๏ นึกว่าถึงสายัณห์แล้วฉันท์กาพย์ ณ ยุคบาปครอบงำ- ธรรม ซื้อขาย นึกว่าสูญโคลงกลอนแล้วตอนงาย ยุคนักพรตแพ้พ่ายภัยนารี ๏ นึกว่าไร้แล้วรอยนักเลงกานท์ ยุคทะแกล้วทหารรบภูติผี นึกว่าแหลกลงสะบั้นวรรณคดี ณ ยุคปราชญ์เมธีพ่ายพ่อค้า ๏ นึกว่าสิ้นผู้คนที่สนใจ ณ ยุคทวยถิ่นไทยต่างใกล้บ้า กับกลเร่งบริโภคเกินอัตรา และแย่งหาทางได้แม้ขายตน ๏ ยังเห็น ยังเห็น ยังพอเห็น อย่างพระจันทร์เจียนเพ็ญฉายแห่งหน คืนพรุ่งนี้คงผ่องก่องสกล โคลงบ่หม่นกาพย์บ่หมองไทยกรองธรรม
10 เมษายน 2550 01:06 น. - comment id 681993
นังเลงกลอน กานท์กวี อักษรศิลป์ ยังทั่วถิ่น ดินทอง มิไปไหน แม้นเป็นเพียง กลุ่มก้อนเล็ก ก็พอใจ ที่สืบให้ อักษรทอง ครองแผ่นดิน จากลูกหมูตัวเล็กๆที่มือใหม่หัดขับ(กวี)
10 เมษายน 2550 04:52 น. - comment id 682019
เป็นนักกลอนนอนเปล่าก็เศร้าหนัก ด้วยหลงรักบทกวีมีสีสันต์ แม้หม่นหมองหัวใจใคร่จำนรรจ์ บังเกิดพลันเป็นบทกลอนสอนใจตน แม้บางห้วงบ่วงบาศก์เหมือนขาดวิ่น ใช่จะสิ้นใจรัก..มักฝึกฝน แม้นห่างไกลก็ไปคิดติดกมล เฝ้ารอจนกลับมาเพียรเขียนกาพย์กลอน ป. เชื่อว่าเราไม่สิ้นกวีไปง่ายๆ หรอกค่ะ ดูสมาชิกไทยโพมซิคะ..ตั้งเท่าไร..รวมทั้ง ผู้ไม่ประสงค์จะออกนามอีกไม่น้อยค่ะ
11 เมษายน 2550 03:56 น. - comment id 682218
คำว่าสีสันต์....จริงๆ น่าจะเขียนว่า...สีสัน...ใช่ไหมค่ะ เฮ้อ...ผิดจนได้..แย่ๆๆๆ ป.ปลา
11 เมษายน 2550 06:43 น. - comment id 682243
สวัสดีครับคุณเปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย และคุณปราณรวี วันนี้อากาสเย็นสบายมากครับ ปีนี้เป็นปีประกวดกวีนิพนธ์ ทำให้วงการนักเขียนกลอนโคลงกาพย์ฉันท์คึกคักมาก หนังสือที่คนส่งประกวดมีราว 74 เล่ม นับว่ามาก ยินดีกับทุกคนที่ชอบอ่านกวีนิพนธ์ครับ
11 เมษายน 2550 13:25 น. - comment id 682310
ของดี่มี่ยู อ้าย บอสูญหายไป่ไสเดิ๋ก