มวลบุปผา มาลี หลากสีสัน สารพัน ยวนตา น่าถนอม หมู่ภมร รุมเร้า เฝ้าไต่ตอม ครั้นหมดหอม ราโรย ก็โบยบิน ดอกเฉาลง หล่นไป พลันไร้ค่า ความโสภา อ่อนช้อย พลอยสูญสิ้น มิดึงดูด ยั่วเย้า เหล่าภุมริน ทั้งสีกลิ่น กลีบวาย กลายเป็นตม ดุจสตรี สุดงาม ยามแรกสาว วัยถึงคราว อภิราม งามเหมาะสม เป็นที่ต้อง ตาชาย หมายนิยม หวังเชยชม เนื้อทอง ด้วยผ่องพรรณ ฟังหน่อยเถิด ศรีสุดา นารีเอ๋ย ห้ามละเลย หลงเล่ห์ เสน่ห์หรรษ์ พึงหวงแหน ฐานะ พรหมจรรย์ ชีวิตนั้น รอก้าว อีกยาวไกล แม้นเสียกาย ง่ายดาย ชายจักหมิ่น เกิดมลทิน แก่ตัว มัวหมองไหม้ พลาดพลั้งแล้ว จะโกรธ โทษผู้ใด เหมือนดอกไม้ เหี่ยวเฉา เขาไม่แล ลูกผู้หญิง มั่นคง ทะนงศักดิ์ หากคิดรัก สักหน ยลแน่วแน่ จิตใจคน เรียนรู้ ดูถ่องแท้ คำสอนแม่ จำไว้ อย่าได้ลืม
3 ธันวาคม 2554 15:14 น. - comment id 1216922
แล้วสอนว่า อย่าไว้ ใจมนุษย์ มันแสนสุด ลึกล้ำ เหลือกำหนด ไง
3 ธันวาคม 2554 16:39 น. - comment id 1216937
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
4 ธันวาคม 2554 07:57 น. - comment id 1216979
แต่งได้ดีคะ สำนวนนี้ ถึงแม้ว่าจะว่า.. ก็ตาม แต่ก็คือเรื่องจริงคะ อย่าได้หลงเชื่อเชี่ยวนะคะ
4 ธันวาคม 2554 08:13 น. - comment id 1216984
หนึ่งตัว..กลั้วเกลือกไข่ในใบหนึ่ง เป็นผู้ซึ่งถึงชัยได้เกิดพร้อม คลอดร่างหลุดเป็นมนุษย์สุดถนอม ทุกอย่างหลอมรวมเห็นเป็นหนึ่งตัว ! คิดถึงแม่ แต่ไม่มีแล้วในวันนี้
4 ธันวาคม 2554 10:48 น. - comment id 1217010
หนูหทัย กลอนสองบรรทัดที่คุณกรุงศรีกับลุงต่ออีกสองบรรทัดนั้น เป็นกลอนของท่านครูกวีสุนทรภู่ครับ
4 ธันวาคม 2554 10:50 น. - comment id 1217011
เช่นเดียวกันครับคุณศรีสมภพ คุณแม่ผมท่นก็ไม่อยู่แล้วเช่นกันครับ
4 ธันวาคม 2554 11:17 น. - comment id 1217015
หนูทราบคะ ตอนอ่านรอบแรกแล้วแสดงความคิดเห็นอ่านแล้วตีความผิดไป ขอโทษด้วยคะ ตอนนี้เข้าใจแจ่มแจ้งคะคุณลุง
4 ธันวาคม 2554 12:26 น. - comment id 1217022
ระวังหน่อยนะหนู