วิพากษ์ วิจารณ์
ณ.คลองฉวาง
อัสดงแสงทองเริ่มเลือนหาย
จบวันเก่ายามนิทรามาอีกครั้ง
แสงสุรีย์คอยๆหมดพลัง
จันทราและดารามาทดแทน
มาร่วมกันล้อมวงอ่านกวี
ฟังดนตรีหริ่งเรไรกล่อมบรรเลง
ธรรมชาติประสานเป็นบทเพลง
ฟังคลื้นเคลงเสียงเพลงแห่งป่าไพร
จิบน้ำชา(ร่ำสุรา)ด้วยกันสหายเอ๋ย
เขามาเลยเรามารวมตัวกัน
มานั่งวิพากษ์ วิจารณ์
รวมตัวกันเป็นกลุ่ม ประชุมกวี
เขาอ่านกวีชมธรรมชาติ
สะอาดและงดงามดี
ฉันอ่านบทชมวิถี
ชีวิตคนที่ห่างไกล
เธอเพ่งบทกวีบทนั้น
เธออ่านแล้วน้ำตาไหล
วิพากษ์ วิจารณ์กันไป
สุขใจคนคอเดียวกัน
ร่วมกันแลกเปลียนแนวคิด
ถูกผิดเราไม่ว่ากัน
เพราะการเป็นกวีนั้น
ต้องเป็นมาจากหัวใจ
ถึงบทกวีฉันไม่ไพเราะ
เสนาะจับจิตจับใจ
ถึงบทกวีเธอยังคงไม่
ดั่งใจที่เธอต้องการ
ถึงบทกวีเขารุนแรงไปบ้าง
แต่เขียนมาจากหัวใจ
ทางใครก็เขียนทางใคร
เปิดใจรับฟัง คำวิจารณ์
ไม่นานฉันนั้นเชื่อว่า
เราคงเป็นกวีที่ดีได้
ฝึกฝนฝึกจิตฝึกใจ
เขียนไป วิพากษ์ วิจารณ์
ดึกแล้วจิบน้ำชา(ร่ำสุรา)หมดแก้ว
ถึงเวลาแล้วถึงเวลาหลับไหล
โอกาสหน้ามีรวมตัวกันใหม่
กลับไป ฝึกฝน ปรับปรุง