กลางแดดบ่ายสายตะวันอันแรงกล้า ใต้ท้องฟ้าน้ำเงินครามอร่ามแสง แผ่เหนือแหลมแม่พิมพ์ ณ เมืองแกลง มีหมวกสวมบังแดดแรงแล้วก้าวไป ถอดรองเท้าย่ำเปล่าลงกับพื้น ย่ำลงผืนพื้นทรายทะเลใส ย่ำวิ่งบนชายน้ำทะเลไกล สบายใจไว้กังวลไว้ชั่วคราว แดดยังจ้าจากฟ้าฟ้าสะอาด จึงต้องจากจากหาดทรายสีขาว ลงทะเลเล่นน้ำกันเกรียวกราว เวลาคราวโอกาสที่มาเที่ยวกัน บ้างปีนขึ้นเรือกล้วยไม่กลัวหล่น ร่วงรายคนเมื่อเรือลองเลี้ยวหัน พวกเล่นน้ำทะเลเฮฮากัน เดินหาดนั้นคว้ากล้องจ้องผ่านจอ คลื่นอ่อนโอบเม็ดทรายแสนละเอียด คลื่นเซาะเลียดเลาะร่นแล้วซัดต่อ คลื่นเซาะสาดใส่ฝั่งไม่เคยพอ ไม่ย่อท้อเมื่อยล้าสักนาที พอสายัณห์ตะวันเคลื่อนอาทิตย์คล้อย แสงเศร้าสร้อยแสนโศกทุกสรรพ์สี เงาไม้ทาบชาดฉานเหนือนที ปฐพีทั่วภพสงบลง ขยับไหวเพียงฝูงหมู่ปูลมน้อย ที่คอยค่อยขุยทรายปั้นผุยผง ระริกวิ่งตรงไปตามทางไม่ตรง เลี้ยวหลบคนเพื่อคงเผ่าพงศ์ปู ตะวันวับลับเมฆแล้วลาโลก ยอดสนโบกดังเพียงเสียงลมอู้ คนคอยมองต้องละจากที่คอยดู ย้อนกลับสู่ที่พักที่หลับนอน ถึงเวลาจะได้พักโปรดพักเถิด อะไรเเกิดออกไปจากใจก่อน เมื่อคล้อยเย็นยามเย็นอย่าหลงร้อน จะมีพรอรุณใหม่มาให้ใจ
1 สิงหาคม 2551 00:01 น. - comment id 881494
งดงามดีครับ
1 สิงหาคม 2551 13:49 น. - comment id 881641
มาให้กำลังใจครับ....
1 สิงหาคม 2551 21:21 น. - comment id 881785
ไม่เคยไปนะค่ะ สำหรับแหลมแม่พิมพ์ แต่กลอนนี้อ่านแล้วให้นึกถึงตอนไปเที่ยวระยองกับเพื่อน ๆ ค่ะ สนุกสนานมาก
6 สิงหาคม 2551 18:09 น. - comment id 883220
คุณ รัมณีย์ -- ขอบคุณมากครับ คุณ ฝากฝัน -- ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ คุณ ผู้หญิงไร้เงา -- ว่างเมื่อไหร่ก็ไปเที่ยวนะครับ ขอบคุณมากครับ