ที่ขอบหน้าต่าง