หมู่บ้านเราเขาว่ามันล้าหลัง เหมือนเมื่อครั้งปู่ย่าเคยอาศัย เรียกบ้านนอกคอกนาว่ากันไป ถึงอย่างไรฉันรักอยู่หมู่บ้านเรา เลื้อยลูกรังวางรอยค่อยค่อยเลี้ยว ผ่านทุ่งเปลี่ยวเปิดทางอย่างเหงาเหงา รำเพยลมเรียบล้ามาเบาเบา ฝุ่นสีเศร้าไหววู่อยู่บางบาง ใครคนหนึ่งเคยชี้หน้าว่าฉันโง่ ไม่ต้องโงหัวเด่นก็เห็นหาง ทำเผยอยิ้มย่องไม่มองยาง เขาสองข้างทั้งคู่รู้ว่าควาย ไหวน้ำตาอาดูรดังสูญสิ้น กรรแสงสินธุ์นัยน์ท้นข้นความหมาย ขณะจิตเจ็บรู้จู่กระจาย สติคลายทยอยคลื่นกลับคืนคง เมื่อวัดคนตรงทุนใช่คุณค่า และมุ่งว่าเนื้อเนมต้องเหมหงส์ เมื่อตีกรอบครอบใจแต่ในกรง ขอบรรจงวางกรุงมุ่งกลับมา อนามัย ใช่! เราเพียงเท่านี้ แต่ที่นี่ฉันอยู่รู้รักษา ได้ปลอบโศกหมองเศร้าชาวประชา ได้ลงนาสมเห็นฉันเป็นควาย หมู่บ้านเราเขาว่ามันล้าหลัง รอยลูกรังเลี้ยวรู้สู่จุดหมาย ถึงเป็นปลักเหม็นเปื้อนไม่เคลื่อนปลาย ฉันขอตายเคียงคู่หมู่บ้านเรา/.
12 กุมภาพันธ์ 2546 15:32 น. - comment id 108623
บ้านเราทางลูกรังก็บ้านเรา อยู่บ้านเขาทางซีเมนต์แต่ไร้รัก คนบ้านนอกคอกนาใจแน่นหนัก มีแต่รักจริงใจมาให้กัน สวัสดี ชื่นชมบทกลอนครับ
12 กุมภาพันธ์ 2546 21:38 น. - comment id 108670
ปรัชญา แนวคิดดีครับ
13 กุมภาพันธ์ 2546 19:25 น. - comment id 108793
ขอบคุณมากครับ