ไม่ใช่แสงของดวงดาวที่พราวฟ้า แต่เปล่งจากยอดหญ้าที่พลิ้วไหว ไม่ใช่สายของลมหวิวพลิ้วแผ่วไกว แต่มันเต้นจากหัวใจที่คร่ำครวญ ก่อนจะทิ้งชีพแสนสั้นกับฝันคว้าง ล่องไปกับสายลมบางละห้อยหวน ตราบน้ำใสที่ไหลลับไม่กลับทวน อยากชี้ชวนดูดาวนั้นในฝันนี้ แม้เป็นแค่แสงดาวใจเหนือใบหญ้า อาจไม่ใช่ดาวบนฟ้าเหนือถิ่นที่ แต่มันเป็นดาวในฝันที่ฉันมี เกิดจากห้วงดวงฤดีเพียงหนึ่งดวง . ฝากไปกับแสงหิ้งห้อยที่ร้อยผ่าน ก่อเป็นสายของลำธารสู่แดนสรวง ระยิบแสงแห่งนทีสีเงินยวง อยู่ในห้วงแห่งฝันนี้...ที่มีเรา
2 พฤษภาคม 2552 14:53 น. - comment id 979942
ที่มาของบทกลอน สุสานหิ่งห้อย เป็นเรื่องราวความรักความสัมพันธ์ของสองพี่น้องที่อาศัยอยู่ในเมืองโกเบประเทศญี่ปุ่นเหตุการณ์เกิดระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เซตะ โยโกกาวา ลูกชายคนแรกของนายพลทหารเรือ อายุ 14 ปี กำลังขนเสบียงลงหลุมเพื่อมีอาหารเวลาสงครามสงบ และในเวลานั้นเครื่องบินกำลังบินผ่านมายังเมืองเพื่อปล่อยระเบิดครั้งรุนแรงกว่าที่ผ่านมา เซตะจึงให้แม่ของตนออกเดินทางไปยังหลุมหลบภัยก่อน เนื่องจากแม่เป็นโรคหัวใจ โดยเซตะ และ น้องสาว เซตซโกะ อายุ 4 ขวบ จะพาไปเอง ซึ่งระหว่างทางไปหลุมหลบภัย ระเบิดจากเครื่องบินของทหารอเมริกาถูกทิ้งลงมา ทำให้เซตะและเซซึโกะ พลัดหลงกับแม่ของพวกเขา ทำให้เซตะพาน้องสาวไปหลบภัยอยู่หลังเนินถนนสูงเป็นกำแพงหินริมทะเล ซึ่งภายหลังพวกเขาพบว่าบ้านของพวกเขาถูกไฟไหม้หมดทั้งหลัง และรอบๆบริเวณนั้นถูกทำลายทั้งหมด สองพี่น้องพยายามตามหาแม่ มีคนมาบอกเซตะว่าแม่ของเขาบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตลงเนื่องจากถูกไฟลวก และเมื่อเวลาผ่านไปเซซึโกะถามหาแม่ของเขาแต่เซตะบ่ายเบียงไม่ยอมบอกและปกปิดน้องสาวของเขาไม่ให้รู้ว่าแม่ได้เสียชีวิตแล้ว และทั้งสองก็ได้ไปอยู่กับป้า ฮิซาโกะ ของพวกเขา ซึ่งป้าของเซตะถามถึงอาการบาดเจ็บของแม่ เซตะจึงต้องบอกความจริงไปว่าแม่ได้เสียชีวิตไปแล้ว และต่อมาพวกเขาก็ทนนิสัยป้าของเขาไม่ไหวจึงออกจากบ้านป้ามาทั้งสองคน ทั้งสองพี่น้องจึงไปอยู่ในเหมืองเก่าๆ ซึ่งในสมัยก่อนใช้เป็นที่หลบภัย ภายในเหมืองมีแสงสว่างน้อยมากทำให้เซซึโกะกลัวความมืด เมื่อเป็นเช่นนั้น เซตะพี่ชายจึงไปหาหิ่งห้อยมาปล่อยไว้มากมายทำให้มีแสงสว่างมากพอทำให้เซซึโกะไม่กลัว และเมื่อเวลาผ่านไปนาน อาหารก็เริ่มหมด และไม่มีอาหารให้แลกแล้ว และเซซึโกะก็เริ่มมีอาการเจ็บป่วยเกิดขึ้น ซึ่งเซซึโกะป่วยเป็นโรคขาดสารอาหาร และเมื่ออาหารหมด ทำให้เซตะต้องขโมยของตามบ้านเมื่อมีการทิ้งระเบิดของทหารอเมริกา ผู้คนมากมายกำลังหลบหนีระเบิดอยู่แต่เซตะกลับวิ่งฝ่าระเบิดเข้าไปตามบ้านคนที่ว่างเปล่าเพื่อเข้าไปหาของกินมาให้เซซึโกะ และนานวันเข้าอาการป่วยของเซซึโกะเริ่มมากขึ้น เซตะจึงพาน้องไปหาหมอแต่หมอก็ไม่มียารักษาให้ มีวันหนึ่งเซตะเข้าไปในตัวเมืองเพื่อไปถอนเงินก้อนสุดท้ายเพื่อเอาออกมาใช้ และเขาก็ได้ข่าวว่าญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามแล้ว เรือทุกลำจมลงทะเลหมด จมไปพร้อมกับความหวังที่จะเห็นพ่อซึ่งเป็นทหารเรือกลับมาหาตนและน้อง เมื่อเซตะกลับมาที่เหมือง เขาเห็นน้องสาวนอนอมลูกหินอยู่ซึ่งเซซึโกะคิดว่าป็นลูกอม เซตะจึงห้ามไม่ให้น้องสาวกินลูกหินอีก และเขาจึงไปเอาแตงโมมาป้อนให้เซซึโกะกินและปล่อยให้เซซึโกะนอนพัก เมื่อเห็นน้องสาวนอนพัก เซตะจึงไปทำอาหาร และตั้งแต่นั้นมา เซซึโกะก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกตลอดกาล ในคืนที่ฝนตกหนักและหนาวเย็นเซตะนอนกอดร่างไร้วิญญาณของน้องสาวเขาทั้งคืน และพอเช้าเซตะ ก็เผาร่างของเซซึโกะและนำเศษกระดูกมาใส่ในกล่องลูกอมและเซตะก็นำกล่องนั้นติดตัวไปตลอดจนกระทั่งเขาเสียชีวิตลงในวันที่ 21 กันยายน ปี 1945 สุสานหิ่งห้อยเป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นของสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) ซึ่งเป็นบริษัทสร้างภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นชื่อดังในประเทศญี่ปุ่น หนังดัดแปลงมาจากหนังสืออัตชีวประวัติของ อะคิยูกิ โนซากะ ผู้สูญเสียน้องสาวตัวน้อยๆ ด้วยสาเหตุจากการขาดอาหารระหว่างสงคราม สุสานหิ่งห้อยออกฉายในปี ค.ศ. 1988 กำกับโดยอิซาโอะ ทาคาฮาตะ (Isao Takahata)
2 พฤษภาคม 2552 20:46 น. - comment id 979980
ไม่ได้เข้ามานาน พอมาเข้าก็เศร้าเลย
3 พฤษภาคม 2552 12:18 น. - comment id 980150
สะเทือนใจจ้งเลยนะคะ