ปณิธาน กวี นั้นมีอยู่ ต่างเรียนรู้รู้เรียนเพียรฝึกฝน คิดถ้อยคำสรรหามานิพนธ์ แทนตัวตน บางเวลา บางอารมณ์ แสดงเจตน์ ร้อยสลัก เพียงอักษร ทั้งแอบซ่อน สัจธรรม นำประสม ทุกบาทวรรค อักษรา อันน่าชม อีกคำคม อรรถรส พจน์สุนทร บางบทโศก ซึมเศร้า และเหงาจิต บ้างลิขิต สัจธรรม สื่อคำสอน บางบทรัก หวานล้ำ ในคำกลอน บางบทตอน ชมธรรมชาติ พิลาสพิไล นี่คือความ ต่างดี อันมีอยู่ คือต่างรู้ ต่างจดจาร ต่างขานไข ต่างแง่คิด มุมมอง ของเขาใคร สิ่งนั้นไซร้ คือดุลยภาพ แห่งกาพย์กลอน.
24 มกราคม 2551 09:49 น. - comment id 814783
ระบายความตามเห็นเป็นกลอนกาพย์ ดุลยภาพซาบซ่านปานประหนึ่ง ทั้งรัก ชัง หวัง ฝัน ช่วยดันดึง ใส่ลึกซึ้งผสมผสานให้กานท์งาม ออกมาช่วยสร้างสรรค์จรรโลงโลก คลายทุกข์โศกลงไป..ใช่แบกหาม ที่หนักอึ้งขึงโยงชั่วโมงยาม ก็ห่อนหายคล้ายห้ามด้วยความพจน์ จึงเกิดเป็นนักกวีมีศรีศักดิ์ ใครท้วงทักถักถามงามหมดจด ทุกผู้คน จน ดี มั่งมียศ ก็คลับคล้าย..คลายเก็บกด..ด้วยบทกลอน สวัสดียามเช้าแก่ๆ ค่ะคุณอรุณสุข
24 มกราคม 2551 10:09 น. - comment id 814788
เขียนความฝันบรรยายสายรู้สึก เล่าสำนึกความรักใส่อักษร ฝากความหมายถ่ายนัยใส่บทกลอน ทุกบทตอนซึมซาบจากกาพย์กานท์ เปิดเผยถ้อยร้อยรำพันสรรค์สร้างสุข ผ่อนคลายทุกข์ด้วยกลอนอักษรหวาน บอกความคิดลิขิตคำตามชำนาญ ปณิธานกวีมีหัวใจ
24 มกราคม 2551 10:45 น. - comment id 814800
ต่างที่มาที่ไปใช่แตกต่าง บนเส้นทางกวีที่สร้างสรรค์ ต่างร่วมรักอักษรกลอนประพันธ์ บนลานฝันงานนิพนธ์คนกวี
24 มกราคม 2551 11:42 น. - comment id 814827
คุณปราณ คุณเพียง คุณเฌอ นิพนธสารจารแจงแถลงเจตน์ บอกหลักเหตุผลผ่านงานอักษร ผสมศิลป์จินตนาที่ว่าวอน ตามบทตอนฉันทลักษณ์ไว้หลักการ ผ่านเรื่องราวร้อยเรียงเพียงรู้สึก ในสำนึกสั้นยาวที่กล่าวขาน ทั้งรัก ชัง หวัง ฝัน ทุกวันวาร บอกปณิธานของกวีอันมีนัย ต่างที่มาที่ไปใช่แตกต่าง ร่วมสรรสร้างจรรโลงโลกดับโศกได้ ก่อลานฝันงานนิพนธ์ของคนไทย ให้ยาวไกลเสถียรสถิตย์นิจนิรันดร์. วันนี้ถือว่าโชคดีมากครับ..ที่เพื่อนบ้าน ที่น่ารักทั้งสามคน..มาเยี่ยม..อยากบอก ว่าประทับใจเหลือเกินครับ..เพราะทั้ง สามคนเป็นมิตรที่ผมรู้สึกว่าสนิทชิดเชื้อ มากในบ้านนี้แม้จะสานสัมพันธ์ผ่านแค่ตัว อักษร..ในบางเวลา..อยากบอกว่าทั้งสาม คนมีอะไรที่คล้ายคลึงกันมาก..ไม่ว่าจะเป็น สำนวนการเขียน..ที่ละมุนละไม..สละสลวย ทั้งเป็นคนที่สุภาพอ่อนโยน สัมผัสได้จาก การตอบโต้..หรือการทักทายกัน..ที่ผ่านมา รู้สึก..ดีครับ..ที่ได้พบปะ..และพุดคุย..ผ่าน หน้าเวปแห่งนี้..แม้จะน้อยเวลาไปนิด... .งอย่างไรก็อยากให้..คงมิตรภาพแบบนี้ไป นานๆครับ
24 มกราคม 2551 11:47 น. - comment id 814829
คุณปราณ คุณเพียง และคุณเฌอ ในโอกาสนี้ก็ขอนำบทกลอนทักทาย แต่ละท่านมาผสมผสานให้เป็นกลอนตอบ ในสามบทนี้..อันแสดงว่า...แม้เราจะอยู่ ต่างที่กัน..แต่เราก็ยังรวมกันเป็นหนึ่งได้ ของใครวรรคไหนลองดูนะครับ....
24 มกราคม 2551 11:51 น. - comment id 814835
กวีย่อมมากล้นมุมมอง...ตามความคิดเราน่ะ :)
24 มกราคม 2551 13:30 น. - comment id 814875
พี่กุ้งฯผู้น่ารัก นั่นแหละคือความหลากหลายของแนวคิด และไอเดีย...ที่ยอมรับกันในวงกว้างว่า.มีส่วน สำคัญยิ่งต่อการพัฒนา..ไปของวรรณศิลป์ ในเชิงของการสื่อถ้อยกระทงความ.....หากแต่ สิ่งที่ต้องเพียรเรียนรู้และแก้ไข..คือความถูกผ ผิดแห่งฉันทลักษณ์และถ้อยคำ..
24 มกราคม 2551 14:26 น. - comment id 814890
นั่นสิคะแบบไหนที่เรียกว่ากวี กาแฟบ่ายแก่ๆๆคะ
24 มกราคม 2551 15:30 น. - comment id 814916
คุณพิม กวี..กวี หมายถึง ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญในศิลปะการประพันธ์บทกลอน มักใช้คำนี้ในภาษาแบบแผนหรือภาษาการประพันธ์ โดยปริยาย หมายถึง ผู้ชำนาญในการประพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นบทร้อยกรอง หรือวรรณกรรมรูปแบบอื่นๆ โดยมีความหมายในเชิงยกย่อง คำว่า กวี มาจากคำเดิม ในภาษาบาลีและสันสกฤต "กวิ" แปลว่า ผู้คงแก่เรียน ผู้เฉลียวฉลาด ผู้มีปัญญาเปรื่องปราด ผู้ประพันธ์กาพย์กลอน และแปลอย่างอื่น ได้อีก โดยมีรากศัพท์ จาก "กุ" หรือ "กู" ธาตุ แปลว่า "เสียง, ทำให้เกิดเสียง, ร้อง, ร้องระงม, คราง, ร้องเหมือนเสียงนก หรือเสียงแมลงผึ้ง" ในทางวรรณคดี มักจะแบ่งเป็นกวีเป็น 4 ประเภท ตามลักษณะการแต่ง คือ จินตกวี หมายถึง กวีที่แต่งโดยความคิดของตนได้แก่ วรรณคดีประเภทที่เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งหรือกวีเอง เช่น เรื่องพระอภัยมณี ของสุนทรภู่ เรื่องมัทนะพาธา ของรัชกาลที่ 6 เรื่องเห็นแก่ลูกของ "พระขรรค์เพชร" เป็นต้น สุตกวี หมายถึง กวีที่แต่งโดยได้ฟังมา ได้แก่ เรื่องที่แต่งตามที่เล่าสืบกันมา อาทิ เสือโคคำฉันท์ และ สมุทรโฆษคำฉันท์ เป็นต้น อรรถกวี คือ กวีที่แต่งตามความจริง ได้แก่ เรื่องที่แต่งตามเหตุการณ์หรือหลักความเป็นจริง เช่น เรื่อง ลิลิตยวนพ่าย เป็นต้น ปฏิภาณกวี คือ กวีที่แต่งบทกวีได้สดๆ ทันทีโดยไม่ต้องเตรียมมาก่อนได้แก่ เรื่องที่แต่งด้วยไหวพริบที่คิดขึ้นเองโดยทันทีทันใด เช่น โคลงที่ศรีปราชญ์พูดกับนายประตู เป็นต้น ในปัจจุบัน คำว่า "กวี" มีความหมายที่กว้างมากขึ้น ไม่เพียงแต่หมายถึงผู้แต่งร้อยกรองเพียงอย่างเดียว หากยังหมายถึง ผู้มีฝีมือในการแต่งวรรณกรรมในรูปแบบอื่นๆ เช่น นวนิยาย เรื่องสั้น วรรณกรรมมุขปาฐะ (แต่งปากเปล่า ด้วยการขับ ร้อง หรือเล่า โดยไม่บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร) เช่น กวีซีไรต์ มีทั้งผู้แต่งร้อยแก้ว และร้อยกรอง ขณะที่เรียกผู้ชำนาญในการแต่งเพลง ว่า คีตกวี คัดมาให้คุณพิมได้พิจารณาครับ
24 มกราคม 2551 16:30 น. - comment id 814934
สวัสดีค่ะคุณอรุณสุข ได้ความรู้ดีจังเลยค่ะ
24 มกราคม 2551 16:58 น. - comment id 814947
คุณช่อฯ ขอบคุณครับ..ก็คัดมาให้ได้อ่านกันแบบย่อๆ ครับ..ฟังแล้วก็นึกว่า..การจะเรียกใครซักคน ว่าเป็นกวี...ก็ยากไม่น้อยเลยครับ.. ปล. วันนี้ยังไม่ได้เห็นงานคุณช่อฯเลย
24 มกราคม 2551 17:15 น. - comment id 814951
กลอนบางบทจดจากซากรักขม กลอนบางบทรื่นรมย์สมใจหมาย กลอนบางบทเกิดจากสิ่งข้างกาย กลอนบางบทไม่วายคล้ายโง่งม แต่ละวันผันผ่านลานมนุษย์ ซึ่งมากสุดทุกข์เข็นเห็นสุขสม จึงเล่าขานกานท์ไปตามอารมณ์ ใช่ทับถมข่มใครให้เมามัน เหมือนกลอนสดด้นไปตามวิถี ทั้งชั่วดีมีหลายหมายสร้างสรรค์ แต่บางมุกสุดทนสารพัน จึงแบ่งปันกันมองฉันท์กลอนกานท์ นี่เขียนจากของตัวเองค่ะ ซึ่งมีแง่มุมการเขียนจากสิ่งที่เจอ และ กระแทกใจ ซี่งห่างจากคำว่ากวีมากนัก
24 มกราคม 2551 18:41 น. - comment id 814980
คุณกชมนฯ ต่างคุณค่าตอบสนองร้อยกรองไว้ สื่อความในจดจารเป็นเขียน บ้างหนักบ้างเบาดั่งเงาเวียน ต่างแปรเปลี่ยนถ้อยคำลำนำกลอน บ้างกลอนสดด้นได้ดั่งใจคิด บ้างถูกผิดจริงแท้ต้องแก้ก่อน ครูอาจารย์ผ่านพบก็นบวอน ให้ช่วยสอนจดจำเป็นตำรา ต่างศึกษาประสบการณ์จากงานเขียน ต่างพากเพียรฝึกหัดวิวัฒน์ค่า ปรับถ้อยคำสำนวนให้ยวนตา พัฒนาปรับชั้นวรรณนิพนธ์. การแสดงออกทางถ้อยคำสำนวน และลีลาจัดเป็นคุณลักษณะเฉพาะตน ของนักเขียน..ซึ่งไม่ว่าเป็นใครก็ควร ต้องปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นครับ...
24 มกราคม 2551 21:21 น. - comment id 815040
...คือรสทิพย์แห่งกวีวจีถ้อย มโนร้อยจารึกผลึกอักษร ผ่านหยดหมึกบันทึกเป็นบทกลอน ฟุ้งขจรหอมกลิ่นถิ่นกวี หอมเอย หอมบุปผาผกากรอง ยังเป็นรองกลิ่นหอมอักษรศรี ที่ร้อยเรียงเคียงรสหมดจดดี หอมวจีจารึกสารผ่านกาพย์กลอน.... เจริญพร คุณ อรุณสุข บทร้อยกรองทำให้มองโลกงดงาม ทำให้เรามีจิตใจละเมียดละไม เหมือนบทประพันธ์ที่ผ่านการร้อยกรองมาฉะนั้น..
25 มกราคม 2551 01:44 น. - comment id 815123
อาราเล่เห่มาว่าทายทัก ได้รู้จักบ้านกลอนอันอ่อนหวาน ที่อบอุ่นรู้ใจหาใดปาน ได้ประทานหมู่มิตรสนิทกัน ได้พบหน้าคาดตาพามีเพื่อน คอยย้ำเตือนผูกใจได้รังสรรค์ ได้ไปเที่ยวเกี่ยวก้อยร้อยเรียงกัน ได้ยึดมั่นเข้าใจในกลอนการณ์ เดี๊ยวระทมทุกข์เศร้าเพื่อนเข้าปลอบ เดี๊ยวก็ชอบสุขใจให้ขับขาน เดี๊ยวหยอกล้อป้อคำพร่ำยาวนาน เดี๊ยวสะท้านสะเทือนเพื่อนฮาเฮ เดี๊ยวแต่งกลอนวอนว่ามากับเพลง เดี๊ยวบรรเลงขี้เมาเฝ้าหักเห เดี๊ยวชวนเที่ยวเกี้ยวพาว่าโมเม เดี๊ยวพาเห่กันไปให้เมามันส์ ดีจ้า คุณอรุณสุข มาแจมความรู้สึกเจ้าค่ะ ถึงแม้จะไม่เก่งมากมาย และก็ไม่อยากเก่ง แต่อาศัยใจรัก รักเพื่อน รักกลอน เจ้าค่ะ
25 มกราคม 2551 09:49 น. - comment id 815187
คือรสถ้อยร้อยคำให้สำเหนียก ต่างเราเรียกวรรณศิลป์ปิ่นอักษร ร่าย โคลง ฉันท์ กาพย์ จรดถึงบทกลอน เป็นสุนทรสร้อยสรรค์พรรณนา จรรโลงโลกจรรโลงใจได้ปรากฏ สิ่งสืบยศ สืบชาติ ศาสน์ภาษา แต่โบราณจารจดหลายบทมา วัฒนาหนุนเนื่องแต่เบื้องบรรพ์ ควรรักษ์ไว้แลวิวัฒน์..ให้พัฒน์เฟื่อง ศิลป์ศาสตร์เรือง รุจน์สล้าง ด้วยสร้างสรรค์ ช่วยดำรงให้คงอยู่คู่ชาติพันธุ์ มาร่วมกันสรรค์ภาษาให้ถาวร ด้วยเหตุผลนั้น..ครับ..ถึงทำให้คนไทย มีความละเมียดละไมในการใช้ชีวิต การพูดและการแสดงออกที่แตกต่างจาก ชาติอื่นๆ..เพราะเรามีศิลปะทางภาษาที่เป็น มหามรดกจากบรรพบุรุษ..ที่สืบทอดกัน ตลอดมา....ครับ
25 มกราคม 2551 10:03 น. - comment id 815196
คุณอาราเล่ สัมพันธ์ผูกฉันเพื่อนไม่เลือนร้าง ไม่อ้างว้างห่างไกลจากใครเขา สลับสุข..ทุกข์บ้างอย่างเราเรา แต่ยังเนา....สุขเนื่องด้วยเรื่องกลอน ได้พบหน้าเพื่อนๆมาเยือนเหย้า มาวอนเว้าทักทายทุกข์ถ่ายถอน เป็นกลุ่มวงพงศาต่างอาทร ณ.บ้านกลอนแห่งนี้..ไม่มีคลาย.... สุขเหงาเศร้าซึม..ก็มาเยี่ยม มาคุยกันได้ตลอดล่ะครับ... คนกันเองทั้งนั้น..
25 มกราคม 2551 10:04 น. - comment id 815199
ความเห็นที่16นี้ยกให้พี่ขนบครับ..
25 มกราคม 2551 15:34 น. - comment id 815300
ดุลยภาพแห่งกาพย์กลอน ช่วยสะท้อนซ่อนภาษา หลากอารมณ์หลั่งรดมา ร้อยวาจาพารื่นรมย์ ...ไม่รู้ว่าชอบอ่านกลอนตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ตอนนี้ซึมเข้าเส้นเลือดใหญ่เสียแล้ว
25 มกราคม 2551 16:23 น. - comment id 815351
สวัสดีค่ะคุณ อรุณสุข ............................... กวีกลอนพาฝัน เมื่อรำพันใจสวยหวาน อดีตที่เคยผ่าน คือกลกาลพาคะนึง
25 มกราคม 2551 17:05 น. - comment id 815374
ดุลยภาพแห่งกาพย์กลอน ได้สะท้อนศิลป์ภาษา หลายบทจารจดมา ต่างเรียงร้อยถ้อยสุนทร ถูกผิดมิบิดผัน เนื่องสิ่งนั้นคือศิลป์สรณ์ ต่างที่วจีจร มาร่วมร้อยเจรียงคำ เช่นกันกับคุณโคลอนเลยครับ.. มารู้อีกทีก็ชอบอ่านและเขียน แม้ว่าภาษาจะขาดๆแกนๆ.. แต่อย่างไรเสีย..ก็รักไปแล้วนี่ครับ..
25 มกราคม 2551 17:45 น. - comment id 815382
คุณโอเลี้ยง คือกานท์คืองานศิลป์ อันกวินวิจิตรสรรค์ ถ่ายถ้อยร้อยรำพัน แสดงเจตน์แห่งจิตน์จง. ยินดีต้อนรับคุณ โอเลี้ยง ณ. กลบท ครับ ด้วยความนับถือ....ยิ่ง
25 มกราคม 2551 20:57 น. - comment id 815432
มิตรภาพกาพย์กลอนสอนล้ำค่า สุขพกพาล้วนสร้างทางสร้างสรร หลายลีลาหลากสีมีทุกวัน สนุกกันยามอ่านมาผ่านตา...
26 มกราคม 2551 21:53 น. - comment id 815746
หวัดดีครับ.... แวะมาอ่านกลอนดีๆครับ...
26 มกราคม 2551 22:22 น. - comment id 815754
ต่างไมตรีตอบสร้อยร้อยอักษร แด่มิตรกลอนเชื่อมกันสัมพันธ์ถวิล สุข โศก เหงา อกหัก ได้พักภินท์ รื่นรสจินต์กวินสารที่จารแจง ขนาดแค่เห็นชื่อว่าคุณยาฯมาเยี่ยม ความสนุก..ก็บังเกิดขึ้นมาทันที ดังนั้น..ต่อไปหากได้เห็นกลอน ของอรุณ..เมื่อใดก็ให้เข้ามาทักทายด้วย นะครับ...
26 มกราคม 2551 22:30 น. - comment id 815758
คุณVictoriasecret สวัสดีครับ..พี่ Jackie ขอบคุณที่มาเยี่ยม..และยินดีที่ได้รู้จักครับ โอกาสต่อไปจะเข้าไปเยี่ยมเยียนนะครับ.
28 มกราคม 2551 01:49 น. - comment id 816079
เขียนสดสดโอเลี้ยงเขียนแบบยากๆไม่ไหวค่ะ คราวที่แล้วเลยเล่นด้วยกาพย์ยานี๑๑ ที่เพิ่งหัดเมื่อ3เดือนก่อนค่ะ อิ อิ คืนนี้หนาวมาก ตี2กว่ายังเปิดโน๊ตบุ๊คอ่านอยู่บนเตียง เพราะฝนตกบ่อยเหลือแค่ 6 องศาแล้ว ก่อนนอน เอามาฝากสดๆด้วย กลบทมธุรสวาที หรือกลบทเทพชุมนุมแล้วกันนะคะ อิ อิ คือไม่ต้องคิดนานค่ะ มองฟ้าคล้ำดำแดงใจดูเหม่อ พาให้เพ้อวุ่นวายมิหลับใหล ตีสองกว่าส่งใจลอยไปไกล ดูมีใครนอนไหมฟ้าทางนั้น แวะผ่านมาเม้นต์ทักอีกสักหน หวังใจว่าคนไกลคงหลับฝัน ขอจงสุขสดใสไปทุกวัน ส่วนคนนี้เริ่มตาตี่ง่วงงงงัน... อิ อิ ฝันดีค่ะ คุณอรุณสุข
28 มกราคม 2551 02:02 น. - comment id 816080
วรรคสุดท้ายเขียนผิด เริ่มง่วงแล้วจริงๆด้วยค่ะ มองฟ้าคล้ำดำแดงใจดูเหม่อ พาให้เพ้อวุ่นวายมิหลับใหล ตีสองกว่าส่งใจลอยไปไกล ดูมีใครนอนไหมฟ้าทางนั้น แวะผ่านมาเม้นต์ทักอีกสักหน หวังใจว่าคนไกลคงหลับฝัน ขอจงสุขสดใสไปทุกวัน ส่วนคนนี้เริ่มงันตาตี่ง่วงงง... ฝันดีค่ะ
28 มกราคม 2551 09:07 น. - comment id 816137
พยับหมอกจางจางเมื่อกลางดึก ลงเยี่ยมพฤกษ์กิ่งก้านพานไสว ตีสองกว่าเช่นกัน..หนอขวัญใจ มิหลับใหล..โรยราจิตอาวรณ์ ถวิลรอไมตรี..ที่เธอให้ ปรีดิ์ฤทัย..ยามได้อ่านสารสมร ซึ้งสลัก..จิตนักหนา..ที่อาทร ขอบังอรหลับสนิท..เมื่อนิทรา. เมื่อวันเสาร์นอนดึกเช่นกันครับ.. ตั้งใจจะตอบคุณโอเลี้ยง..วันนั้น แต่..สมองไม่สั่งการซะแล้ว... เลยเก็บมาตอบวันนี...เอาเป็นว่า เมื่อวันเสาร์คุณโอเลี้ยง..ไม่ได้นอนดึก คนเดียว..ครับ...