คำว่ารัก...
Clad in Black
คำว่ารัก...
กาลครั้งหนึ่ง(ไม่นานมานี้)มีชายสามคน
ทุกคนต่างดิ้นรนและถอยหนี
กับความทุกข์ที่ตนได้อยู่แรมปี
สามคนต่างวิ่งหนีจากมัน
ชายคนที่หนึ่งอ้างว่า...
วันนี้ฉันเจอกับความทุกข์
เหมือนวันศุกร์ที่เพิ่งผ่านมา
แล้ววันก่อนๆหน้า...
ฮะๆ...นั้นแหละหนา..ก็เหมือนเคย
ชายคนที่สองตอบกลับ...
ฉันไม่เคยคิดจะมานั่งนับ
กับความทุกข์ที่ฉันได้สักที
..ทุกวันมันก็มีแต่ความเศร้า
เจ็บปวดร้าวอยู่แล้วนี่!
ชายคนที่สามพูดขึ้นทันที...
ก็ใช่นะซี แล้วจะทำไม?
. . .
และแล้วมาถึงวันหนึ่ง วันที่ซึ่งต่างออกไป
ชายคนที่หนึ่งวิ่งไปเร็วไว ออกค้นหาความนัยที่ไม่เจอ
เขาออกค้นหาความลับ ซึ่งออกจะนับไม่ได้
เพราะสิ่งที่เขาค้นหาไง มันคือความรักในใจที่หาไม่เจอ
กล่าวถึงชายคนที่สอง เขากำลังนั่งมองชายคนที่หนึ่ง
ปากก็บ่นพรำพรึมว่า... โง่ทึ่มอะไรอย่างนี้...
ฉันไม่คิดจะนับวันเป็นแรมปี เช่นเดียวกันกับที่แกทำ
ออกตามหามันไปทำไม ความรักโง่เง่าที่เคยฝัน
อยู่กับความจริงดีกว่ามั้ง สร้างสรรความทุกข์ให้ดูดี..
กล่าวถึงชายคนที่สาม กำลังนั่งอยู่ข้างๆชายคนที่สอง
สายตากำลังจ้องมอง สอดส้องหาความจริง
อาจจะจริงของแก มันโง่แท้อะไรอย่างนี้
เท่าที่ฉันกำลังดูมันอยู่นี่ ไม่เห็นอะไรที่มันจะดีได้เลย
ความรักโง่เง่าอะไร ไร้สาระจะตาย...อยากบ้า
จมอยู่กับความทุกข์ดีกว่า ยอมรับสิว่า..มันดี
. . .
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ชายคนที่หนึ่งก็ประจักษ์
ว่าคำว่ารัก... มันอยู่ไม่ไกลนักจากจิตใจ
เขาได้ครอบครองมัน และกำลังจะมีความฝันใหม่
คำว่ารักมันยิ่งใหญ่ และใครต่อใครก็ต้องการมัน
ชายคนที่สองกำลังนั่งมอง สอดคล้องกับชายคนที่สาม
เวลานี้แม้ว่าจะเนิ่นนาน และชายคนที่สามก็ยังเหมือนเดิม
แต่ว่าน่าแปลก เมื่อชายคนแรกได้พบรัก
ชายคนที่สองก็กลับผลัก ความทุกข์แล้วออกก้าวทันที
เขากระทำอย่างชายคนแรก ไม่ผิดแปลกไปสักที่
ไม่นานความรักที่เคยมี ก็กลับมามีอีกครั้ง...น่าดีใจ
เสียดายแต่ชายคนที่สาม ..เค้ากลับห้ามใจไว้
กลัวว่าความรักที่อาจจะได้ จะทำร้ายเขาดังครั้งก่อน
. . .
เวลาผ่านไปอีกหลายปี ชายคนที่หนึ่งกำลังจะมีลูก
ชายคนที่สองกำลังจะได้ปลูก ต้นรักใหม่กับใครสักคน
ชายคนที่สามกำลังนั่งจ้องมอง น้ำตาหลั่งคลอนัยนา
ปากบ่นพรึมไม่เป็นภาษา คำว่ารักของข้าอยู่ที่ไหน...
. . .
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เวลามีค่าเสียยิ่งกว่าอะไร
บางทีความรักที่อยู่ในใจ อาจจะใช้เวลาค้นหาได้เจอ
มันเป็นสิ่งอยู่ไม่ไกลตัว เราอาจจะหันหัวแล้วเจอได้
คำว่ารักมีอยู่รอบเราไป ก็แล้วแต่ใครจะมองมัน
ดูอย่างชายคนที่หนึ่ง เค้าเคยพรั่นพรึงและผิดหวัง
เอาแต่นั่งนับวันคืนปัน ความทุกข์ไปไม่รอรี
แต่แล้ววันหนึ่งก็คิดได้ ไม่เหมือนนายคนที่สอง
คนประเภทนี้อาจต้องรอ ให้พบความจริงที่เห็น
แต่ว่าก็ช่างปะไร เวลามีให้กับเขาอยู่แล้วนี่
แล้วสักวันคนอย่างนี้ จะใช้เวลาไปมากกับการหามัน
แต่...ชายคนที่สาม เวลาสักยามจะมีไหม
เมื่อเขาไม่มีกะใจ จะลุกหาคำว่ารักใหม่ให้กับตัวเอง
. . .