เมื่อสมมุติตัวตนเป็นคนสุข
หรือคนทุกข์แทนคนที่ตนเขียน
ก็เป็นความ รัก-ชัง แบบนั่งเทียน
แม้พากเพียรพยายามตามเข้าใจ
อาการเก็บเจ็บเศร้าและร้าวลึก
จะรู้สึกเจ็บแค้นแทนมิได้
ความกลัดกลุ้มคลุ้มคลั่งดั่งเปลวไฟ
ก็ของใครของมันทุกวันคืน
การเขียนบทกวีที่คิดนึก
เพื่อแทนความรู้สึกของคนอื่น
ดูคล้ายคล้ายหลอกต้มมิกลมกลืน
เหมือนกับขืนอารมณ์โดยสมมุติ
แต่การเขียนบทกวี...ที่มีเธอ
ล้วนล้นเอ่อจากใจใสพิสุทธิ์
มิว่าสุขหรือเศร้าเคล้ารักคุด
หรือที่จุดแสนหวานน้ำตาลอาย
เขียนอยู่ในอารมณ์แอบอมยิ้ม
ด้วยเอมอิ่มปริ่มสุขทุกความหมาย
เหมือนพระจันทร์กลั้นยิ้มพะพริ้มพราย
ด้วยเอียงอายอ้อมแอ้มจนแก้มแดง
จึงเปรียบเช่นบทกวีแต้มสีสัน
แก่ชีวันหงิมหงิมให้ยิ้มแฉ่ง
เหมือนดั่งสิ่งสร้างเสริมเติมเรี่ยวแรง
ให้แสวงความฝัน...ขั้นต่อไป