ระยิบยับวับวาวพราวฟากฟ้า ดวงดาราส่องสว่าง ณ กลางหน งามสดใสสุกเปรื่อง ณ เบื้องบน ปุถุชนชื่นชมสมฤดี ดาวดวงหนึ่งโผลงดงขมิ้น สร้างมลทินมัวหมองไม่ผ่องศรี ดาวลอยล่องท่องไปในราตรี หลงโลกีย์มัวเมาเผาใจกาย ดงขมิ้นถิ่นผ้ากาสาวพัตร์ ต้องวิบัติแปดเปื้อนเกินเลือนหาย ดาวดวงนั้นหลงไปในอบาย ผลสุดท้ายร่วงลับอับแสงลง ดาวดวงใหม่อาจจุติที่ปลายฟ้า ส่องแสงมาแม้ใครไม่ประสงค์ เส้นทางธรรมจะสิ้นสุดพุทธองค์ หากยังคงมี เจ้ดาว ในเงาธรรม.
25 กุมภาพันธ์ 2552 14:31 น. - comment id 955658
ตั้งชื่อเรื่องซ่อนปรัชญาเชียวนะครับ แวะมาอ่าน บทกลอนที่ไพเราะและมีความหมายมาก ๆ
25 กุมภาพันธ์ 2552 14:34 น. - comment id 955662
เดี๋ยวนี้วงการทางศาสนาทำไมมีแต่เรื่องที่ทำให้ศาสนาเสื่อมลงนะ
25 กุมภาพันธ์ 2552 15:10 น. - comment id 955694
อ่านข่าวแล้วได้แต่....เฮ้อ........ถอนใจเนาะ
25 กุมภาพันธ์ 2552 15:41 น. - comment id 955715
หากหมั่นทำความดีก็จะเปรียบกับดาว ที่มีความสว่างและสุกใส หากทำไม่ดีไว้ก็เป็นดาวที่หมองหม่นและอับแสงไปได้ในที่สุดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามต้องเป็นให้ดีที่สุด และทำในสิ่งที่ดีดีนะคะ
25 กุมภาพันธ์ 2552 15:46 น. - comment id 955720
สวัสดีครับ ดูเหมือนว่าที่พึ่งทางใจทุกวันนี้ จะเสื่อมลงไปเรื่อยๆ เพราะการกระทำ ของพวกมาร "บทกลอนงดงาม ลึกซึ้ง"
25 กุมภาพันธ์ 2552 16:26 น. - comment id 955746
ก๊ากๆๆๆ ว้าอยู่ อ.บ้านธิ ด้วยอ่า
25 กุมภาพันธ์ 2552 17:20 น. - comment id 955801
แอะๆ...ดีนะแถวนี้ไม่มีดาว...ดาวนะดาว ถ้ามาแถวนี้จะสอยให้ร่วงเลย...
26 กุมภาพันธ์ 2552 15:54 น. - comment id 956410
รู้ไหมคุณบพิตร วันนี้พิมอ่านกลอนได้อิ่มจริงๆๆค่ะ เพราะกลอนแต่ละคนดีดีทั้งนั้นเช่นคุณ