..๏ ภาพปรากฏงดงามย้อนสามปี ณ วันที่พสกไทยสวมใส่เหลือง ต่างแซ่ซ้อง"ทรงพระเจริญ"จำเริญเมือง ปราศจากเรื่องแบ่งสีที่วุ่นวาย
จากวันนั้น - วันนี้ สามปีแล้ว ยังเพริศแพร้วชลมารคอันเฉิดฉาย พยุหเลิศล้ำเกียรติกำจาย เหล่าฝีพายท่วงท่าสง่างาม
๏ กาพย์เห่เรือ กระบวนพยุหยาตราชลมารค ๏ นารายณ์จำหลักล้ำ.......เลออง- อาจเฮย ครุฑยุดนาคทรวดทรง......สง่าแท้ ลายทองล่องชาดผจง.......กระจกแต่ง ฉัตรพู่ดูเลื่อมแล้.............เลิศริ้วปลิวงาม ๚ ๏ นารายณ์หมายเทียบไท้...สยามินทร์ ทรงครุฑดุจเสด็จดิน-.......ถิ่นแคว้น พระเกียรติแห่งพระจักริน...ขจัดทุกข์- เข็ญนา ทวยราษฎร์ปราศยากแค้น...เนื่องด้วยพระบาร-มีเฮย ๚
เรือเอยเรืองยิ่งแท้ ............. ล้วนเลื่อมแล้หลากสรรพนาม ลอยเด่นกลางชลตาม ...........รูปลักษณ์ล้ำงามใกล้ไกล เรียงรายเลื่อมพรายพร้อม ...เพ็ชรพลอยล้อมเหลืองอุไร ปิดทองผ่องอำไพ ................ แลทางใดล้วนงามสม พู่ย้อยห้อยระย้า ................. ลวดลายผ้าน่าชื่นชม ธงฉัตรพัดตามลม ............... เลื่อมวิจิตรโศภิษฐ์แพรว เรือทองขวานฟ้าคล้อย ....บรรเจิดลอยนำหน้าแนว เรือทองบ้าบิ่น แน่ว .........แสนปราดเปรียวสุดโสภี เรือเสือทะยานชล ....... เสือคำรนสินธุ์นาวี เคียงข้างดั่งเสนี ................. เรือดั้งปรี่มีสองลำ ตรงกลางเรืออีเหลือง .... ดูปราดเปรื่องสมน้ำคำ ฝีพายชายกำยำ .................. ยกพายจ้วงท่วงช่ำชอง เรือดั้งสามและสี่ ......... แล่นเร็วรี่มีครรลอง พร้อมเพรียงไปทั้งผอง ....... .ฝีพายคล่องเกริกไกรเกิน เรือดั้งห้าและหก ..........ให้สาธกล้ำจำเริญ เรียงรายได้ยลเพลิน .............ด้วยดำเนินอย่างยรรยง เรือตำรวจนอกลิ่ว ........ หลากแพรพลิ้วทั้งทิวธง เรือดั้งเจ็ด,แปดคง ........ ลอยเลียบคู่อยู่ครบครัน เรือดั้งเก้าอยู่ซ้าย ......... ซึ่งเลื่อมลายวิไลวรรณ เรืออสุรปักษีสัณ- ........... ฐานเฉิดฉันนั้นตรึงตา เรือตำรวจในเคียง .........คงลำเลียงมวลเสนา อีกลำงามโสภา ................... เกียรติก้องหล้ามาเนิ่นนาน อสุรวายุภักษ์................ นามประจักษ์เลื่องชลยาน เรือดั้งสิบแหวกธาร ........ แสนวิกรานต์ห้าวหาญนัก เรือดั้งสิบเอ็ดตาม .........ยังคงความเก่งกาจประจักษ์ เรือดั้งสิบสองพรัก- ........ พร้อมเพรียงจักด้วยว่องไว กระบี่ราญรอนราพณ์ ..... กระบี่ปราบเมืองมารใด คำชมสมพิสมัย ................... คำใดเปรียบเทียบเรืองาม เรื่อยเรื่อยมาเลียบเคียง.......อย่างพร้อมเพรียงมาติดตาม คือ เรือดั้งสิบสาม ..........น่าครั่นคร้ามทั้งยำเกรง เรือดั้งสิบสี่ นั้น...............ขุนพลนั้นช่างกล้าเก่ง จ้วงพายอย่างครัดเคร่ง..........ทั้งครื้นเครงทั้งเร่งมือ
เรือดั้งสิบห้าล่อง ........ ความแคล่วคล่องต้องเชื่อถือ สุครีพครองเมืองคือ ....... นามระบือชื่อมงคล พาลีรั้งทวีป ............... ดั่งคืนชีพผลาญมารผจญ โดดเด่นเห็นงามล้น ............. อุกฤษฎ์จนดั่งเวชยันต์
เรือหนึ่งซึ่งงามนัก ........... ดั่งรูปลักษณ์เทพรังสรรค์ เรือพระที่นั่งอัน ..................... แสนวิจิตรตระการตา อนันตนาคราช ........... ล้ำพิลาศทัศน์ลักขณา ลือเลื่องเฟื่องโลกา ................ สุดโสภาคราชื่นชม เรือดั้งสิบหกคล้อย ........ พลเรือคอยจ้วงพายจม งัดน้ำยามต้องลม ................ เป็นฟองแตกแปลกตาไป เห็นเรือดั้งสิบเจ็ด ......... เรือครุฑเตร็ดไตรจักรไกร เกริกกล้าเรืองวิไล ............... ลอยลำใกล้เรือแตงโม
เรือครุฑเหิรเห็จห้าว .... เรือดั้งกร้าวสิบแปดโบ- ราณท่านใช้ฝ่าโต้ ............... ทัพข้าศึกทั้งฝึกปรือ เรือดั้งสิบเก้านั้น .......... แสนสำคัญนามเลื่องลือ องอาจเก่งฉกาจคือ ............. คงเกียรติกล้าเหล่าวีรชน เรือดั้งยี่สิบ แสน- ...........ยานุภาพแม้นมากเหลือล้น สำเนียงเสียงขุนพล ............. พร้อมเพรียงจนมากเรี่ยวแรง เรือดั้งยี่สิบเอ็ด ........... .เรือลอยระเห็จดั่งสำแดง ชายชาญหาญกร้าวแกร่ง ...... จ้วงน้ำใสพรายกระเซ็น เรือดั้งยี่สิบสอง ............ แหวกธารท่องล่องลอยเห็น พลหมู่เสนาเป็น ................... เช่นมุ่งหน้าผลาญไพรี เรือหนึ่งซึ่งเกินคำ ............... ร้อยวรรณกรรมบรรยายมี ด้วยรูปทรงโศภี ................... ลวดลายสีผ้าแพรพรรณ รูปลักษณ์ล้วนวิไล ............... เรือเอกชัยหลาวทองอัน พิลาสเป็นอัศจรรย์ ............... ดั่งมุ่งมั่นผลาญศัตรู อีกหนึ่งซึ่งคงเกียรติ์ ............ ดั่งคำเธียรบรมครู บรรเจิดให้เชิดชู .................. คู่บารมีพระจักรินทร์ เอกชัยเหิรหาวห้าว ....... ผุดผ่องพราวสุดโศภิน ลายทองพ้องศาสตร์ศิลป์ . ......แสนพิพิธจิตรการตา โอ้เรือพระที่นั่ง ................... ทองสุกปลั่งดั่งจันทรา สมเกียรติ์แห่งราชา .............. ธ ผ่านฟ้ามไหศวรรย์
พระผู้ทรงผ่านฟ้า ................ทรงบุญญาจอมราชัน ทศพิธราชธรรมมั่น .............. มากเมตตาเปี่ยมปรานี นารายณ์ทรงสุบรรณ ..... เกินเสกสรรด้วยวาที ร้อยรจน์เบื้องบทกวี .......... เกินจดจารด้านงามล้ำ นารายณ์สี่กรนั้น ................. เปรียบ ธ มั่นคงคุณธรรม เมตตาปรานีนำ .................. ต่อไพร่ฟ้าประชากร ศึกใหญ่คือภัยแล้ง .............. น้ำเหือดแห้งแหล่งดินดอน ธ โปรดอำนวยพร ................. เปลี่ยนทุกข์ร้อนเป็นร่มเย็น เสกฝนแลเสกน้ำ ............... ต่างชุ่มฉ่ำไร้ลำเค็ญ ชี้ทางห่างทุกข์เข็ญ ............. เช่นคงชีพอย่างพอเพียง นารายณ์ทรงสุบรรณ ..... ดั่ง ธ นั้นเฝ้ามองเมียง เสด็จไปทั่วไทยเพี้ยง- .......... องค์นารายณ์ไล่อาธรรม์ ยอดเขาสุดเขตแดน ........... ถิ่นยากแค้นแดนใดกัน ทรงย่างพระบาทพลัน .......... หมายเปลื้องทุกข์มอบสุขใจ ทวยราษฎร์ต่างแซ่ซ้อง ........ ดังกึกก้องทั้งแดนไตร ขอองค์พ่อหลวงไทย ............ ทรงสำราญนิรันดร เรือพระที่นั่งทรง ............... .ประหนึ่งองค์ธราธร เสกสร้างสถาพร .................. เสกประสิทธิ์ในโลกา เนรมิตวิจิตรนัก ................. แจ้งประจักษ์รูปลักขณา รื่นรมย์สมอุรา .................... ดุจหงส์ฟ้าสิวาลัย
คือ เรือสุพรรณหงส์ ...... อันสูงส่งคงคู่ไทย ล้ำหล้าเกริกเกรียงไกร ........ รอยจำหลักพิไลงาม หงส์ทองล่องสายชล ............ น้ำใสจนเห็นแวววาม ต้องแสงสำแดงภาม ............. ชดช้อยตามคำกล่าวชม ฉัตรพู่ลู่ลมระย้า ..................ธงโสภาคราสวยสม เพริศพลิ้วทิวเทพพนม ......... แสนรื่นรมย์ยามชมพลัน เหล่าหมู่ฝีพายมาก ............. แต่งกายหลากมากแพรอัน ดิ้นเงินเดินทองนั้น ............... ช่างผ่องพรรณอันงามแล โสตสดับกาพย์ทำนอง ..........ดังกึกก้องพ้องจริงแท้ เปรียบเปรยนำเผยแพร่ ..........สิ่งล้ำค่าในวารี เอื้อนอ้างดั่งเวทมนต์ ........... ศักดิ์สิทธิ์ดลในบทกวี บ่งความงามประเพณี ........... ร่ายวาทีกาพย์คำโคลง ลอยเด่นเห็นงามสง่า .......... ทองเลื่อมตาผ้าแพรโพลง จำหลักลวดลายโยง - ........... คล้ายคงชีพรีบเริงชล คือเรือพระที่นั่ง .................. สุดสะพรั่งนภมณฑล เอนกชาติภุชงค์ ดล ....... งดงามล้นพ้นพรรณนา ฉัตรตั้งตระหง่านงาม ......... ทองเหลืองอร่ามงามภูษา แต่งจนวิจิตรา ..................... พลเสนาพายพร้อมเพรียง สวมหมวกกลีบจำปา .......... ช่างแปลกตาคราระเรียง จ้วงพายคล้ายสำเนียง .......... ร่ายคำเจรียงเยี่ยงบรรยาย เรือแซง เจ็ดลำล่อง ....... แสนแคล่วคล่องมวลฝีพาย เสนีย์มีนายท้าย ................... นุ่งผ้าสีสอดไหมงาม แต่งกายลวดลายหลาก ........ พลหมู่มากหากมองตาม เลื่องลือระบือนาม ................ พรักพร้อมตามท่วงทำนอง บรรพชนคนกร้าวแกร่ง ....... มุ่งสำแดงเกียรติทั้งผอง รุกไล่ไพรีต้อง ................. .....พ่ายทัพไทยในบัดดล เรือตำรวจกรมวัง ......... คุมแนวหลังดังขุนพล ตรวจตรามาแต่ต้น ................เช่นวีรชนอันเกรียงไกร นับได้ห้าสิบสอง ................. เรือลอยล่องชลาลัย โอ้แสนอวดศักดิ์ไทย ............ อันยิ่งใหญ่ในคงคา เลิศศิลป์ล้ำศาสตร์สร้าง ....... เด่นสล้างอวดศักดา ยังสุขทุกครั้งครา ................. ตรึงตราภาพมิลืมเลือน
๖๐ ปีทรงครองราชย์ เหล่าทวยราษฏร์ถวายพระพร ๏ บารมี ธ เลิศหล้า............เลอสรวง ทศพิธราชธรรมปวง...........เปี่ยมล้น ทรงวิวรรธน์ประดุจดวง.......ดาวฤกษ์ พระอัจฉริยภาพพ้น............พรั่งพร้อมบุญญา ๚ ๏ ทรงเสด็จครองราชย์ด้วย..ราชธรรม์ พระราชกรณียกิจอัน...........สฤษฏ์แล้ บังเกิดซึ่งคุณมหันต์............แก่ราษฎร์ ดับทุกข์สร้างสุขแท้............ทั่วหล้าสุขสราญ ๚
๏ หกสิบแห่งกาลฝน ..............พระบารมีพ้นชนชื่นชม เป็นยิ่งนโรดม ......................ในไตรโลกแต่ปางบรรพ์ ๏ พระบาททรงก้าวย่าง ..........ทุกเส้นทางอย่างมุ่งมั่น เปลื้องทุกข์ทวยราษฎร์อัน- .....ผู้ยากจนพ้นลำเค็ญ ๏ ทรงสอนให้พึ่งตน ...............เพื่อสยามชนได้อยู่เย็น - เป็นสุขไร้ทุกข์เข็ญ ................ดำรงชีพอย่างพอเพียง ๏ หากผองพื้นปฐพี ................แทนพื้นที่ให้ร้อยเรียง รจนาวรรณกรรมเพี้ยง ...........จารึกซึ่งพระบุญญา ๏ ด้วยน้ำมหาสมุทร ..............ต่างหมึกสุดร่ายพรรณนา เขียนพื้นแผ่นพสุธา ...............ทั้งโลกหล้าเบื้องมหาศาล ๏ ร่ายรจน์ด้วยบทกวี ..............ล้ำวาทีทั้งจดจาร บรรยายซึ่งอุปการ .................แห่งภูมินทร์ผู้ทรงธรรม ๏ สิ้นฟ้าแลปฐพี ....................สิ้นหมึกที่มหาสมุทรนำ กล่าวเกริ่นสรรเสริญคำ ..........มิอาจจดบทอ้างคุณ ๏ ทวยราษฎร์น้อมภักดี ..........จอมจักรีผู้เปี่ยมบุญ ผู้ทรงพระการุณ ....................ให้ทรงเกษมทั้งเปรมปรีดิ์ ๏ ด้วยคุณพระไตรรัตน์ ...........ความพิพัฒน์บังเกิดมี คุณเทพเรืองฤทธี ..................ทั้งจักรวาลอันศักดา ๏ คุณงามความศักดิสิทธิ์ .......เสถียรสถิตไตรโลกา ปกปักแลรักษา ......................ซึ่งองค์พระสยามินทร์ ๏ ให้ทรงพระเจริญยิ่ง ............อยู่เป็นมิ่งขวัญชีวิน ทวยราษฎร์ข้าแผ่นดิน ............ตราบร้อยพันวสันต์กาล ๏ ธ ประสงค์พุทธางกูร ...........จงสมบูรณ์ด้วยนฤพาน สรรเพชญพระโพธิญาณ .........ยิ่งไพศาลในบัดดล ๏ ศรีสวัสดิ์นิรันดร ..................จตุรพรสัมฤทธิผล เทิดไท้พระภูมิพล .................ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ๚ะ๛ เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลยิ่ง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าอัลมิตรา สมาชิกเวปบ้านกลอนไทย
ความงดงามสามปีที่ผ่านพ้น ภาพยังดลให้จิตคิดเสมือน ไทยทั้งผองครองสุขสุขร่วมเรือน ไม่แปลกเปื้อนแผกสีอย่างที่เป็น ๚ะ๛
อัลมิตรา 10 มิ.ย. 2552 15:44 น. - ID 126657 
8112
8
0
10 มิถุนายน 2552 16:00 น. - comment id 997752
รักในหลวง ตั้งแต่จำความได้เจอรูปท่านที่ฝาห้องพ่อจะติดไว้สูงกว่าทุกรูป เด็กๆก็สงสัยใครกัน ทำไมคนแก่ถึงกราบไหว้ ทำไมคนแก่ถึงเอาผ้าเช็ดหน้าให้เหยี่ยบแล้วเอามากราบ โตขึ้นก็รู้ว่าท่านผู้นี้คือในหลวง ท่านที่คนไทยรักยิ่งชีวิต หนูรักในหลวง
10 มิถุนายน 2552 16:05 น. - comment id 997755
เรือเอ๋ยเรือเร่ เอียงกระเท่ห์สู่หนใด ยากนักจักมีใคร เข้าชิดใกล้ไร้เชยชม ร่มรื่นภิรมย์รัก ถูกเขาหักจนเซตรม สิบเอ็ดกรกฎาคม คงถูกลมระเห็จไกล นึกถึงช่างราบรื่น คงสะอื้นสู่ทรวงใน หวานซึ้งดวงหทัย อกหมองไหม้ระทมครอง เรือเอ๋ยเรือรัก คงถูกหักจนให้หมอง จะอิงแอบแนบครอง ต้องหม่นหมองจนช้ำใจ จิบไวท์ใกล้นงราม คงจะหยามให้หวั่นไหว แสงจันทร์งามวิไล แสนเสียดายฤทัยตรอม.
10 มิถุนายน 2552 16:14 น. - comment id 997761
สวัสดีค่ะ คุณอัลมิตรา ดอกบัวได้มีโอกาสชมภาพงดงาม ริมเจ้าพระยา ดอกบัวก็คิดว่าภาพที่งดงามนั้น ยังอยู่ในดวงจิตคนทั้งชาติ และหวัง ให้ภาพนี้หล่อหลอมทุกดวงใจมารวมกัน หวังค่ะ หายยังค่ะ ให้มีแต่ความสุขค่ะ
10 มิถุนายน 2552 17:42 น. - comment id 997787
เห็นภาพแล้วปลื้มปิติทุกครั้ง แม้จะฉายซ้ำไปซ้ำมา ก็ยังดูด้วยตรึงใจทุกครั้ง ว่านี่คือในหลวงของเรา... :) ไม่เปลี่ยนช่องด้วยสิ.. คิดว่าน่าจะเป็นเหมือนกันทั้งประเทศ..
10 มิถุนายน 2552 18:13 น. - comment id 997801
. ภาพยังคงงดงาม ตราตรึง ในใจเนิ่นนิรันดร์ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
10 มิถุนายน 2552 18:20 น. - comment id 997811
นึกแล้วก็เศร้าใจจริงๆค่ะง วันที่ประเทศไทยมีความสุข พอมานึกในวันนี้แล้วก็สลดใจจริงๆ
10 มิถุนายน 2552 20:44 น. - comment id 997885
อิอิ...อ่านกลอนงามๆมากๆเลยครึ้มใจแต่งแจม ไว้ พบว่าตกไปหนึ่งจ้าคือ เรือเอ๋ยเรือเร่ เอียงกระเท่ห์สู่หนใด เรือรักเอ๋ยเรือเร่ เอียงกระเท่ห์สู่หนใด อีกหนึ่งคือ เรือเอ๋ยเรือรัก คงถูกหักจนให้หมอง แก้เป็น เรือเจ้าเอ๋ยเรือรัก คงถูกหักจนให้หมอง นะจ๊ะ พอดีมีคนมาเรียกต้องรีบไปธุระ เลยรีบแต่ง รักเสมอๆ
10 มิถุนายน 2552 21:27 น. - comment id 997895
มาร่วมชื่นชม พระบารมี ขบวนเรืออันงดงาม และกาพย์อันไพเราะ ครับ คุณ อัล รักษาสุขภาพ นะครับ คนดี ()
10 มิถุนายน 2552 21:45 น. - comment id 997899
อ่านแล้ว ...ประทับใจมิลืมเลือนครับ
10 มิถุนายน 2552 22:04 น. - comment id 997909
เขียนได้ดีมากและประทับใจมากๆคับ
10 มิถุนายน 2552 22:05 น. - comment id 997911
ในวันนั้นมีสิ่งที่น่าประทับใจเกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งกาพย์เห่เรือ ของคุณอิมด้วย สามปีผ่านไปทำไมชาวไทยถึงต้องแบ่งสีกันด้วยนะ
11 มิถุนายน 2552 09:25 น. - comment id 998029
สามปีก่อน .. ในวันซ้อมใหญ่ ข้าพเจ้ายืนบนสะพาน ตั้งกล้องจ้องมายังเบื้องน้ำที่เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งที่บรรยากาศในตอนนั้น ฟ้าครึ้มเมฆลอยต่ำ ลมกรรโชกแรง มีวี่แววของฝน ในที่สุดข้าพเจ้าก็เปียกฝนจนได้ แต่ถึงจะเปียกปอนเท่าใด ข้าพเจ้าก็ยังคงปักหลักมั่น เหมือนฟ้าแกล้งซะงั้น ให้เปียกอยู่ชั่วครู่ แล้วท้องฟ้าก็เปิดจ้า ทำทีว่า เมื่อตะกี้ไม่ได้เกิดฝน ข้าพเจ้าตรวจตรากระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือ และกล้อง .. ซึ่งอยู่ในถุงพล๊าสติก ยังอยู่สภาพดี อีกประเดี๋ยว ข้าพเจ้าจะได้เห็นความอลังการทั่วคุ้งน้ำ สิ่งที่ข้าพเจ้ามั่นใจว่าจะตราตรึงในจิตตลอดกาล เสียงเห่เรือกังวานไปทั่ว เรือแต่ละลำทยอยลอยลำตามลำดับ ข้าพเจ้าตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ได้เห็น ขยับนิ้วกดปุ่มคลิ๊กชัตเตอร์แทบไม่ทัน ทั้งภาพใกล้ และภาพไกล เหล่าฝีพายและความสง่างามของลำเรือ ลืมไปว่า เนื้อตัวยังคงเปียกปอนอยู่ พื้นถนนบนสะพานก็ยังเปียก ลมด้านบนพัดแรงแต่ก็ลืมที่จะหนาว ข้าพเจ้าอยากเก็บความรู้สึกนั้นไว้ นานเท่านาน จึงเลือกที่จะเขียนเป็นกาพย์เห่เรือ บรรยายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากจะบรรยายไว้ในงานชุดนั้นด้วยความปลื้มปีติเป็นอย่างมาก และในการเขียนถึง ๕๒ ลำเรือนั้น ข้าพเจ้าต้องศึกษาจากตำราหลายกองตั้ง หากมีใครสักคนถามข้าพเจ้าว่า ทั้งหมดเท่าที่เขียนโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ข้าพเจ้ามีความสุขใจกับการเขียนชิ้นใดมากที่สุด ถึงข้าพเจ้าไม่ตอบ .. บางคนคงเดาได้ มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
11 มิถุนายน 2552 09:37 น. - comment id 998035
พวกเสื้อเหลืองยึดราชดำเนินยึดทำเนียบเกือบสองร้อยวันไม่เป็นไรนายกแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้บัญชาการรักษปฏิบัติพระราชกำหนดปกครอบราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน กลับทำแบะ ๆ ออกทีวีแถลงข่าวว่าการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองแถมบอกว่าถ้าตนเองเป็นนายกลาออกไปแล้ว แต่พอเสื้อแดงยึดทำเนียบนายกเหมือนกันตั้งทหารผู้บัญชาการสูงสุดดำเนินการตามพระราชกำหนดการปกครองในสถานการณ์ฉุกเฉินเหมือนกัน ทหารกลับออกมายิงประชาชน แล้วมันะสามัคคีกันได้ยังไงล่ะ ที่จริงผู้ที่ขัดคำสั่งไม่ปฏิบัติตามควรถูกลงโทษไปนานแล้ว อิอิ
11 มิถุนายน 2552 14:14 น. - comment id 998175
คุณใจปลายทาง ..พระองค์อายุมากแล้ว พอเห็นทางทีวี พระองค์ค่อย ๆ เดิน ถึงจะไม่มีใครคอยพยุงข้าง ๆ ก็ยังเกิดความรู้สึกเป็นห่วงพระองค์อย่างมาก บางทีพระองค์ตรัส ช้า ๆ เนิบ ๆ ถ้าเป็นคนอื่นที่พูดอย่างนั้นอัลมิตราไปแล้วล่ะ แต่เพราะเป็นพระองค์ทุกดำรัสจึงตั้งใจฟังอย่างยิ่ง (เขียนราชาศัพท์ไม่ถูก อย่าว่ากันนะ) คุณแก้วประเสริฐ .. ไม่ได้เข้ากับบรรยากาศเล้ยยยยยยย คุณดอกบัว .. อัลมิตราได้ดูกระบวนเรือตอนซ้อมใหญ่ ในวันจริงก็ได้ดูทางทีวีค่ะ ยังไม่เคยมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์เลยสักครั้ง แต่ก็พบพระองค์บ่อย ๆ สองทุ่มทางทีวีเช่นกันค่ะ คุณกุ้งหนามแดง .. ช่าย คงเป็นเช่นนั้นทุก ๆ คน คุณแมงกุ๊ดจี่ .. ถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ควรค่าต่อการจดจำ ค่ะ คุณ Dark_Lord .. อืมม วันนี้ทะเลาะกันอยู่ได้ ทั้งที่วันนั้นก็เข้าเฝ้าด้วยกันเปล่งเสียงถวายพระพรร่วมกัน คุณแก้วประเสริฐ .. ก็ไม่เข้ากับบรรยากาศอยู่ดีนั่นแล คุณคนกุลา .. คนดีที่ป่วน ( แหะ แหะ ) คุณลิลิต .. ค่ะ เพราะประทับใจ จึงย้อนรำลึกค่ะ คุณวิทย์ .. กาพย์เห่เรือ งานเก่า เขียนเมื่อหลายปีแล้วค่ะ คุณกุ้งก้ามกราม .. จริงเหรอ คุณกุ้งก้ามกรามชอบจริง ๆ นะ คุณฤกษ์ .. ป๊าดธ่อ .. พาเสียบรรยากาศหมด
11 มิถุนายน 2552 16:16 น. - comment id 998219
จริงด้วยนะค่ะ พี่อัลภาพที่ได้ชมในวันนั้น ยังคงความงาม และติดตรึงอยู่ในใจมิรู้ลืมเลยค่ะ ขอให้พี่อัลมีความสุขในทุก ๆวันนะค่ะ
11 มิถุนายน 2552 17:13 น. - comment id 998242
ต้องบอกว่า...ตระการตา...และตรึงใจไปนานเท่านานครับ เสียดายที่....คนที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาสีเหลืองมาเล่นเพื่อตัวเองจนเปนที่มาของการแบ่งสี.. แต่อย่างไรก้อตามในหลวงของเราก็ยังคงเปนที่รักของพวกเรา...ตลอดไปคครับ
12 มิถุนายน 2552 13:11 น. - comment id 998549
ยังประทับใจอยู่ในใจมิลืมเลือนค่ะ
12 มิถุนายน 2552 19:55 น. - comment id 998785
คุณประทีปดาว .. นั่นสิ อัลมิตราคิดว่าทุก ๆ คนก็รู้สึกเช่นนั้น แต่ทำไมบางคนถึงได้ลืมที่จะหวนรำลึกเนอะ คุณเอื้องอังกูร .. ถ้าสวมใส่เหลืองเพื่อแสดงความพร้อมเพรียงในความจงรักภักดีต่อในหลวง ก็เป็นเรื่องที่สมควรยิ่งแล้วค่ะ หากแต่เป็นเรื่องอื่น อัลมิตราก็ยังเห็นว่าไม่สมควรเช่นกันค่ะ คุณโคลอน .. ไม่รู้เหมือนกันว่า จะอีกนานแค่ไหนนะคะ อัลมิตราก็ยังอยากเห็นด้วยตาอีกค่ะ
หน้าส่วนตัว
กลอนอกหัก รักหวานซึ้ง
กลอนอวยพร
กลอนให้กำลังใจ
กลอนให้ข้อคิด
