๑ นั่งทอดหุ่ยมีขลุ่ยผิวกับวิวทุ่ง สายลมอ่อนกระจายฟุ้งจรุงขวัญ ทอดถอนใจไฉนหนอขอรำพัน สักกี่วันถึงเข้าไปในใจนาง ๒ เอื้อมหยิบขลุ่ยมาผิวแผ่วเป็นแนวเศร้า บรรเลงร้าวความรู้สึกผลึกร้าง กาเหว่าขานรับรู้อยู่ห่างห่าง เสียงขลุ่ยครางเร่งเร้าความเหงาจริง ๓ ขลุ่ยเลาเดียวจะเกี่ยวโน้มโฉมไฉน เสียงขลุ่ยใช่เสียงทิพย์กระซิบหญิง นั่งทอดหุ่ยผิวขลุ่ยเพลินจำเริญยิ่ง บรรเลงเพลงจากใจจริงสิงสายลม ๔ แสงแดดอ่อนสายลมเอื้อยเฉื่อยฉิวโฉบ สายลมโอบกลิ่นไอฉ่ำยามเหมาะสม เสียงขลุ่ยทอดเสียงยาวเจ้าคงตรม ไร้คำคมไปหาญแข่งแย่งกับใคร .. ...
9 กันยายน 2545 08:50 น. - comment id 74651
เหงาๆแต่ก็ได้บรรยากาศริมทุ่งที่มีลมพัดอ่อนๆและตอนนี้กำลังเขียวขจี
9 กันยายน 2545 08:56 น. - comment id 74653
๑. .....หวีดหวิวทิวทุ่งท้อง-..........................นาครวญ ลมแผ่วแนวรวงรวน................................เลื่อมแล้ เรียงรายหมายชมชวน.............................เฉียดช่อ งามเฮย เหลืองเรื่อเฝือชะแง้................................แต่ล้ำงามจริง ฯ ๒. .....หลากพันธุ์พฤกษ์พืชน้ำ......................ตามนา อวดดอกออกงามตา..............................แต่งแต้ม พังพวยช่วยประดา................................ประดับทุ่ง บานเบ่งเกรงกลีบแง้ม............................แช่มต้องหมองลม ฯ ๓. .....หากหรีดหริ่งร่ายร้อง........................ดองเสียง สดับเทอญ เพรียกแผ่วแนวรวงเรียง........................เยี่ยงเย้า ทำนองถ่องจิตเพียง...............................ฉันท์เฉิด ดังดุริยางค์เร้า......................................เร่งร้องผองเพลง ฯ ๔. .....ชายตาคราย่ำเท้า...............................คราวเยือน ลมล่องมองดาวเดือน.............................เคลื่อนคล้อย สกาวสะเก็ดเตือน...................................เดือนหล่น หลีกฤา พวยพุ่งจรุงชม้อย.................................ชมื่นฟ้าครารัต- ติกาล ฯ ๕. .....บรรจงตรงสู่ท้อง............................ธารใส บัวเผื่อนเหมือนเตือนใจ.........................ใฝ่คว้า เหลืองหลากมากวิไล..............................หลบกลีบ งามแฮ คงเบ่งบานระย้า...................................รุ่งเช้าอรุณฉาน ฯ ๖. .....พิศม์เพียงเมียงแล้วย่ำ......................บทจร จำจากหากอาวรณ์.................................ก่อนร้าง กาลผันผ่านพลันคลอน..........................แคลนจิต เราฤา ภาพทุ่งผดุงอ้าง..................................ห่างให้หวลหา ฯ ๗. .....ห่างเหิรหาบหอบหิ้ว..........................หันหา- เฮือนแฮ หายห่วงหุนหันฮา..................................แหบแห้ง โหยหิวฮวบฮาบหา................................( อา )หารห่อ หาห่อนหวงหับแฮ้ง..............................หัทย์ฮ้างหรรษ์เหือน ฯ ๘. .....ห่าง....ไกลหมายผ่านท้อง-.................นาถวิล หาย.....ลับกลับยลยิน...........................เยี่ยมใกล้ โหย.....หา กว่าจิตผิน-..........................ผกแผ่ว ดับนา หา.....จิตคิดครวญให้..........................ใฝ่ต้องจินต- นาการ ฯ ท่านพี่วลี ขอฝากมนต์รักลูกทุ่งด้วยนะ
9 กันยายน 2545 09:47 น. - comment id 74664
อยากไปนั่งเล่นบ้าง..
9 กันยายน 2545 11:00 น. - comment id 74700
^*^ ^*^ ^*^อื้ม..ชอบบรรยากาศแบบเนี้ยจัง^*^ ...............................................
9 กันยายน 2545 16:49 น. - comment id 74775
หุหุหุ..พี่วลี เป็นกลอนที่ให้ความรู้สึกดีมากๆๆเลยคะ เพราะๆๆบรรยากาศอบอุ่นๆ..
9 กันยายน 2545 17:34 น. - comment id 74798
เพราะดีจังเลยพี่วลี.......
9 กันยายน 2545 18:13 น. - comment id 74842
ฉฉฉ
9 กันยายน 2545 19:58 น. - comment id 74882
..นั่งชมวิวทิวทุ่งนา.. มองท้องฟ้าแสนสดใส ต้นข้าวเรียวเขียวแก่วงไกว สายลมไล้ลู่ลมสะบัดใบ ข้าวไหวโอนลู่ลามตามสายลม
9 กันยายน 2545 20:09 น. - comment id 74889
นึกถึงแบบลูกทุ่ง ไม่งั้นก็จอมยุทธอกหัก อะพี่วลี
9 กันยายน 2545 20:10 น. - comment id 74890
นึกถึงแบบลูกทุ่ง ไม่งั้นก็จอมยุทธอกหัก อะพี่วลี
9 กันยายน 2545 21:43 น. - comment id 74931
ธรรมชาติอันงดงามกับบทกลอนงามงด อิอิอิอิ