เวิ้งกลางนา เจิ่งนอง ดูหมองคล้ำ ด้วยธารล้ำ ราวสมุทร สุดแก้ไข รวงทองเอย เคยอวดลม ชมแกว่งไกว บัดนี้ใย ไม่เหลือเรียว แม้เสี้ยวรวง มีแต่น้ำ เหม็นเน่า เข้าแทนที่ โถมนที ทลายสิ้น แผ่นดินหวง น่าสงสาร ชาวนานัก จำหักทรวง ช่อเรียวรวง จมธารา น้ำตาริน เหตุใดหนอ เราเกิดมา ใต้ฟ้าหนึ่ง ไม่ถึงครึ่ง ต้องเอาใจ ใฝ่ถวิล ปล่อยทางน้ำ โถมนา บ่าไหลริน เสียงยลยิน เมืองในกรุง มุ่งสำคัญ หากไร้ธัญญาหาร ที่หว่านป้อน จะทุกข์ร้อน เพียงใด ในเขตขันณ์ หากไร้สิ้น ประชาชาญ ผู้หว่านพันธ์ จะอิ่มกัน อยู่ทุกมื้อ หรืออย่างไร คนบ้านนอก มิใช่คน หรือจนศักดิ์ จึงไร้หลัก คอยจูง พยุงให้ เศรษฐกิจ ในกรอบเมือง ที่เลื่องไกล มิใช่ใคร คือคนจน เฝ้าทนมา น่าสงสาร เกษตรกร ค่อนประเทศ ต้องไร้เกรด ไร้ความหวัง น่ากังขา มีบ้างไหม จะยิ่งไหญ่ ในพารา หว่านผืนนา ด้วยเรี่ยวแรง แห่งพลีง ลุกขึ้นเถิด ชาวนาเอย จงเงยหน้า ตราบใดฟ้า คู่ตะวัน อย่าหวั่นหวัง แม้แรงใจ ให้รันทด หมดกำลัง ศักดิ์ศรียังตระหง่านเด่น อยู่เช่นเดิม ทิพย์โนราห์ พันดาว
16 พฤศจิกายน 2553 05:14 น. - comment id 1169255
16 พฤศจิกายน 2553 08:11 น. - comment id 1169310
แวะมาเพิ่มกำลังให้เพื่อนๆชาวนาอีกแรงครับ
16 พฤศจิกายน 2553 18:24 น. - comment id 1169334
เป็นแรงใจ แต่คิดอีกมุมหนึ่งข้าวคงแพง น่าจะมีชาวนาที่ได้ประโยชน์บ้าง
16 พฤศจิกายน 2553 16:25 น. - comment id 1169377
น่าเศร้าใจจริงๆค่ะ
17 พฤศจิกายน 2553 15:29 น. - comment id 1169472
ขอปรบมือให้บทกลอนที่สวยงามครับ ขอให้เกษตรกรทุกท่าน ผ่านปัญหาต่างๆไปได้ครับ เป็นกำลังใจให้
18 พฤศจิกายน 2553 12:53 น. - comment id 1169551
แซม ชอบกลอนของคุณทิพย์มากๆ เลยนะคะ..ชอบทั้งเนื้อหา และความไพเราะ.. ขอบคุณที่เสนอผลงานดีๆ มาแบ่งปันนะคะ แซมค่ะ