*** ความฝังแห่งจำ *** พินิจมองบ้านน้อยดุจลอยฟ้า เหมือนดังว่าหัวใจใยสิ้นสลาย เม็ดหยดหยาดเหงื่อหลั่งท้วมเรือนกาย สองสร้างไว้หนีพรากฝากอาวรณ์ น้ำตารินหลั่งไหลทาบในทรวง พลันสู่ล่วงหม่นไหม้ให้หลอกหลอน ความอบอุ่นแนบไว้ใยขาดตอน แสนสะท้อนคิดหวังระหว่างใจ ความท้อแท้หันเหต้องเซพราก ยามวิบากเบื้องหน้าพาไปไหน สุดบั่นทอนสิ่งรักต้องจากไกล สะอื้นในป่วนช้ำย้ำเหลือเกิน สิ่งปลาบปลื้มเฝ้ามองสองตาสถิต กลับมาปลิดล่วงลับกลับห่างเหิน เหลือแต่สิ่งทรงจำกลืนกล้ำเพลิน ต้องมาเมินจากไปไกลทั้งปวง คงเหลือเพียงสิ่งจำย้ำฝังจิต มองยิ่งคิดแสนเศร้าเคยเฝ้าหวง เดินรอบเขตเคยสร้างหวังตักตวง ต้องเลยล่วงฝากไว้เพียงปลายตา จำต้องพรากจากแล้วเพื่อลูกรัก ที่ฟูมฟักยังเยาว์เฝ้าห่วงหา ช่วยเปลื้องปลดหนี้สินสิ้นจินดา มิปรารถนาต้องทำด้วยจำใจ แม้นเสน่หาอาลัยในสิ่งนี้ ขอยอมพลีลบล้างวางสิ่งใส ย้อนถึงวันเคยชื่นระรื่นหทัย หวังภายในฝากผีสุดปรีดิ์เปรม เหลือแต่ตัวคู่ทุกข์บุกเร่ร่อน เที่ยวตะรอนค่ำไหนไม่สุขเกษม ขอแค่ซุกหัวนอนอ่อนเพลียเอม คอยเละเล็มอาหารผ่านทิ้งวาง จะขอทานเขากินจินต์มิกล้า เปรียบดั่งว่าสิ้นคิดใจจิตขวาง หันหาลูกที่รักกลับเลือนราง เขาหนีห่างหลีกเร้นเผ่นลับจร ทุกสิ้นปีหันหวนชวนกันกลับ สองตาจับบ้านน้อยใจทอดถอน นึกถึงวันแสนสุขสนุกอาวรณ์ แสนสะท้อนจนพรั่งหลั่งน้ำตา. *** แก้วประเสริฐ. ***
30 มิถุนายน 2552 15:41 น. - comment id 1008104
สวัสดีค่ะครูแก้ว เศร้าจังค่ะ
30 มิถุนายน 2552 15:42 น. - comment id 1008105
ท่านสร้างสมสิ่งต่าง ๆ ไว้ให้ หากว่าท่านได้กลับมาเห็นคงจะสุขใจไม่น้อยครับ
30 มิถุนายน 2552 16:14 น. - comment id 1008124
คนรุ่นที่แล้วทำเพื่อคนรุ่นนี้ แล้วคนรุ่นนี้ จะทำเพื่อ คนรุ่นต่อไปได้สักแค่ไหน มาเยี่ยมเยียนครับ ดูแลสุขภาพด้วยครับ
30 มิถุนายน 2552 16:56 น. - comment id 1008140
จากรุ่นสู่รุ่นนะคะ หากเราทำไม่ดีไว้อนาคตเราก็คงจะดีไปไม่ได้
30 มิถุนายน 2552 17:12 น. - comment id 1008151
ลูกหลานก็เหลือเกินนะครับ แทนที่จะนึกถึงพ่อแม่ซะบ้าง น่าเห็นใจครับ
30 มิถุนายน 2552 17:48 น. - comment id 1008165
น่าเห็นใจมากคับ
30 มิถุนายน 2552 17:53 น. - comment id 1008169
สวัสดีครับอาจารย์ ลุงแทนความทรงจำมากมายจนไม่รู้จะจำเรื่องใดดี เพราะมีทั้งดีและไม่ดีมีพอกันเลย สบายดีนะครับอาจารย์ รักษาสุขภาพด้วย ๑๑-๑๒ ก.ค. พบกันครับ
30 มิถุนายน 2552 18:40 น. - comment id 1008211
แวะมาอ่านกลอนเสร้าค่ะ...
30 มิถุนายน 2552 19:27 น. - comment id 1008244
ลุงแก้ว .. :) ปีที่แล้วอัลมิตราได้จิบไวน์และแบ่งให้เพื่อน ๆ บ้าง แต่แม่มดใจร้ายไม่ได้จิบอ่ะ .. ก็เลยงึมงำข้ามปี ฮา .. ปีนี้ร่วมจิบไวน์กันอีกนะคะ
30 มิถุนายน 2552 21:03 น. - comment id 1008292
แวะมาอ่านบทกลอนที่แสนเศร้า ครับ
30 มิถุนายน 2552 21:04 น. - comment id 1008294
คงเป็นความจำที่ฝังใจไปอีกนานแสนนานเลยนะครับ
30 มิถุนายน 2552 22:17 น. - comment id 1008345
สวัสดีค่ะ เห็นภาพคนแก่... หรือวงเวียนชีวิต... มันสลดมาก ๆ ระลึกถึงเสมอนะค่ะ
30 มิถุนายน 2552 22:41 น. - comment id 1008357
เศร้าจังค่ะ พ่อแม่เลี้ยงลูกได้สิบคน แต่ลูกทั้งสิบ ไม่ต้องอะไรมากนะคะ แค่หันมามอง ถามว่าสบายดีมั๊ย หิวมั๊ย แค่นี้ แค่นี้จริง ๆ ค่ะ ที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องการ บทกลอนดีนะคะ ให้ข้อสอนใจมาก
30 มิถุนายน 2552 22:51 น. - comment id 1008360
ถ่ายทอดอารมณ์ได้เก่งมากครับ อ่านแล้วเศร้า ผมคิดว่า ถ้าเราเองเห็นสังคมเลวร้าย เราทำตัวเลวร้ายตามสังคม อนาคตคือลูก เราจะบอกลูกและปลูกฝังไว้อย่างไร ถ้าเราไม่เริ่มเป็นคนดีเสียก่อน
1 กรกฎาคม 2552 14:30 น. - comment id 1008583
คุณ กชมนวรรณ สวัสดีจ้า ที่จริงครูเขียนได้หลายแบบจ๊ะ แต่ นี้เป็นเรื่องจริงๆน่าสงสารเลยเอามาเขียนเพื่อเป็น อุทาหรณ์แก่ผู้อ่านให้รำลึกนึกถึงคุณพ่อแม่ด้วยจ๊ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 14:32 น. - comment id 1008584
คุณ คนบนเกาะ เรื่องนี้ผมเองพบเป็นเรื่องจริงครับ นำมาเขียน ไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 14:36 น. - comment id 1008586
คุณ นักสืบไร้อันดับ เรื่องนี้ผมเขียนเป็นอุทาหรณ์ให้รำลึกนึกถึง พระคุณพ่อแม่ไว้ ด้วยความรักลูกจึงยอมสิ้นทุกๆ สิ่งทุกๆอย่างอุตส่าห์ขายบ้านเพื่อล้างหนี้ให้ลูก ผม คิดว่าคงจะเสียบอลมากๆกลัวลูกจะเป็นอะไรจึงยอม และก็ต้องเป็นแบบที่ผมเขียนแหละครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 14:41 น. - comment id 1008587
คุณ โคลอน ปกตินั้นใช่ครับแต่ว่าเรื่องนี้นั้นผิดปกติครับ จึงเขียนไว้ให้พวกเราได้อ่านครับ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 14:45 น. - comment id 1008588
คุณ เอื้องคำ นี่แหละคือความรักพ่อแม่ที่มีต่อลูก แม้นว่า อนาคตจะเป็นอย่างไรไม่คำนึง เพียงแค่คิดให้ลูกๆ สบายเท่านั้น ถึงตัวจะลำบากเพียงใดก็ตาม เป็นสิ่ง ที่ควรอย่างยิ่งให้นึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่ท่าน เลี้ยงเราไว้ครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 14:51 น. - comment id 1008592
คุณ วิทย์ ศิริ นี่แหละครับคือความรักที่แท้จริงของพ่อแม่ แม้ตัวจะลำบากเพียงใด ขึ้นชื่อว่าลูกแล้วย่อมรัก ยิ่งกว่าตัวเอง ผมเขียนขึ้นเป็นอุทาหรณ์ไว้ครับ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 14:57 น. - comment id 1008594
คุณ ลุงเอง สวัสดีครับ ครับผมจะพยายามไปให้ได้ครับแม้ ว่าสุขภาพจะไม่ดีนักคงได้เจอกันครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 15:00 น. - comment id 1008599
คุณ อัลมิตรา ยอดหญิงผมเองได้แจ้งให้ทราบทางกลอนคุณ แล้วนะครับ เข้าไปอ่านที่กลอนคุณเอาเองนะครับ เพราะว่าหากผมตอบทางนี้คุณคงไม่เข้ามาอ่านหรอก รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 15:06 น. - comment id 1008601
คุณ อรุโณทัย อ้าวก็เรื่องมันเศร้านี่ครับและเป็นเรื่องจริง ด้วย หากเขียนในแนวหวานมันก็ขัดอารมณ์กัน ซิครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 15:18 น. - comment id 1008604
คุณ white rose แม่กุหลาบขาวแสนสวย จะเขียนแนวหวาน ได้อย่างไรก็เรื่องมันเศร้านี่นา เพื่อเป็นอุทาหรณ์ แก่พวกเราครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 15:30 น. - comment id 1008605
คุณ ฝนทอง ไม่มีใครในโลกนี้จะรักเราเท่าพ่อแม่ของเรา หรอกครับ ลูกจะดีหรือชั่วอย่างไรก็ยังรักปักใจอยู่ นั่น นี่คืออุทาหรณ์หนึ่งที่ผมนำมาฝากไว้ครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 15:38 น. - comment id 1008606
คุณ แมงกุ๊ดจี่ นี่แหละครับอุทาหรณ์เรื่องจริงที่ผมนำมาฝาก ให้พวกเราอ่านจ้ามะกรูดคนสวย จะเรียกว่าวงเวียน ชีวิตก็ไม่ถูกต้องนักเพราะเท่าที่ผมเห็นมานั้นมีทั้ง รักใคร่กลมเกลียวรักพ่อรักแม่มากก็มีมาก คุณเคย เห็นไหม ลูกสาวตบแม่ที่ช่วยทำงานบ้านเลี้ยงลูกเพียง แค่ลูกผัวฟ้องเท่านั้นเองถึงกับตบแม่แท้ๆของตนเอง เรียกว่าลูกอกตัญญู ผมมานั่งคิดว่าไม่หนีไปไหน หรอกกรรมย่อมสนองไม่วันใดวันหนึ่งหรือภพ ต่อไป หากบุญบารมีตกต่ำเมื่อไหร่ก็จะเจอเหมือน กันครับ ผมเห็นมามากต่อมากครับ อย่างเช่น คนภาคอีสาณหรือภาคเหนือทิ้งพ่อแม่ให้ลำบาก ตกทุกข์ได้ยากก็แยะไปครับ ที่โทรทัศน์นำเรื่อง จริงๆมาออกรายการ แต่นี่เป็นเรื่องจริงครับเกิด ไม่นานหรอก รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 15:43 น. - comment id 1008607
คุณ bitter ครับเป็นเรื่องจริงผมเขียนเป็นอุทาหรณ์ฝากไว้ เพื่อให้คนรักพ่อแม่และรำลึกนึกถึงคุณท่านให้มากๆ สิ่งเหล่านี้จะรู้สึกก็ต่อเมื่อท่านสิ้นไปแล้ว แต่ก็สายไป เสียแล้วครับ การทำบุญกุศลพระท่านกล่าวว่าหากจะ ทดแทนบุญคุณให้ทำในระหว่างมีชีวิตผลบุญนั้นมาก กว่าการทำบุญใดๆทั้งสิ้นยกเว้นเจริญสมาธิเท่านั้น ครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 15:47 น. - comment id 1008609
คุณ กวีน้อยเจ้าสำราญ การเขียนกลอนนั้นจะเรียกอารมณ์คนได้ดี นั้นต้องพร้อมด้วยอารมณ์เราใส่เข้าไปในกลอน กลอนนั้นถึงจะเรียกอารมณ์คนอ่านได้ครับ นี่คือ หลักของผมเพราะผมใช้ใจผมเขียนกลอนและเป็น กลอนสดไม่เคยแต่งไว้ล่วงหน้าก่อนเลยครับ และ ยิ่งสังคมในสมัยนี้ด้วยแล้วประกอบยาเสพย์ติดมี หลายๆอย่างทำให้คนเราขาดสติไม่สามารถควบคุม อารมณ์ของตนเองได้ครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 16:06 น. - comment id 1008613
พ่อแม่เป็นแขน เป็นขาแทนลูกได้ทุกอย่าง เสียสละให้ได้ทุกอย่าง แต่เรื่องเพียงน้อยนิด ลูกกลับทำให้ไม่ได้ อยากบอกว่า ใครคิดผิด โปรดไตร่ตรองและคิดใหม่เถิด ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ มาคร่ำครวญทีหลัง ไม่เอา ไม่ดีค่ะ อิ คุณครู เตรียมยา ไปให้พร้อมนะคะ วานน้องรัมณีย์ให้ช่วยดูแลครูแล้วค่ะ เที่ยวให้สนุกนะคะ กลับมาพร้อมภาพสวยๆฝากลูกศิษย์ด้วยเจ้าค่ะ
1 กรกฎาคม 2552 17:29 น. - comment id 1008664
น้อยคนจะคิดได้ ว่าสิ่งที่เราต้องดูแล คือพ่อแม่ ลืมไป ลืมไป กลับหาไปดูแล คนที่รู้จักกัน ในภายหลัง เศร้าค่ะ
1 กรกฎาคม 2552 18:01 น. - comment id 1008689
ทุกชีวิต อนิจจัง สวัสดีครับ คุณแก้ว
1 กรกฎาคม 2552 20:37 น. - comment id 1008744
คุณ ตรากลม คนเรานะหากไม่เข้าตัวเองก็จะไม่สำนึกหรอก ครับ แต่ว่าหากเดือดเนื้อร้อนใจสิ่งแรกที่เขาคิดคือ พ่อแม่ แต่เมื่อผ่านพ้นเรื่องเดือดร้อนแล้วก็จะลืม เสียมักจะเป็นแบบนี้แหละครับ บางคนทำไว้ก่อน พอแก่ตัวก็สำนึกเพราะเวรกรรมย้อนกลับครับ สิ่ง ที่รักเราที่สุดอยู่ใกล้ๆตัวกลับมองไม่เห็นเหมือนเส้น ผมบังภูเขานี่แหละครับ หากคนเรารู้จักมองตัว เราบ้างก็จะดีครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 20:49 น. - comment id 1008756
คุณ ธันวันตรี สวัสดีครับ นี่แหละคืออนิจจังแหละครับเมื่อ เกิดก็ย่อมเกิดทุกข์ขึ้น แล้วก็ดับไป ทุกๆสิ่งทุกๆ อย่างมัน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปทุกๆผู้นามครับ ทุกๆอย่างจะทราบอนิจจังได้คือตัวของเราเองนี่แหละ สังเกตุดูที่ตัวเราไม่ต้องไปมองสิ่งรอบกายหรอกครับ คุณเองก็เข้าไปยังเวปฯคุณดอกแก้วย่อมทราบเป็น อย่างดีครับ ด้วยทางนั้นเขาเน้นเรื่องจิตอาการของ จิตการเกิดดับเป็นหลักครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2552 21:04 น. - comment id 1008770
คุณ แก้วประภัสสร ก่อนอื่นครูขอแสดงความเสียใจคนในครอบครัว ด้วยนะ ใช่แล้วศิษย์เราคิดถูกผมเคยเห็นเวลา ท่านล่วงลับไปเสียอกเสียใจมาก ตอนที่มีชีวิตอยู่ ไม่เคยเอาใจใส่เลย มีมากเสียด้วย เรื่องเที่ยวนะ หากไม่ล้มหมอนนอนเสื่อครูเองต้องไปจ๊ะ และขอ ขอบใจที่ฝากฝังคุณรัมณีย์ไว้ช่วยดูแลให้จ๊ะ แต่ นิสัยครูชอบไปไหนคนเดียวเสียด้วยจ๊ะ อายุก็มาก คิดว่าได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้นไม่เหมือนก่อน ที่ครูไปเที่ยวเขาพระวิหารมีเจ้าก้อยเป็นเพื่อน ไปเพราะยายอิมสั่งไว้ แต่แล้วก็หายไป เพราะ ครูเองชอบแต่ก็จ้างพวกเขมรสาวคนหนึ่งเป็น ไกด์นำทางพาเที่ยวจ้า ให้เขาช่วยถ่ายรูปให้ ครูเองขึ้นเขาไปถึงก่อนใครๆเลย ตอนกลับจึง เจอยายอิมกำลังขึ้นมาเที่ยว ครูกับเจ้าก้อยต้อง ไปนั่งคอยปากทางใต้ต้นไม้จนเจ้าก้อยหิวเลย ชวนกันกลับตอนนั้นก็อายุมากเหมือนกันแต่ ตอนนี้แย่จริงๆจ๊ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
2 กรกฎาคม 2552 13:16 น. - comment id 1008891
อ่านแล้วเศร้าเลยค่ะ คนหลังยังคอย คงเป็นเรื่องทุกข์ทรมานใจนะคะ
2 กรกฎาคม 2552 16:23 น. - comment id 1009006
คุณ เฌอมาลย์ เจ้าหญิงครับผมเขียนเรื่องนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ ให้คนเรารักพ่อแม่และรำลึกนึกถึงพระคุณท่านที่ เลี้ยงดูเรามา ตั้งแต่เล็กจนมีครอบครัวเจริญรุ่งเรือง ไม่มีใครที่จะรักเราไปกว่าพ่อและแม่อีกแล้วซึ่งท่าน จะให้แม้กระทั่งชีวิตท่านเพื่อลูกรัก ท่านจะไม่ลังเล เลย แต่สมัยนี้ผมมองดูนับวันจะจางหายไปด้วย เหตุที่ไม่ค่อยเชื่อมั่น ผมเคยได้ยินเสมอๆจาก พวกวัยรุ่นว่า "เนื่องจากความใคร่ของพ่อแม่ พวกเขาจึงเกิดมา และก็ต้องทำหน้าที่ให้เขา" จริงอยู่การเกิดขึ้นนั้นย่อมมาจากความใคร่และ ปนด้วยความรัก หรือเพียงแค่ความใคร่เท่านั้น ก็มีเป็นส่วนมาก แต่ทว่าการเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะ อุ้มทองมาล่ะตลอดจนน้ำมันให้กิน ใยไม่คำนึง ถึงบางคนหลงผัวหลงเมียจนลืมพ่อแม่ไปเสียสิ้น หรือบางครั้งก็ทำร้ายท่านไม่นึกถึงบาปกรรมที่จะ ติดตามาหรอกครับ ผมพบเจอมามากเสียเกิด ความทุเรศแต่ก็เพียงถือว่าคงเป็นแค่เวรกรรม เท่านั้นครับ แต่เวลาเขาเดือดร้อนขึ้นมาสิ่งแรก ที่เขาคิดกลับกลายเป็นพ่อแม่เสียอีก ลูกจะชั่ว ระยำเพียงใด ในสายตาของพ่อแม่กลับว่าลูกนั้น ดีและสามารถแก้ไขได้ นี่แหละคือความรักของ ท่านอันแท้จริง ดังที่ผมเขียนนี้เป็นเรื่องจริงๆ ทั้งสิ้นและเพิ่มเติมขึ้นก็เพิ่มในจินตนาการไว้ พอสมควรครับ รักเจ้าหญิงเสมอ แก้วประเสริฐ.