อุษา นภาผ่อง รวีส่อง ครองเวหน สว่าง จ่างมณฑล ธราดล ยลไฉไล ผิวธาร ปานกระจก เขียวดังหยก ปกอำไพ เทือกภู คู่พงไพร นอนทอดกาย ก่ายสาคร ลมโบก โกรกชายเขา พัดความเศร้า เหงาจากจร รุ่งแจ้ง แสงศุภร มธุกร บินว่อนรัง ตื่นเถิด เกิดเป็นคน ปลุกกมล ดลความหวัง มานะ เติมพลัง งานคับคั่ง ยังรอคอย อย่าให้ อายนกกา รู้นำพา หาใช้สอย ชีวัน อันเคลื่อนคล้อย ย่อมลดน้อย ถอยตามวัย ยรรยง ทะนงสู้ ชิงก้าวสู่ ประตูชัย สติ เตือนวินัย หลอมฤทัย ใฝ่ความเพียร ทุกนาที หนีผ่านไป ดุจเปลวไฟ ไหม้ลามเทียน ขับเคลื่อน เหมือนกงเกวียน หมุนวนเวียน เปลี่ยนตามกาล อยู่ร้อยปี ใช่ดีล้น หากอับจน ไร้ผลงาน แก่เฒ่า แต่เขลาการ ไหนจะทาน ผู้ชาญชน ขันแข็ง แข่งเวลา ก้าวนำหน้า ภา สธน เลื่องชื่อ ลือสกล สร้างมรรคผล ต่อตนเอง
8 ตุลาคม 2554 08:49 น. - comment id 1210754
สังขารร่วงโรยไปตามกาลเวลา ถ้ามัวแต่ชักช้าจะหมดแรงเสียก่อน
8 ตุลาคม 2554 10:34 น. - comment id 1210767
ตอนมีแรงไม่ทำตอนไม่มีแรงจะนึกเสียใจ ไม่เชื่อไปถามคนแก่ดูได้
10 ตุลาคม 2554 00:18 น. - comment id 1210845
คงไม่ขัน คอไม่แข็ง คงหมดแรงหลังแข่งขัน โก่งคอแรงแข่งทั้งวัน ที่ไม่ขัน ..มันหมดแรง ยังตะแบงให้แข่งขัน ..จุ๊กกรู้ๆ