รักใครไม่ต้องมีเหตุผล ฉันเป็นคนมุทะลุใจร้อน ไม่ต้องมาปรามห้ามอ้อนวอน ถึงบทถึงตอนก็รักจริง รักใครไม่ต้องพิจารณา ขอเพียงว่าเธอเป็นผู้หญิง มีใจตรงกันมั่นรักจริง ไม่ทอดทิ้งให้ห่างห่วงอาวรณ์ รักใครไม่ต้องตรองให้มาก เอ่ยปากบอกรักดวงสมร ปฏิเสธความรักจักจากจร หากตัดรอนอย่าย่ำให้ช้ำใจ รักใครไม่ต้องมากพิธี ประเพณีดีงามทำตามได้ ยกสินสอดแหวนหมั้นขันหมากไป มิทันใจไปอำเภอจดทะเบียน
25 ตุลาคม 2551 18:14 น. - comment id 907446
รักอะไรง่ายดายขนาดนั้น จะผูกพันได้นานสักแค่ไหน ความรักจริงต้องออกมาจากจิตใจ ใช่พบใครก็รักได้ง่ายเหลือเกิน
25 ตุลาคม 2551 18:36 น. - comment id 907463
...รักไม่มีเหตุผล อย่าถามหาเหตุผลของความรัก เนอะ ก็คนมันจะรักซะอย่าง แหะ...แหะ...
25 ตุลาคม 2551 18:52 น. - comment id 907468
ตอบ เพื่อนคนหนึ่ง ความรักไม่ใช่ละคร ส่งร้อยตอนจึงจบพบรักได้ รักเข้าใจในรักเกิดกับใคร คนคู่ใดใจตรงกันสัมพันธ์รัก
25 ตุลาคม 2551 18:55 น. - comment id 907470
ใช่แล้วครับ ฉางน้อย
26 ตุลาคม 2551 10:56 น. - comment id 907619
ที่ว่ารักไม่มีเหตุผล เพราะกมลจมปลักในรักนั้น เมื่อจิตโปร่งโล่งสว่างกระจ่างธรรม์ อาจรู้เหตุรังสรรค์บันดาลรัก
26 ตุลาคม 2551 13:13 น. - comment id 907643
ถ้ามีเหตุผลก็ไม่ใช่ความรักที่คะ รักมันต้องไม่มีเหตุไม่มีผล ถูกต้องแล้วคร้าบบบบ
26 ตุลาคม 2551 16:36 น. - comment id 907691
เหตุผลที่พบในบทกลอน หากว่ารักปราศจากซึ่งเหตุผล คงต้องตัดให้พ้นท่อนที่สอง บรรทัดสามว่าไว้เป็นทำนอง ว่ามีใจตรงต้องปองอาทร อีกเหตุผลที่สองคือบทสาม บรรทัดสามเช่นกันมันสังหร ปฏิเสธความรักจักจากจร หากตัดรอนยีย่ำให้ช้ำใจ บทสองท่อนสาม มีใจตรงกันมั่นรักจริง ( แสดงว่าถ้าใจไม่ตรงกันก็ไม่รัก เ หตุผลที่จะรักคือ ใจต้องตรงกัน) บทสามท่อนสาม ปฏิเสธความรักจักจากจร (แสดงว่าถ้าใครคนนั้นปฏิเสธความรัก คุณก็จักจากจร เหตุผลก็คือใครคนนั้นต้องไม่ไม่ปฏิเสธความรักของคุณ คุณจึงจะรัก) สุดท้ายรักก็ต้องมีเหตุผล
26 ตุลาคม 2551 16:41 น. - comment id 907694
ท่อนสองบรรทัดที่สาม ขอเพียงว่าเธอเป็นผู้หญิง ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้คุณรัก เพราะถ้าไม่ใช่ผู้หญิงคุณก็ไม่รัก (นี่ว่าด้วยเหตุผลนะ)
26 ตุลาคม 2551 16:53 น. - comment id 907696
lเมื่อหัวใจเรารักใครสักคน มันต้องมีเหตุผลอยู่ในนั้น หากไม่มีเหตุผลมาพัวพัน รักใครนั้นไม่เกิดแท้แน่กมล ใครไม่พบเหตุผลที่ตนรัก แสดงว่าไม่รู้จักหลักเหตุผล ไม่รู้จักแม้ในใจของตน จึงสับสนว่าตนรักเพราะเหตุใด หาไม่พบก็ว่ารักไร้เหตุผล ลองหาดูให้ทั่วที่ตัวใฝ่ ครบทุกซอกทุกมุมของหัวใจ แล้วจะพบความนัยที่ใจรัก
26 ตุลาคม 2551 17:01 น. - comment id 907701
ฝากไว้อีกนิด ต้องอ่านบทกวีของรัมณีย์ ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ...ก็ให้อ่านอีก แล้วจะรู้ว่า...ความจริงแท้เป็นเช่นใด (คุณรัมณีย์แต่งได้ใจความดีมาก..กระชับ สุดยอดครับ)
26 ตุลาคม 2551 21:17 น. - comment id 907750
โอ้โห..คิดได้ไงคุณกิตติเวทย์ พิเคราะห์เหตุและผลจนกระจ่าง ล้วนมีเหตุนำไปใช่ลอยคว้าง นำเป็นทางทอดให้ใจน้อมรัก ................... ความรักเกิดจาการเกื้อกูลกัน ในชาติปัจจุบันอย่างหนึ่ง เกิดจากการเกื้อกูลกัน ในอดีตชาติอีกอย่างหนึง ที่เกิดในชาติปัจจุบัน อาจตรองรู้ได้ด้วยตรรกะ แต่ที่เกิดแต่ชาติอดีต ย่อมไม่อาจรู้ได้ด้วยตรรกะ ต้องอาศัยญาณเป็นเครื่องรู้
26 ตุลาคม 2551 23:13 น. - comment id 907789
ปราชญ์บอกว่า เหตุแห่งรักท่านชี้ว่ามีสอง คือเคยครองปองรักสมัครสมาน ด้วยบุพเพนิยมมานมนาน พอพบพานสบพักตร์รักปักใจ อีกหนึ่งนั้นคือหมั่นเกื้อเอื้อเฟื้อพร้อม รักก็ย่อมเกิดมาอย่าสงสัย เปรียบอุบลต้นกอลออใบ ได้อาศัยตมน้ำงอกงามเอยฯ นี่คือเหตุผลแบบข้ามภพข้ามชาติ
27 ตุลาคม 2551 20:24 น. - comment id 907990
โอ้โห...สวัสดี รัมณีย์ กิตติเวท์ สงสัยต่อไปใช้เหตุผล มาเตือนตนก่อนรักใจภักดิ์สาว หากไม่สวยจรรยาราคีคาว จักไม่ก้าวเยื้องใกล้ให้เรรวน รูปสมบัติคุณสมบัติจัดเพรียบพร้อม กิริยาอ่อนน้อมเนื้อสงวน ความรู้ต่ำดำเหมือนกาอย่ามากวน คิกทบทวนหลายด้านใกล้คานทอง
28 ตุลาคม 2551 06:53 น. - comment id 908060
ได้คนชั่วมาครอง ขอคานทองดีกว่า ...........จะเห็นด้วยไหมเนี๊ยะ........
28 ตุลาคม 2551 15:32 น. - comment id 908246
ไม่มีเหตุผลจริงๆค่ะ รักแล้วรักเลย ไปอำเภอไหนบอกด้วยแล้วกัน