๏ แสร้งชอกช้ำระกำใจบางใครคิด ดัดจริตทำกระแดะค่อนแคะขรม มากมารยาประมาณว่าอุราตรม เขาหยามถ่มเพราะเขามิเข้าใจ เราจำใจเขียนกลอนตอนอกหัก แม้เจ็บหนักเตือนตนต้องทนไหว ร่ายปรัชญา/ธรรมชาติ/วาดพฤกษ์ไพร เพื่อมิให้คนติฉินหมิ่นประณาม ทุกเรื่องราวประหนึ่งว่าชีวาชื่น แท้ขมขื่นจิตทุรนทุกข์ล้นหลาม เราเขียนกลอนสารพัดถนัดความ แต่ถูกปรามเขียนมิได้จากใจตน ช่างเสแสร้งแสดงบทสมบทบาท เขาปรามาสอักษรใช้คอนผล ซ้ำทุกพจน์ทั้งเพเพียงเล่ห์กล ปราศสักคนที่คำนึงซึ่งใจเรา จอมปราชญ์เคยเปรยว่าภาษาศิลป์ ถึงอยู่ถิ่นแคว้นใดหรือใจเหงา แม้นมากทุกข์ก็จักคลายคล้ายบรรเทา ความโศกเศร้าจะสลายกลายรื่นรมย์ เรากลับแปลกแตกต่างไร้ทางออก ยามช้ำชอกจมทุกข์แสร้งสุขสม แสนลำบากคราวเค้นลำเค็ญตรม จึงซ่อนระทมแฝงไว้ ณ นัยกวี ๚ะ๛
7 สิงหาคม 2550 13:38 น. - comment id 734894
ใครเล่าหนอที่ทำให้ยอดหญิงของเราเป็น ถึงเพียงนี้....?????? แก้วประเสริฐ.
7 สิงหาคม 2550 13:40 น. - comment id 734897
สงสัยเหมือนกันค่ะ ใครนะ..ช่างทำได้แบบนั้นนะ
7 สิงหาคม 2550 13:46 น. - comment id 734902
ใครกันนะใจร้ายจัง........
7 สิงหาคม 2550 13:59 น. - comment id 734921
ต้องหาทางระบายนะคะ อย่าเก็บเอาไว้มันจะรุนแรงขึ้นนะคะ เอ๋ใครทำให้เจ็บช้ำเหรอคะอย่างงี้ต้อง
7 สิงหาคม 2550 14:41 น. - comment id 734958
จะหลบจะหลีกลี้หนีห่าง จะสิ้นจะสุดทางห่างหาย จะเพียรจะพยายามเจียนตาย แต่มิวาย คนติฉิน คนนินทา แจม ๆ ช่างมันเหอะ ธรรมดาของโลก คิดไปปวดหัว เปล่า ๆ
7 สิงหาคม 2550 18:05 น. - comment id 735060
แวะมาทักทายคุณอัลมิตราค่ะ
7 สิงหาคม 2550 20:12 น. - comment id 735102
นัยน์กวีนี่นั้น เนืองนอง ร้าวร่ำรำพึงพ้อง พร่ำได้ ทุกข์ท่วมเทวษครอง ความว่า สุขฤๅบ่สุขไซร้ ซ่อนไว้ ในคำ
7 สิงหาคม 2550 20:27 น. - comment id 735107
สวัสดีคุณอัลมิตรา คุณ คุณ ทุกท่าน ไม่มีใจสุขใจได้ตลอดกาลหรอกค่ะ ชีวิตย่อมมีโศกเศร้าสร้อยหงอยเหงา แต่ทว่า อย่าไปจมปรักกับมัน สุข สนุก สดชื่น ร่าเริง ก็ยังมีแทรกเข้ามาในเสี้ยวเวลาหนึ่ง มิใช่หรือ ถึงมีนิดหน่อย ก็ดีใจแย้วสำหรับบางคน คิดถึงนะคะ....... เพื่อนทักทาย...ค่ะ ป.ล อ่านเสร็จกรุณามองหน้าจอด้วยนะกำลังส่งกำลังใจให้ค่ะ ช่วยรับหน่อยนะ
8 สิงหาคม 2550 00:09 น. - comment id 735238
ที่ชอกช้ำระกำใจเพราะใครหรือ ใช่เพราะถือทิฐิตัวมัวเมาไหม มิปล่อยทุกข์ลงวางจางจากใจ พร่ำพิไรว่าร้อนรนโดนรังแก ลองต่อเล่นๆ นะครับ ไม่ได้มีเจตนาอันใดอื่นนะครับ แต่กลอนของคุณอัลมิตรา อ่านแล้วก็รู้สึกทั้งเห็นใจ แต่ก็รู้สึกไปด้วยเหมือนกันครับว่า ออกจะตัดพ้อสังคม มากกว่าโทษตัวเอง หากเราหาทางปล่อยวางทุกข์เสียบ้าง คำพูดคนอื่น หรือใครจะว่ากระไรเรา ก็คงไม่สามารถเพิ่มทุกข์ให้เราได้ดอกครับ ถ้าคุณอัลมิตราอยู่ในภวังค์ดังคำกลอนอยู่ ก็ขออภัยนะครับที่ผมแสดงความคิดเห็นตรงไปตรงมาเกินไป ขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ
8 สิงหาคม 2550 02:52 น. - comment id 735256
สู้ สู้ จ้า มาเป็นกำลังใจให้ด้วยคนค่ะ
8 สิงหาคม 2550 08:03 น. - comment id 735273
คุณแก้วประเสริฐ .. ไม่มีหรอก เป็นแค่พล็อตเรื่องเท่านั้นเองค่ะ คุณครูพิม .. :) เว้นบางคนที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ในทุกกรณี ที่เว้นบางคนคงคืออัลมิตราคนนี้ที่ต้องเป็นไป คุณลิลลี่ขาว .. เป็นเพียงความรู้สึกที่อาจไม่มีคนเข้าใจค่ะ คุณมณีจันทร์ .. โอ ..เปลี่ยนจากเก้าอี้เป็นหมอนนั่นคงดี จะได้เบาหน่อย ฮา.. คุณร้อยฝัน .. อืมม จะหลบจะหลีกลี้เพียงใด ก็มิวายคนติฉินนินทา ใช่แล้ว เป็นธรรมดาสามัญของปุถุชนค่ะ คุณชมพูภูคา .. อัลมิตรายังอยากเห็นดอกไม้นี้อยู่นะคะ หากมีโอกาส จะไปเยือนไพร และเก็บภาพมาฝากคุณค่ะ คุณปลายตะวัน .. เก็บความรู้สึกไว้...............ภายใน ความซึ่งออกจากใจ...........เทียบบ้าง หากยังแต่คำใคร................เยาะหมิ่น จำซ่อนจนเป็นสร้าง.........อกนี้สุขสม คุณทักทาย .. สวัสดีค่ะคุณทักทาย เช้านี้มีฝนปรอยลงมาเล็กน้อย บรรยากาศดีทีเดียว ช่วงเวลาที่ผ่านไป เผลอแป๊บเดียวก็ดูเหมือนว่า เวลาช่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วจัง ปลายสัปดาห์นี้ ว่าจะไปขี่ช้างล่องแพที่เมืองกาญจน์ แวะดูสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ด้วย ไว้จะมาเขียนเล่านะคะ คุณผู้ชายใต้ฟ้าคราม .. การเขียนกลอน การดำเนินเรื่องราวนัยของตัวอักษร อาจแต่งแต้มมาจากจินตนาการ อาจต่อเติมจากความรู้สึกที่เคยได้รับกระทบ หรืออาจจะเป็นเรื่องที่สมมุติมาทั้งหมด .. ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น คนเขียนกลอน หากได้เขียนโดยที่ปราศจากสิ่งขวางกั้น ก็นับว่าเป็นการดีที่สุด แต่.. หากมีข้อยกเว้น เช่นว่า ถ้าเขียนอย่างนั้น หรือ เขียนอย่างนี้ ก็จะถูกเหน็บแนมทันที "เขียนเพื่อหาพวก เขียนเพื่อให้คนอื่นเห็นอกเห็นใจ เขียนเพื่อสร้างภาพให้ตนเองดูดี" ถ้อยคำเหล่านั้น คงไม่ใช่ถ้อยคำที่เกิดจากคนเขียนกลอนคิดขึ้นเอง หากแต่เป็นสิ่งที่ประสบ ดังนั้น ความเหนื่อยหน่ายย่อมมีเป็นธรรมดา ที่ไม่อาจเขียนระบายความรู้สึกได้ดั่งใจ ซึ่งก็เป็นคนละเรื่องกับการตัดพ้อสังคม เพราะสังคมประกอบด้วยหลาย ๆ หน่วย หลาย ๆ ปัจจัย อัลมิตรากล่าวถึงบางหน่วย บางปัจจัยเท่านั้น .. หากจะเหมารวมเป็นสังคม .. ย่อมเป็นการกล่าวเกินเหตุ ถ้าจะถามอัลมิตราว่า อยู่ในภวังค์กลอนหรือเปล่า .. ตอนที่เขียนย่อมมี ย่อมสร้างขึ้น ย่อมรู้สึกเช่นนั้น พอจบการเขียน ก็จบความรู้สึกทันที .. อัลมิตราเหมือนคนที่ว่างอยู่แล้วค่ะ นึกอยากเขียนอะไร.. ก็เขียน ขอบคุณค่ะ ที่มาช่วยต่อยอดความรู้สึกและให้โอกาสอัลมิตราอธิบายความ เราชอกช้ำระกำจิตใช่คิดแค้น หรือวางแผนระบุไว้ว่าใครข่ม ถ้อยอักษรพรรณนาไหลอารมณ์ ใครชื่นชมหรือหยาม...ก็ตามใจ คุณปราณรวี .. ขอบคุณค่ะ กุหลาบสีสวยจัง
8 สิงหาคม 2550 09:23 น. - comment id 735298
สวัสดีค่ะ คุณอัลฯ ยังคงใช้ประโยคเดิมค่ะ "ใจเรา เรารู้"
8 สิงหาคม 2550 12:16 น. - comment id 735364
คุณแมงกุ๊ดจี่ .. ค่ะ ใจเรา เรารู้
8 สิงหาคม 2550 12:19 น. - comment id 735365
แสนชอกช้ำ ระกำ ทำอกหัก บั่นใจรัก หักใจ ใครแลเหลียว ซ่อนรำพัน ระทม ตรมคนเดียว เศษใจเสี้ยว แฝงไว้ ณ นัยกวี+++
8 สิงหาคม 2550 14:33 น. - comment id 735427
ร้อยภิรมย์ฤๅเทียมเท่า...หนึ่งเข้าใจ...
8 สิงหาคม 2550 16:27 น. - comment id 735464
คุณสิริน .. :) ได้แต่ซ่อนไว้ ณ นัยกวี คุณบินเดี่ยวฯ .. ค่ะ หมื่นภิรมย์ ฤๅ เทียบเท่าหนึ่งเข้าใจ
8 สิงหาคม 2550 16:29 น. - comment id 735465
ดูเหมือนคุณอัลมิตราเคืองผมรึเปล่าครับ? ถ้าเคืองผมขอโทษอีกครั้งนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะวิพากษ์ให้รุนแรงหรือแต่งกลอนโต้ตอบ เพราะมีเหตุผลแฝงอะไรจริงๆ ผมผ่านมาอ่านพบ ก็ต่อยอดจากความคิดผมเอง แต่ทางกลอนผมอาจจะไม่ค่อยดีนัก ทำให้มันดูนุ่มนวลไม่ได้ ส่วนเรื่องถูกเหน็บแนมหาพวกเห็นอกเห็นใจสร้างภาพอะไรนั่น เอ... ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหนนี่ครับ อย่างบรมครูกวีสุนทรภู่ ก็ยังเขียนกลอนรัก กลอนต่างๆ รำพึงรำพันความรู้สึก เพราะใคร่วอนให้สาวคนรักเห็นใจ หรือให้ผู้อ่านมีความรู้สึกลื่นไหลร่วมไปกับท่านด้วย แต่ประเด็นที่พูดถึงว่า ตัดพ้อสังคม อันนี้ก็คงความผิดผมอีกที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงไป เอาว่าจากเนื้อกลอนเพียงอย่างเดียว ผมก็คิดว่าถ้าเป็นการรำพันความรู้สึกจริงๆ ก็ยังดูเหมือนว่า มองจากมุมของตนเองคนเดียว แต่ก็เอาเถิดครับ คนอกหัก ยามนั้นคงมืดบอดสนิทจริงๆ อาจจะไม่สามารถแบ่งใจไปมองมุมอื่นได้อีก ยังไงผมขอโทษอีกทีแล้วกันนะครับคุณอัลมิตรา ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณอัลมิตราจะเคืองใจ เพราะการวิพากษ์อันเล็กน้อยของผม ครั้งหน้าหนหน้าผมคงไม่กล้าแล้วล่ะครับ
9 สิงหาคม 2550 08:26 น. - comment id 735807
คุณผู้ชายใต้ฟ้าคราม .. :) ขอบคุณค่ะ ที่ยังห่วงใยในความรู้สึกกันอยู่ การที่คุณแวะมาตอบอีกครั้ง แสดงว่าคุณใส่ใจอัลมิตราและอยากปรับความเข้าใจกัน อัลมิตราไม่ได้เคืองคุณนะคะ ยิ้มสิ.. เรายิ้มให้กัน ยิ้มก่อนแล้วอ่านต่อ ในกลอนชุดนี้ที่อัลมิตราเขียน.. เกิดจากการสั่งสมความรู้สึก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นคนละอย่างกับตัวอย่างที่คุณยกมา (สุนทรภู่) ตรงนั้นอัลมิตราเข้าใจค่ะ จากสิ่งที่เคยเกิดขึ้น เป็นแง่ลบ เนื่องจากคำเหน็บแนมดังกล่าว เจาะจงเพื่อทำร้ายความรู้สึกของผู้เขียน โดยพิพากษาไปในทิศทางที่ไม่ดี เช่น เขียนเพื่อสร้างภาพ เขียนเพื่อให้ตัวเองดูดี ฯลฯ คุณอาจไม่เคยได้ยินใครกล่าวเช่นนั้นกับคุณ ... ทว่า อัลมิตราเคย คุณประเมินว่าอัลมิตราตัดพ้อต่อว่าสังคมหรือเปล่า ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นะ ที่คุณคิดเช่นนั้น เพราะอัลมิตราเองก็ไม่ได้อธิบายบริบทรวมทั้งหมดให้คนอ่านเข้าใจ ดังนั้นก็สุดที่ใคร ๆ จะคิด คุณสังเกตอัลมิตรานะ .. หากอัลมิตราเคืองใคร อัลมิตราจะไม่อธิบายความใด ๆเลย ไม่กระทั่ง ฝากอักษรสักตัวด้วยซ้ำไป .. แต่การที่อัลมิตราเขียนตอบคุณยาว ๆ ก่อนหน้านั้น ก็เพราะว่า อัลมิตรามีความรู้สึกดี ๆ กับคุณ จึงอยากอธิบายให้ทราบ ซึ่งก็อัลมิตราก็อาจจะเขียนห้วนไปหน่อย เลยทำให้คุณกังวล .. ไม่เอานะ อย่ากังวลนะคะ ยิ้มสิ แล้วอัลมิตราจะรอให้คุณมาทักทายอีกนะคะ มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
9 สิงหาคม 2550 14:17 น. - comment id 736056
ใจเราเรารู้ดูไม่ออก แล้วทำไมไม่บอกให้รู้เรื่อง มัวเจ้าคิดเจ้าแค้นแสนขุ่นเคือง ใครจะว่าไม่เข้าเรื่องก็ช่างใคร มีอะไรก็บอกกันจิ
9 สิงหาคม 2550 16:46 น. - comment id 736135
ใจเราเราเข้าใจอยู่ คนอื่นฤๅรู้สึกได้ อธิบายยากเค้นเข็นนัย ฤๅใครทราบซึ้งกึ่งทรวง .. บอกแล้ว ป่วยการ ก็ขี้เกียจบอก ..