คลึ่ม คลึ่ม เสียงฟ้าร้องก้องท้องฟ้า ก้อนเมฆามืดดำกล่ำฟ้าหม่น สายฝนแลบแปลบแปลบใจอยู่เบื้องบน ท้องฟ้ามัวมนเพราะฝนกำลังจะตก เฝ้าคอยแต่แลมองฟ้าครามัวหมอง แสงสีทองท้องฟ้าดับลับเลือนหาย เม็ดฝนโรยโปรยลงมาร่าประปราย วิหกขึ้นเรียงรายสายฝนลง ได้เพียงแต่แค่มองดูอยู่ตรงนี้ ซึ่งเป็นที่ที่หลบฝนทนเหน็บหนาว เขียนกวีแต่งรับดับเป็นเรื่องราว ให้แพรวพราวกล่าวได้หลายอารมณ์ เวลานานผ่านไปใจวาบหวิว สายฝนลิ้วพลิ้วไปในแรงลม กระหน่ำตกปกไม่มิดปิดผู้คน ทั้งสายฝนและแรงลมพรมพัดไป ยังคงหลงไหลในฟ้ากว้าง เมฆฝนจางพรางหายกลายมัวหมอง เริ่มเห็นหมอกทิวละลอกเป็นครรลอง ท้องฟ้าเรืองรองเมื่อจ้องมองตอนฝนซา หมอกขาวเหลือไว้บนไหล่เขา เห็นเป็นเงาเบาบางข้างภูเขียว เบิกฟ้าพาใจให้หายเปลี่ยว วิหกเคี้ยวเที่ยวไปเมื่อฝนจาง
28 พฤษภาคม 2551 11:15 น. - comment id 854593
สวัสดีครับ บรรยายเรื่องฝนจนผมเปียกเลย คุณนกตะวันก็มาละลอกหนึ่งแล้ว ยังมาต่อด้วยคุณ ชื่นชมครับเพราะจริงๆ คนแถบนี้เขาเก่งกันจัง เรื่องบทกวีเนี่ย
28 พฤษภาคม 2551 11:47 น. - comment id 854598
ขอบคุณครับคุณดาวระดากลอนคุณ ก็เพราะมากเหมืนกันนะครับ เข้ามาบ้านกลอนมีความสุข ทุกครั้งเลยครับ