เสร็จจากงานไถหว่าน...กลางพรรษา ตะแบกป่าโรยละออง....ล่องลมแรก ร้อยเม็ดข้าวขาวฝน...บนดินแตก รอยดินแยกแทรกดิน...ริ้นเรียวใบ ฝนแรกพรำฉ่ำฟ้า...ทาทาบทุ่ง เขียวทั่วคุ้งผักบุ้งร่า...ต้นกล้าไหว น้ำเจิ่งนองคันนา...ปลาเล็มไคล ใต้เงาไทรปลายทุ่ง....คุ้งทิวตาล เห็นไกลไกลชาวนา...ถอนกล้าไว้ สุขวัวควายลุยน้ำ...ตามประสา ย่ำคราดไถตมเลน...เต็มท้องนา หมู่นกกาจับหว้าใหญ่...ไล่ระบำ เท้าลุยโคลนโคนกล้า...พาลงปัก เกณฑ์พร้อมพลักลงแขก...แรกนาขวัญ ดอกทองกวาวพราวพร่าง....นั่นบัวบาน สุขสำราญเสร็จนา...กล้ารัดใบ เพลงขลุ่ยหวานผิวแผ่ว...แว่วฟังว่า หนุ่มบ้านนาร้างคู่...ดูเดือนหงาย เดือนสิบเอ็ดล่องนาข้าว...หนาวหัวใจ รออุ่นไอไล่ลมหนาว....ข้าวรอรวงฯ .......................................................... เสร็จจากงานหว่านไถแล้ว ฝนโปรยลงมาน้ำท่าเต็มทุ่ง ถึงเวลาที่กล้าระบัดใบงามรอถูกถอนไปปักดำ ดอกไม้ทุ่งบานฉานล้อลมฝน.....สุขใดไหนหนา สวรรค์บ้านนา
3 เมษายน 2546 16:51 น. - comment id 121843
....เพราะดีครับ......ขอให้มีหลายๆภาคเหมือน 007..นะครับ
3 เมษายน 2546 19:26 น. - comment id 121870
มาขอศึกษาท่าน
3 เมษายน 2546 19:36 น. - comment id 121874
เพลงขลุ่ยหวาน ผิวแผ่ว แว่วฟังว่า อนิจจา หนุ่มบ้านนา มาร้างหนอ เฝ้ารอรัก อุ่นไอหนาว สาวไม่รอ อยู่ไหนหนอ จงกลับมา ข้ายังคอย...ฯ ไพเราะมากค่ะ..สื่อความหมายได้ดีมาก..ขอชื่นชมด้วยใจจริง...แวะมาทักทายค่ะ
3 เมษายน 2546 22:08 น. - comment id 121916
พึ่งจารู้อ๊ะ ว่าเค้าหว่านและไถหลังจากพรรษาอ๊ะ นึกว่าถึงหน้าเกี่ยวข้าวแล้วอ๊ะอีก อิอิ แค่แซวเล่นนนนนนะ อิอิ
3 เมษายน 2546 22:43 น. - comment id 121927
ชอบตะแบกค่ะ.. ไว้แต่งกลอน ดอกตะแบกบานให้อ่านบ้างนะ หวาน ๆ ล่ะ..
3 เมษายน 2546 22:43 น. - comment id 121928
พี่เสก.....จริงแล้วแต่ละที่นั้นมีฤดูการทำนาที่แตกต่างกัน ที่บ้านผมนาปีจะเริ่มประมาณเดือนเจ็ดเดือนแปด กว่าจะถอนกล้าดำนาได้ก็ไปเกือบเลยพรรษา และจะไปออกรวงก็เดือนสามเดือนสี และก็เก็บเกี่ยวเดือนห้าครับ แต่เดี่ยวนี้มีฤดูกาลทำนานหลายครั้งในแต่ละปี ไม่ได้พึ่งฟ้าพี่งฝนเหมือนแต่ก่อน จะหว่านไถเมื่อไหร่ก็คงจะไม่แปลกอยู่ครับ
3 เมษายน 2546 22:46 น. - comment id 121930
อ่ะ..อ้าว ตามจับตัว นิว ได้ด้วยแฮะ.. โพสเวลาเดียวกันเป๊ะ..เลย.. ยังงี้.. ดอกตะแบก ต้องได้เร็ว ๆ นี้ด้วยนะ.. ในฐานะ ใจตรงกัน อิอิ (((เกี่ยวกันจั๊ง)))
3 เมษายน 2546 23:00 น. - comment id 121936
ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วงที่น้องเชิญชม หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องล้างคนเกี่ยว รวงข้าวคอยเคียว น้องนี้คอยเหลียว คอยนับวันรอพี่มา..... กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย เพลงเค้าว่าไว่อย่างนี้...เศร้าเนอะ ไว้ไปหารูปดอกตะแบกหลวงมา รจนากลอนกำนัลคุณสีน้ำฟ้านะครับ ผมรักดอกตะแบกครับ สัญญา
3 เมษายน 2546 23:30 น. - comment id 121947
จริงแล้วด้วยแรงบันดาลใจจากทุ่งกว้างและนาไกลล้วนๆ ณ วันนี้นั้นยังโหยหาอยู่มิได้เสื่อมคลาย ถึงแม้จะถ่ายทอดออกมาได้ไม่ดีนัก ก็เพราะธรรมชาติจริงๆ นั้นงดงามเกินกว่าจะบรรยายได้นั่นเอง ขอบคุณคุณวิจิตร คุณน้ำ คุณราชิกา พี่เสก สีน้ำฟ้า ที่ยังมาเป็นแรงใจให้เสมอ เสมอ ครับ
3 เมษายน 2546 23:32 น. - comment id 121950
ตะแบกแบกรักพราวทุกราวกิ่ง แบกรักจริงจากใจไยพ่ายฝัน แบกความรักความคิดถึงมานานวัน ปลดแบกพลันได้ฤดีที่เบาสบายใจ..
3 เมษายน 2546 23:39 น. - comment id 121958
ตะแบกแบกใจใครทั้งโลก แบกรอยโศกรอยเศร้าร้าวรานขวัญ แบกรักหวานผ่านไปเนิ่นนานวัน แบกเงาฝันวันลาลับไม่กลับคืน..
3 เมษายน 2546 23:47 น. - comment id 121965
ดอกตะแบกแรกรัก..รักปักอก ในหัวอกฟกร้าว..ราวถูกศร ตะแบกร่วงห่วงคนไกลใจอาวรณ์ ให้ร้าวรอนตอนสนธยา...น้ำตาริน ตะแบกที่เริ่มบานจะเป็นสีม่วงงาม ดูสงบ แต่กลับเปลี่ยนสีเมื่อโดนแสงแดดแผดเผา บางที่เหมือนกันใจคนเรา..ถ้าเราปลดภาระที่เอามาแบกไว้ออกเสียบ้าง ชีวิตคงจะล่องลอยและเป็นอิสระมากกว่านี้นะครับ คุณพุดพัดชา...ขอบคุณที่แวะมานะครับ จากถอนกล้าดำนามาเป็นตะแบกเสียดื้อๆ เลย
4 เมษายน 2546 00:02 น. - comment id 121980
กล้ารัดใบไกวลมห่มท้องทุ่ง ถือกระบุงจับปูนากินกล้าอ่อน เอามาตำให้แหลกร่อนกระชอน ทำน้ำปูข้าวร้อนอร่อยจัง กินกันแบบชาวทุ่ง
4 เมษายน 2546 00:11 น. - comment id 121984
กลับมาบอกนะคะว่าประทับใจภาพประกอบทุกภาพเลยค่ะและประทับใจกลอนแนวธรรมชาติทุ่งนาป่าเขาที่เขียนได้งามจริงๆ วันนี้กลับไปอ่านงานลำน้ำน่าน มีความสุขใจจัง ไม่ทราบจะบอกถึงทั้งหมดของความอิ่มในใจได้ยังไงดี..
4 เมษายน 2546 01:32 น. - comment id 122009
อยากฟังเสียงขลุ่ยจัง. .. =^_____^=
4 เมษายน 2546 10:16 น. - comment id 122089
ขอบคุณค่ะ..พุดพัดชา ใจดีจัง... ใช่..ตะแบกบานแล้วร่วง...สีม่วง..งามจับใจ จริง ๆ ตะแบกกลีบบาน..สีหวานถูกใจ..เฮ้อ.. ทำไมแจมพรรณนา..ชมนก ชมไม้ไม่เป็นน๊า..ไว้จะหัด ๆ
4 เมษายน 2546 10:21 น. - comment id 122094
ภาพท้องนาที่ข้าวเขียวขจี..อยู่บนถนนสายหนึ่ง ที่เคยใช้เดินทางประจำ ผุดพรายขึ้นมาในความทรงจำ.. สายลมแผ่วพริ้วพัดมา หอมกลิ่นดิน..ไอโคลน.. ยามฟ้าหลังฝน อาทิตย์อัสดง..เคลื่อนคล้อยลับเหลี่ยมเขา..ทิ้งแสงสุดท้ายไว้ที่ปลายฟ้าไกล .. สีส้มจาง ๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเสมอ.. คิดถึงท้องนาค่ะ
4 เมษายน 2546 11:00 น. - comment id 122107
คุณฤกษ์..แถวบ้านผมเค้าเรียกว่า มอบปู เป็นแกงชนิดหนึ่งที่ใช้น้ำตำปูมาแกง ใส่กะทิ กินกับยอดกระโดน ยอดจิก ฯลฯ กับข้าวนี้ที่โปรดปราน คุณพุดพัดชา..แวะมาอีกรอบ รู้สึกถึงหัวใจที่ล้นเปียมด้วยพลัง ที่จะสร้างสรรค์และนำเสนอสวรรค์บนดินถิ่นรวงทอง ด้วยได้มอบดวงใจนี้ให้กับทุ่งรวงทองเสียแล้ว แม่มดน้อย...ลำน้ำน่านจะเป่าขลุ่ยให้ฟัง หากต้องมาฟังที่หลังกองฟางนะ หอมฟางด้วย สีน้ำฟ้า....ลองมองไปรอบตัวๆ ซิ มีนกมีไม้หรือเปล่า ดอกไม้ดอกเดียว ก็บานหวานในหัวใจได้แล้วหล่ะ ลองดู สักวันคงเขียนได้ครับ เป็นกำลังใจให้สำหรับคนในมิติเดียวกัน โน่นไงนกบิน เอ่ยปากชมซินะ คุณริมธาร....ถนนสายเก่าที่ว่านั้น ยังอยู่ในความทรงจำเสมอ ไว้เป็นแรงบันดาลใจ รู้ว่าถนนสายนี้ต้องเดินกลับบ้านเราอย่างแน่นอน ขอบคุณที่แวะมาครับ
4 เมษายน 2546 13:38 น. - comment id 122166
เป็นปลื้มล้นหลามกับไมตรีจิต หยิบยื่น มิตร ให้ด้วยใจรักในมิติเดียวกัน ความจริงบทกวีที่นำเสนอ นั้นส่วนหนึ่งในฉากชีวิต ด้วยในวัยเด็กเติบโตมากับธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร ผมถือว่าธรรมชาติเหล่านี้คือ มิตรผู้มีอุปการมาก แล้วจะคอยอ่านบทกวีที่จะนำมาลงนะครับ คุณพุดพัดชา
5 เมษายน 2546 14:14 น. - comment id 122479
คนของธรรมชาตินี่ สวยงามจริงๆเลยนะครับ ธรรมชาติของคนก็น่าจะสวยงามเหมือนกันผมหวังเช่นนั้น....ขอเป่าขลุ่ยเพลง เสียงขลุ่ยเรียกนางให้พี่ลำน้ำน่านจากใจครับ
5 เมษายน 2546 15:15 น. - comment id 122504
ต้องขอบคุณคนที่ดลใจ ให้หวนไอดินกลิ่นหญ้าครั้งหนึ่งตรึงติดนิรัน การทำนา เพื่อนคู่ใจนอกจากมีรถเต่า แลมีเจ้าควายเหล็กหัวใจเหล็ก สูบน้ำเข้าเสร็จ รถไถใช้ผานเดินตาม แลคาดให้ดินเสมอน้ำระดับเดียวกัน กระบุงข้าวงอกหว่านทั่วนา พาสุขใจ ใช้ชีวะวิธีนิเวศดินทรัพย์สินปัญญาไท ได้ข้าวมาเต็มทุ่งทองนาหอมดินหญ้า มีรถเกี่ยวมาอาสา สบายไปเรา ตอนขายได้เฮฮา ฉลองเย็นอุรา ดักปลามาแกง ดักหนูนามาย่าง สวนเสเฮอาหมู่เรา ลูกชาวนา เหนื่อยนักพักใจ ในเนา หายใจเข้าออกผ่อนผันผ่านกาลยาว ราวทุ่งทองข้าวท้องเต็มลออตา จัดข้าวปลาย่างหอมยวนใจ ไครเหงื่อเพื่อไหลอาบฉาบทา แกร้งผิวกำพร้ากร่านลมชม หม่ไอรวีมิร้อนรนดลกลอนกานต์ ขานเพลงทุ่งรวงทองของชรินนันทนาคร ร้องเพลงทั้งวันนิ พ่อผมก็ทำนา แลผมก็อาสา เลยดลกลอนจากใจ ครั้งหนึ่งผ่าน วานยังจำจาร ขานเพลงขับ ควายเหล็กเราเก่าดีนิ นินิ
6 เมษายน 2546 02:19 น. - comment id 122836
....คุณเจือจันทร์ จริงแล้วชีวิตของคนเราก็คือธรรมชาตินะครับ เรามาจากธรรมชาติและเราก็จักคืนสู่ธรรมชาติ ผมชอบเพลงเสียงขลุ่ยเรียกนาง หลงไหลเสียงขลุ่ยนานเนาในความรู้สึก .....คุณน้ำ ผมเชื่อแล้วว่าคุณเป็นลูกชาวนาจริงๆ แต่คงจะไม่เคยไถนากับวัวจริงๆ เป็นแน่
8 เมษายน 2546 16:22 น. - comment id 123893
ดอกเอ๋ยดอกตะแบกแปลกกว่าเขา เจ้าแบกบ่าหามงานคอยแบ่งเขาเรา จบวันวันเข้าครัวรัวการกิน ดินผืนนี้เป็นที่พักใจ แม้มิใหญ่เท่าใครเขาหวังว่า แต่จะแบกรักทุกคนไว้ในอุรา จนกว่าจะถึงวันฝันเป็นจริง ด้วยความศรัทราต่องานคือการทำให้ดีที่สุดเพื่องาน ด้วยสติจึงมีความรักให้กับคนดีทุกคนเช่นใจรู้ใจสอนใจและใจแรกใจหาใดมากกว่านี้อีกหรือไรคนดีขวัญตาแก้วใจพี่เอย
8 เมษายน 2546 16:25 น. - comment id 123894
เอไปไหนจ๊ะ ทุยหิวฟางแล้วมารอพี่น่านคนดี
8 เมษายน 2546 22:26 น. - comment id 124078
อ้าว มาแล้วมาแล้ว พอดีไปร่วมขบวนกลองยาวที่กลางนาอะครับ พี่ฤกษ์เค้นำขบวนเอง สนุกสนามครื้นเครงกันยกใหญ่ ลืมเอาเจ้าทุยไปกินหญ้าเลยอะครับ อิอิ แย่จริงๆ เลยผม นี่นี่ ถ้าอยากร่วมขบวนกลองยาวก็ไปที่ กระทู้ เนื่องด้วยข้าวภาค 3 ซิครับ กำลังสนุกเชียว อิอิ เอ้ว มาละเหวย มาละว้า ฮุย ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆ โมง โมง โมง