เหมายัน
ศิวสิโรมณิ
อัสสุชลล้นเอ่อไหลระรื่น
ประดุจคลื่นยามสงบวาโยหาย
ก่อนหยดหยาดพิรุณจะโปรยปราย
เสมือนคล้ายทุกอย่างสลายไป
ดวงจันทราที่งดงามเคลื่อนประดับ
โสตสดับสุรเสียงจากแดนไกล
ดุจสายลมพัดพลิ้วคอยปลอบใจ
ให้หลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทรา
เมื่อถึงคราวยามหลับยังคงฝัน
ไม่แปลผันยังคำนึงดั่งมัจฉา
ที่เคลื่อนไหลว่ายไปไกลในธารา
แม้นนิทราไม่เว้นวางว่างเปลี่ยวใจ
ดั่งดวงดาวดวงเดือนนั้นดับมืด
จะมีคืนไร้สิ้นแสงอีกนานไหม
รัตติกาลช่างเนิ่นนานแสนยาวไกล
อโณทัยถึงกาลใดจะหวนมา
นานเท่าไรความเศร้าจึงจางหาย
ต้องเดียวดายต่อไปอย่างไรหนา
สิ่งร้าวรานคือการต้องจากลา
ที่นำพาความโศกามาสู่ใจ
ส่วนกายาเสมือนสิ้นไร้เรี่ยวแรง
ดุจดั่งแสงเพียงเลือนลางจางหายไป
จะกล้ำกลืนความรู้สึกนั้นเช่นไร
แล้วแต่ใจเอาชนะตัวเราเอง
..........................................
เมื่อเปิดตาเปิดใจหันมองกลับ
แม้จะลับผู้ลาจากยังแลเห็น
ความห่วงใยจากใจจริงของผู้เป็น
แม้นยากเย็นเพียงใดจงลุกยืน...