ฤา สิ้นรักร้างเล่ห์สิเน่หา ผิมายาหัวใจเพียงใฝ่ฝัน จวบพ้นเดือนเชือนเฉยเคยสัมพันธ์ แท้นิรันดร์ร้างไร้หวังได้ครอง ฤา บุพเพพ่ายบุญมาหนุนเกื้อ จึงคงเหลือเศษซ้ำฟ้าร่ำร้อง ตกสวรรค์วันลาน้ำตานอง เมฆไหลล่องลดต่ำกระหน่ำใจ ฤา ทางรักหักกลบพบทางร้าง ผิแผ้วถางวิถีวิธีไหน ถึงป่าเขาเหล่าพนาแม้นว่าไพร มีดพร้าใหญ่แผ้วถางพบทางเดิน ฤา ทางใจไร้เส้นจึงเว้นว่าง ทุกก้าวย่างเหยียบไปใจสะเทิ้น ไร้ชีวิตทิศทางระหว่างเดิน น่ากลัวเกินสิ่งสรรค์มาบรรยาย ฤา สิ้นไร้สิเน่หาด้วยอาภัพ ฟ้าประดับดวงดาวพราวสยาย เราเอกาเดี่ยวโดดเหมือนโทษตาย ขังแม้กายใจสลายมิคลายตรม ฤา เวลาวารีไร้ที่กลับ ไปลาลับล่วงลอยอกพลอยขม เหม่อธาราฟ้ากว้างเคว้งคว้างคม นึกนิยมธรรมชาติมาวาดวอน ฤา ฤทัยนารีไร้ที่กลับ ผิไปลับลิบหรี่โศกีถอน อกสะอื้นกลื่นกล้ำพร่ำเพลงวอน มิคลายคลอนฤทธิ์เพ้อละเมอรัก ฤา ชะตาฟ้ากำหนดมีบทสร้าง แต่ละอย่างยิ่งยวดปวดใจหนัก ถึงหนาวลมห่มดินมิสินรัก แอบหวังภักดิ์คู่ครองคู่ทองธรรม
30 กรกฎาคม 2552 07:49 น. - comment id 1020926
เจิมก่อน ที่ 1
30 กรกฎาคม 2552 09:16 น. - comment id 1020946
เขียนกลอนเศร้าก็เศร้าจริงๆนะ ความรัก ความหวัง อาลัย อาวรณ์ เศร้าจริงๆ กวีน้อย ก็ใช่ว่าจะน้อยความสามารถนะเนี่ย
30 กรกฎาคม 2552 09:27 น. - comment id 1020952
เปลี่ยนจากบทบู้ในยุทธภพมาเป็นกลอนเศร้าได้เยี่ยมคับ
30 กรกฎาคม 2552 10:05 น. - comment id 1020974
กลอนบทนี้งามมากครับ แต่ถ้าแก้ไขสองจุดนี้ ก็จะไม่มีที่ติ (ตามประสาอาจารย์ ต้องหาที่ติ จนได้ ละนา 555) 1. ฤา สิ้นไร้สิเน่หาด้วยอาภัพ ฟ้าประดับหมู่ดาวแสงพราวพราย เราเอกาเดี่ยวโดดเหมือนโทษตาย ขังแม้กายใจสลายมิคลายตรม วรรค รับ ควรลงด้วยเสียงสูง มักลงด้วยเสียงจัตวา ไม่ควรลงด้วยเสียงสามัญ เช่น ฟ้าประดับหมู่ดาวพราวแสงสาย เป็นต้น 2. อีกจุดหนึ่งคือ วรรค ส่ง ควรลงด้วยเสียสามัญ จึงจะไพเราะ ฤา เวลาวารีไร้ที่กลับ ไปลาลับล่วงลอยอกพลอยขม เหม่อธาราฟ้ากว้างเคว้งคว้างคม นึกนิยมธรรมชาติมาวาดสอน ............. นึกนิยมธรรมชาติมาวาดสอน ถ้าเป็นเสียงสามัญ ก็จะเป็น นึกนิยมธรรมชาติมาวาดวอน เป็นต้น ลองพิจาณาดูนะครับ แต่กลอนโดยรวม ถือว่าเยี่ยมมาก พัฒนาดีขึ้นแยะ แล้ว ด้วยมิตรไมตรี ของคนเป้นครู ครับ
30 กรกฎาคม 2552 10:09 น. - comment id 1020977
สวัสดีค่ะ ทุกสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลง เหมือนกันกับที่คนทุกคน มีความรู้สึกค่ะ เข้าใจและเข้มแข็งกับสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ
30 กรกฎาคม 2552 11:24 น. - comment id 1021019
หรือชะตา ฟ้าขีด กรีดกำหนด วจีพจน์ ปลดริ สิเน่หา ใจร้าวรัก หักตรม ขมอุรา ยังไขว่คว้า พาใจ ให้คร่ำครวญ อิอิ...วันนี้น้องชาย เศร้าหรือคะ เก่งวันเก่งคืนนะคะ
30 กรกฎาคม 2552 12:15 น. - comment id 1021052
กลอนไพเราะมากๆค่ะ กวีน้อย
30 กรกฎาคม 2552 12:39 น. - comment id 1021072
อันนารีมีมากมายในโลกหล้า ในไม่ช้าคงได้พบสบดังหวัง ชีวิตนี้ใช่ไร้รักอยู่จีรัง ลืมความหลังตั้งต้นใหม่ในรักเอย
30 กรกฎาคม 2552 13:31 น. - comment id 1021080
ฤาสิ้นทีสิ้นท่าในครานี้ ฤาฤดีปี้ป่นบนความหวัง ฤาเพราะกรรมลิขิตคอยปิดบัง ฤารักยังซ่อนจิตผิดเวลา ใจเย็นๆ ก่อนครับ เดี๋ยวรักก็มา
30 กรกฎาคม 2552 15:08 น. - comment id 1021134
คงยังไม่สิ้นง่ายๆหรอกค่ะคุณน้อง ไปบวชๆพรรษาหน้าเลย อิอิ
30 กรกฎาคม 2552 16:06 น. - comment id 1021171
สวัสดีกวีน้อยฯ ตราบใดที่เรายังมีหวัง เราจะไม่สิ้นหวังเนาะว่าใหม
30 กรกฎาคม 2552 17:36 น. - comment id 1021226
แวะมาเป็นกำลังใจให้น้องชาย แต่งกลอนเก่ง เพราะ นะคะ
30 กรกฎาคม 2552 17:43 น. - comment id 1021230
ไฟเสน่หามาคลุกคลีมิขาดช่วง เข้าทะลวงจุดตายให้ชายหวั่น กว่าจะคลายจุดได้ก็หลายวัน ร้ายกว่านั้นคือจุมพิต..อาบพิษเอย..อิอิ ...ตามมาแถมเรื่องยุทธจักรอีกหน่อยหนึ่ง..อิอิ..แต่ว่าแต่งได้คมคายจริง ๆ
30 กรกฎาคม 2552 17:58 น. - comment id 1021242
ฤา.เจ้าจะเข้าใจจริงๆ..อิอิ สวัสดีค่ะ..กลอนเพราะคะ
30 กรกฎาคม 2552 19:41 น. - comment id 1021299
ขอบคุณครับ คุณพลอย กะ เฌอ งั้นก็อย่าลืม รดน้ำมนตร์ด้วยนะ
30 กรกฎาคม 2552 19:48 น. - comment id 1021308
ขอบคุณครับ คุณป้า กันนาเทวี ที่เคารพ ก็ลองๆแต่งกลอนเศร้า น่ะครับ งั้นจะไม่เศร้า อิอิ ขอบคุณครับ กับการชมเรื่องแต่งกลอน ก็เพราะได้อาจารย์ดี (คุณน้า คนกุลา) เป็นผู้ชี้แนะมาตลอด ก็ต้องพัฒนาขึ้นนิดนึง ล่ะครับ เดี๋ยวจะเสียชื่ออาจารย์ หาว่ามีศิษย์กะเขาคนเดียว ไม่ได้เรื่องเลย อิอิ
30 กรกฎาคม 2552 19:56 น. - comment id 1021313
ขอบคุณครับ พี่วิทย์ สิริ พยายามทำให้เศร้าๆ บ้างน่ะครับ เห็นแต่งกลอนเศร้ากันเยอะ
30 กรกฎาคม 2552 20:08 น. - comment id 1021320
ขอขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ คุณน้าคนกุลา มากๆ ครับ หลายอย่างที่ผมพัฒนามาได้ ก็เพราะการได้รับการติติง วิพากษ์วิจารณ์ การออกเสียงให้ถูกต้อง ซึ่งผมไม่เอาไหนเลยครับ เรื่อง การออกเสียง อาจเป็นเพราะผมยังไม่ได้ศึกษาจริงจังมากกว่านี้ ว่าการส่งเสียงอย่างไรจึงจะถูกต้อง ก็พยายามอ่านงาน ท่านอาจารย์บ่อยๆ น่ะครับ และพยายามแต่งแล้วไม่ให้เสียชื่อท่านอาจารย์มากเกินไป แต่เรื่องเสียง คงต้องให้ท่านอาจารย์ ติติง ได้ตลอดล่ะครับ เพราะผมค่อนข้าง จะทึบมากในจุดๆนี้ ถ้าท่านอาจารย์ไม่ติเลย เดี๋ยวจะหาว่า อาจารย์ลืมลูกศิษย์ อิอิ และทุกคำชี้แนะ ผมขอไปปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้ (หวังว่า) เรื่อง วรรครับ วรรคส่ง ผมไม่ได้เข้าใจจริงๆหรอกครับ ถ้าเสียงสูง ผมก็เน้น ไม้โท ไม้ไต่คู้ เป็นส่วนใหญ่ ถ้าเสียงต่ำ ก็คือ แบบไม่เห็นเสียงเลย ผมทำได้แค่นี้แหละครับ อิอิ เคารพรัก คุณน้าคนกุลา อาจารย์ที่แสนใจดี ต่อผมเสมอ
30 กรกฎาคม 2552 20:13 น. - comment id 1021321
ขอบคุณมากครับ คุณกบ จริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ แค่ลองแต่งกลอนแนวเศร้าๆ แบบว่า เพ้อฝัน อะไรทำนองนี้ แต่ข้อคิดของคุณนั้น ผมขอรับไว้ด้วยใจครับ เข้าใจและเข้มเข็งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตรงนี้ เป็นข้อคิดที่ให้กำลังใจอย่างดีมากเลยนะครับ
30 กรกฎาคม 2552 20:20 น. - comment id 1021322
ขอบคุณครับ พี่ปรางทิพย์ คนสวย หรือชะตา ฟ้าขีด กรีดกำหนด วจีพจน์ ปลดริ สิเน่หา ใจร้าวรัก หักตรม ขมอุรา ยังไขว่คว้า พาใจ ให้คร่ำครวญ เป็นชะตาของตนจำทนเศร้า เรื่องรักร้าวรอยตรมอารมณ์ล้วน เป็นรอยแยกย่อยร้าวคราวทบทวน แสนคร่ำครวญคร่ำร้องเมื่อน้องลา... ขอบคุณกับคำชมนะครับ
30 กรกฎาคม 2552 20:24 น. - comment id 1021325
ขอบคุณครับ คุณเทียนหยด ที่เข้ามาชมผลงาน พร้อมกับคำชม กลอนนี้ ผมก็ยังถือว่า ไม่ดีเท่าที่ควร แต่อยากลองแต่งกลอนแนวนี้น่ะครับ ผมว่า กลอนเศร้ากลอนรัก อารมณ์ไหลรื่นกว่ากลอนทั่วไป มักเป็นอารมณ์สุนทรีย์ของคนเราทั่วไป กลอนนี้ ไม่ใช่กลอนระบายอารมณ์หรอกนะครับ แค่ลองฝึกหัด เห็นหลายๆท่าน แต่งกลอนเศร้า อารมณ์พาไปครับ อิอิ
30 กรกฎาคม 2552 20:33 น. - comment id 1021330
ขอบคุณครับ คุณ sincere อันนารีมีมากมายในโลกหล้า ในไม่ช้าคงได้พบสบดังหวัง ชีวิตนี้ใช่ไร้รักอยู่จีรัง ลืมความหลังตั้งต้นใหม่ในรักเอย ถึงนารีมีล้นสากลหล้า แต่ทว่าหัวใจไม่ใคร่เอ่ย หากจะมีหญิงใดได้ชิดเชย ขอเป็นคนคุ้นเคยที่เปรยมา
30 กรกฎาคม 2552 20:40 น. - comment id 1021335
"""" "" เข็ดขยาดขนาดนั้นเชี่ยวนั่นหรือ ลองยื่นมือยื้อคว้ามาได้ไหม อันความรักมักออกจากซอกใจ จะหนีใครไม่ว่าอย่าหนีใจ ..เอาใจช่วยนะครับ พยายามเข้า
30 กรกฎาคม 2552 21:08 น. - comment id 1021361
ขอบคุณครับ คุณ เอื้องคำ ฤาสิ้นทีสิ้นท่าในครานี้ ฤาฤดีปี้ป่นบนความหวัง ฤาเพราะกรรมลิขิตคอยปิดบัง ฤารักยังซ่อนจิตผิดเวลา ฤาว่ารักร้างลาน้ำตาตก ฤาว่าอกหวั่นไหวคล้ายคนบ้า ฤาว่ากรรมนำหนุนขาดทุนมา ฤาเพราะว่ารักซ่อนสะท้อนทรวง..
30 กรกฎาคม 2552 21:10 น. - comment id 1021362
ขอบคุณครับ พี่เพียงพลิ้ว ประเภทรักกันจริง-จริ๊งจริงเลยเชียว แนะนำให้ไปบวชชีเพื่อหนีซ้ำ ฮืออ อยากจะร้องไห้ นึกว่า จะหาสาวให้ก็ไม่มี อิอิ
30 กรกฎาคม 2552 21:11 น. - comment id 1021365
ขอบคุณครับ คุณลุงเอง ถ้ายังมีหวังก็ดีสิครับ แต่กลัวจะหมดหวังนี่สิ คราวนี้จะทำไงดีล่ะครับ
30 กรกฎาคม 2552 21:14 น. - comment id 1021368
หากกำสรดโศกเศร้า ซ่อนกาย เพียงทดท้อหมดหมาย มอดสิ้น จงผ่อนเถิดหาวาย วางหมด เกลี้ยงเฮย ยังซ่อนหวังมากชิ้น จักชี้ชวนชม ..แวะมาเยี่ยมครับ
30 กรกฎาคม 2552 21:25 น. - comment id 1021380
=โลกฤาสิ้นฤดูกาลเปลี่ยนผัน เปลี่ยนคืนวันดวงจิตชิดสมร ฤ เดือนค้อยลอยต่ำล่ะศศิธร จึ่งจำจรพรากพาลาจากกัน วาสนาพานพบบรรจบเจอ เจ้าจึ่งเพ้อใฝ่หานภาขวัญ เฝ้าคร่ำครวญนวลนางกลางฟ้ากั้น จมจ่อมใจใฝ่ผันวันจากลา เพราะวิบากฟากฝันคนละฝั่ง บุพเพพลั้งพลาดผิดจิตผวา แรกได้พบซบซึ้งซื่งแววตา บุพเพพาผิดทางจึ่งร้างไกล หากคู่ใจไหนเลยจะลาร้าง พรหมนำวางเคียงขอนคอนไสว เพราะผิดพลาดบุพเพจึ่งเห่ไป ให้สองใจจำแยกแตกเส้นทาง โอ้ ละหนอพ้อไยในใจเจ้า อย่าพะเนาเฝ้าครวญหวลหมองหม่าง วางชีวิตพิศชมพรหมสอางค์ ในระหว่างแสงสายพรายอุษา สวัสดีค่ะ คุณ สำรวย วายร้าย อิ อิ อิ มีแต่ความสุขสดชื่นหรรษาค่ะ
30 กรกฎาคม 2552 21:59 น. - comment id 1021400
ขอบคุณครับ คุณพี่อนงค์นาง คนน้ำใจงาม อุส่าห์มาชมว่าแต่งเก่ง จริงๆ ก็ยังมั่วๆ อยู่เลยครับ 3-4 บทสุดท้าย เริ่มมั่วแล้ว อิอิ ขอบคุณครับ ที่มาให้กำลังใจ
30 กรกฎาคม 2552 22:06 น. - comment id 1021402
ขอบคุณครับ พี่ ลมแปร์ / จะเด็ดเจ็ดน้ำย่าน ไฟเสน่หามาคลุกคลีมิขาดช่วง เข้าทะลวงจุดตายให้ชายหวั่น กว่าจะคลายจุดได้ก็หลายวัน ร้ายกว่านั้นคือจุมพิต..อาบพิษเอย..อิอิ ช่างเป็นพิษฤทธิ์ร้ายทำลายขวัญ หนุ่มหนุ่มพรั่นหวั่นเกรงบรรเลงเสย จุมพิตสนิทสนมนิยมเชย แท้จริงเหวยทะลวงไส้ตั้งหลายคืน (เพ้อ ไปหลายคืน) อ่านแล้วขำ สะระอิ้งกลิ้ง เลยครับ จุมพิต...อาบพิษเอย อิอิ
30 กรกฎาคม 2552 22:09 น. - comment id 1021405
ขอบคุณครับ คุณ พิม-พิม ตกลงพิมไหนกันแน่น๊า กลอนเพราะ....เพราะอะไรจึงแต่งหรือเปล่า ยังไม่รู้จริงเปล่าครับ แต่น้ำตา มันไหล น่ะสิ
30 กรกฎาคม 2552 22:18 น. - comment id 1021416
ขอบคุณครับ คุณครูกระดาษทราย ที่ว่าหวาน นั่นหมายถึง กุหลาบหรือเปล่าครับ ผมว่า กุหลาบของคุณครู หวานแหว๋ว กว่านะครับ อิอิ เผื่อว่า คุณครูกระดาษทราย จะสวยกว่ารูปนี้ ครับ อิอิ (เห็นแล้วแต่แซวเล่น)
30 กรกฎาคม 2552 22:30 น. - comment id 1021422
ขอบคุณครับ คุณน้าฝากฝัน เข็ดขยาดขนาดนั้นเชี่ยวนั่นหรือ ลองยื่นมือยื้อคว้ามาได้ไหม อันความรักมักออกจากซอกใจ จะหนีใครไม่ว่าอย่าหนีใจ ไม่คิดหนีหัวใจที่ใฝ่ฝัน ทุกคืนวันกลับตรมระทมไห้ ยื่นมือคว้ามาแอบแนบหว่างใจ ก็เกินใฝ่ดึงรั้งดั่งที่รอ ขอบคุณนะครับ ที่แวะมาให้กำลังใจ...
31 กรกฎาคม 2552 08:38 น. - comment id 1021479
ขอบคุณครับ คุณกิ่งโศก หากกำสรดโศกเศร้า ซ่อนกาย เพียงทดท้อหมดหมาย มอดสิ้น จงผ่อนเถิดหาวาย วางหมด เกลี้ยงเฮย ยังซ่อนหวังมากชิ้น จักชี้ชวนชม เมื่อโศกกำสรด ร่ำร้อง หนาวล่มห่มกายต้อง หนาวหนาว ยังรักสมสนอง เจตนา รักกลับพารวดร้าว แดดิ้น ดวงมาลย์ คือผมไม่ถนัด ประเภท กาพย์ หรือ โคลงเลยนะครับ เรียกง่ายว่า ไม่เคยเต่ง อิอิ
31 กรกฎาคม 2552 08:54 น. - comment id 1021488
คุณดอกบัว พ้นน้ำ กลอนคุณดอกบัว นี่ผมตอบยากมากจริงๆ ครับ ขนาดไม่เอาธรรมะมาแทรกมาก ยังขนาดนี้ โอ้ ละหนอพ้อไยในใจเจ้า อย่าพะเนาเฝ้าครวญหวลหมองหม่าง วางชีวิตพิศชมพรหมสอางค์ ในระหว่างแสงสายพรายอุษา ................................... ใครเล่าใครในหล้าจะมารู้ โฉมพธูยอดพะนอเคลียคลอหนา เลิกล้มรักภักดิ์พลีเคยมีมา โอ้น้ำตาจึงไหลอาลัยนาง อยากจะหยุดน้ำตาเวลาเศร้า แต่กลับเหงายิ่งเหงาเฝ้าถากถาง นึกไม่ถึงซึ้งจนหมดหนทาง จะก้าวย่างอย่างไรไปไม่เป็น อเนถอนาถประหลาดนัก รักแสนรักหนักใจใครไม่เห็น นอกจากเราเฝ้าฝันตะวันเย็น อุษาเห็นแดดกล้ายิ่งอาลัย หนาวว่าหนาวสุดหนาวก็คราวนี้ หนาวกว่าที่ว่าหนาวกว่าคราวไหน หนาวกายเหน็บเจ็บล้าผ้าสไบ พอผ่อนให้หนาวลดระทดกาย แต่ว่าหนาวในจิตเกิดพิษรัก ฤทธิ์ร้ายนักแก้ไปมิใคร่หาย เอาผ้าห่มแสนหนามาห่มกาย กลับหนาวร้ายเกินแก้เกิดแผลใจ ขอบคุณมากครับ คุณดอกบัว เจ้า สำรวย ก็พอล่ะมั้งครับ วายร้าย โหดไปนะผมว่า อิอิ
31 กรกฎาคม 2552 08:58 น. - comment id 1021490
คุณครูกระดาษทรายครับ ภาพไม่ขึ้น มอบให้ใหม่นะครับ
31 กรกฎาคม 2552 12:57 น. - comment id 1021629
เยี่ยมแล้วครับ กวีน้อยฯ เรื่องอาจารย์ นั้นหากเราศรัทธานับถือใครก็ ควรนับถือแล้ว นับถือเลย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องยึดติด อยู่กับคนใดคนหนึ่งเหมือนในชีวิต เรามีครู อาจารย์ได้หลายๆคน โดยที่ยังระลึกถึงครูคนแรกๆของ เราอยู่เสมอ ไม่ควรปิดกั้น ตนเอง นะครับ แต่การที่กวีน้อยฯเปิดโอกาสให้ตัวเอง โดย ยอมการยอมรับคำวิจารณ์ จากผม โดยนำไปพิจารณาปรับปรุงนั้นแหละจะทำให้ ตัวกวีน้อยฯสามารถพัฒนางานและตัวตนไปโดยไร้ ขอบเขตุใดๆจะมาจำกัด นั้นคือการเรียนรู้ สัมพันธ์ของความเป็นอาจารย์และศิษย์ ที่หากเราเข้าใจแล้วเราสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิต ได้อย่างไม่สุดสิ้น หาใช่เพียงการเรียกขานกันตามพิธีกรรม พิธีการเพียง แค่คำพูด เท่านั้น ด้วยมิตร ไมตรี ครับ
1 สิงหาคม 2552 15:42 น. - comment id 1021983
- ฤา สิ้นไร้สิเน่หา คือแบบว่า.....ยังไม่สิ้นไร้สิเน่หา