๑ หลงจันทร์อันกระจ่าง เด่นกลางนภาสวย เพ็ญพักตร์ลักษณ์สำรวย โสมช่วย รตีสาง ห่างไกลใคร รึ รู้ โฉมตรูดูสว่าง เล่ห์คลุม เพราะหลุมพราง ไหววาง ณ กลางฟ้า ใช่แสงแห่งอนงค์ ยวนหลงองค์สง่า แฝงแสงสุริยา ส่งมาสะท้อนนวล เปรียบเช่นจะเล่นเงา ฉวยเอากระเซ้าสรวล ทรงกลดสลดรวน จิตครวญล้วนรูปทอง กี่ใคร นะได้คิด พลั้งจิตติดสนอง เจ้าจันทร์พลันลำพอง ผยองคะนองหาว ควรแค่ นพเคราะห์ ฤาเหมาะจะเกราะกร้าว ด้อยค่ากว่าแม้ดาว แสงขาวก็แสงตน ๒ คิดขวยหลงจันทร์อันกระจ่าง แลสล้างเด่นกลางนภาสวย งามนัก เพ็ญพักตร์ลักษณ์สำรวย กลางอัมพรโสมช่วย รตีสาง กลกระจ่างห่างไกลใคร รึ รู้ เสมือนว่าโฉมตรูดูสว่าง คลี่ขยายเล่ห์คลุม เพราะหลุมพราง กลไกไหววาง ณ กลางฟ้า แสร้งว่าใช่แสงแห่งอนงค์ ไห้หวนยวนหลงองค์สง่า กลับแกล้งแฝงแสงสุริยา สาดส่อง ส่งมาสะท้อนนวล เย้ายวนเปรียบเช่นจะเล่นเงา เรียกร้องฉวยเอากระเซ้าสรวล ปล่อยปลดทรงกลดสลดรวน ร้อยฤทธิ์จิตครวญล้วนรูปทอง โปรดตรองกี่ใคร นะได้คิด ปวดร้าวพลั้งจิตติดสนอง หลงเงาเจ้าจันทร์พลันลำพอง แสดงตน ผยองคะนองหาว คู่คราวควรแค่ นพเคราะห์ ดิ่งดลฤาเหมาะก็เพราะกร้าว ผู้น้อยด้อยค่ากว่าแม้ดาว สว่างแรงแสงขาวก็แสงตน ๓ หลงจันทร์อันกระจ่าง . . . . . . . คิดขวย เด่นกลางนภาสวย. . . . . . . แลสล้าง เพ็ญพักตร์ลักษณ์สำรวย. . . . . . . งามนัก นอแข โสมช่วย รตีสาง. . . . . . . กลางอัมพร ห่างไกลใคร รึ รู้. . . . . . . กลกระจ่าง โฉมตรูดูสว่าง . . . . . . . เสมือนว่า เล่ห์คลุม เพราะหลุมพราง. . . . . . . คลี่ขยาย ไหววาง ณ กลางฟ้า. . . . . . . กลไก ใช่แสงแห่งอนงค์. . . . . . . แสร้งว่า ยวนหลงองค์สง่า. . . . . . . ไห้หวน แฝงแสงสุริยา . . . . . . . กลับแกล้ง ส่งมาสะท้อนนวล. . . . . . . สาดส่อง สว่างพราย เปรียบเช่นจะเล่นเงา. . . . . . . เย้ายวน ฉวยเอากระเซ้าสรวล. . . . . . . เรียกร้อง ทรงกลดสลดรวน. . . . . . . ปล่อยปลด จิตครวญล้วนรูปทอง. . . . . . . ร้อยฤทธิ์ กี่ใคร นะได้คิด. . . . . . . โปรดตรอง พลั้งจิตติดสนอง. . . . . . . ปวดร้าว เจ้าจันทร์พลันลำพอง. . . . . . . หลงเงา ผยองคะนองหาว. . . . . . . แสดงตน สว่างวาว ควรแค่ นพเคราะห์. . . . . . . คู่คราว ฤาเหมาะก็เพราะกร้าว. . . . . . . ดิ่งดล ด้อยค่ากว่าแม้ดาว. . . . . . . ผู้น้อย แสงขาวก็แสงตน. . . . . . . สว่างแรง มัดหญ้าผูกหนึ่งผู้. . . . . . . พยนต์ กลตั้งเป็นตัวตน. . . . . . . ขันธ์ห้า กลสองส่อไส้ปน. . . . . . . มรรคแปด กลครบจบจึงว่า. . . . . . . สุภาพ สดับเสียง (ม้าก้านกล้วย)
15 กันยายน 2547 02:01 น. - comment id 331681
ทางกลก็คือ ผูกกลอนห้า แล้ว ต่อคำให้เป็นกลอนแปด ซึ่งคำนั้น ต้องเอามาวางให้อยู่ในท่อนหลังแล้ว แลคล้าย คำโคลง
15 กันยายน 2547 04:03 น. - comment id 331695
มาชื่นชมครับ
15 กันยายน 2547 04:39 น. - comment id 331698
แค่มาแบบทำมะด๊า .. ธรรมดา คนก็ดีใจแล้วล่ะน๊า แต่มาแบบพิเศษ ก็น่าสนใจดีนะคะ ขอให้มีความสุขกับเวลาว่างค่ะ ของแจมยังมีความสุขกับการวุ่น ๆ อย่างเดิม
15 กันยายน 2547 07:00 น. - comment id 331741
สวัดีครับ............. ผมเข้ามาอ่านกลอนเพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่แสนดี หาก ผลิใบ ยังอยู่ก็จะคอยให้ความอบอุ่นเช่นนี้ตลอดไป กำลังใจจากข้างในส่วนลึก ไม่ต้องฝึกต้องหามาให้เห็น จะแดดร้อนตอนสายจนบ่ายเย็น จะคอยเป็นกำลังใจให้ดนดี
15 กันยายน 2547 08:10 น. - comment id 331747
.....หลงจันทร์ผันผกคล้าย...............รัตติกาล อาจหม่นจวบดับปราณ....................จิตร้าว เวิ้งว้างว่างศฤงคาร.........................ดังดับ ฤๅกลบจรัสอะคร้าว.........................พร่างฟ้าเดือนฉาย ฯ อรุณสวัสดิ์ค่ะ ... จันทร์ อยู่ที่เดิม กลางวันมองไม่เห็นจันทร์ จันทร์ไม่มีแสงในตัวเอง อาศัยแสงตกกระทบจากตะวัน .. แต่ไยมนุษย์ต่างลุ่มหลงจันทร์ แปลกใจ แปลกใจ ..
15 กันยายน 2547 09:19 น. - comment id 331772
เยี่ยมครับ
15 กันยายน 2547 21:03 น. - comment id 332099
ต้องลองซะแล้วของชอบครับประเภทกลบทต่าง ๆ ยอมรับครับว่าตัวอักษร สามารถนำมาร้อยเรียงสวยงามได้หลายแบบ ไมมีอะไรเกิดความคิดค้นของคนเราครับ บุหลันพลันลอยเด่น ดาวเห็นส่องสลัว แสงจัทร์กระจ่างทั่ว เมามัวมาชื่นชม เมียงมองดู บุหลันพลันลอยเด่น ช่างมาข่ม ดาวเห็นส่องสลัว ฟ้าส่องแจ้ง แสงจันทร์กระจ่างทั่ว หลงคลอเคล้า เมามัวมาชื่นชม บุหลันพลันลอยเด่น เห็นเอี่ยมอ่อง ดาวเห็นส่องสลัว มืดมัวฟ้า แสงจัทร์กระจ่างทั่ว ท้องนภา เมามัวมาชื่นชม งมงายไป
17 กันยายน 2547 10:45 น. - comment id 333062
มาอ่านด้วยชื่นชมมากค่ะ คุณม้าก้านกล้วย เสริมศํกดิ์ สุขเกษมคะ แล้วจะเก็บไว้ดูลีลาว่าพอเข้าใจค่ะ กลบทนี้เล่นได้หลายทางดีค่ะ
17 กันยายน 2547 11:41 น. - comment id 333117
คงจะยากจัง ต้องลองมั่ง ดูแบบของลุงม้าก็แล้วกัน