กลับมาเยี่ยมเยือนถิ่นดินราบสูง ยังคละคลุ้งฝุ่นผงเป็นดงแล้ง ยังระริกเพลิงแดดคงแผดแรง ยังเหือดแห้งเหี่ยวเฉาทุกราวไพร หญ้ายังกรอบกอดดินอย่างสิ้นหวัง นกน้อยยังเกาะกิ่งแห้งหมดแรงไหว ลมร้อนโบกระรอกร้อนระรานไกว ร้อนพาร้อนหมดหวังได้ซึ่งไอเย็น จะร้อนดินร้อนแดดที่แผดเผา ที่คลุกเคล้าตอกย้ำความทุกข์เข็ญ ถิ่นกันดารคนหาญกล้าฝ่าลำเค็ญ ไม่หลบเร้นหลีกถิ่นดินเกิดกาย พ่อแม่ญาติลงหลักปักถิ่นฐาน นานแสนนานเนิ่นนักที่ปักหมาย กี่ผู้คนเกิดแก่จนเจ็บตาย กลางผืนทรายกลบหน้าอย่างท้าทน คราวจากบ้านครั้งนั้นเมื่อวันก่อน คำพ่อสอนฝังใจไม่สับสน เกิดที่ไหนอย่าทะนงหลงลืมตน ค่าของคนคือตอบแทนคุณแผ่นดิน ที่ราบสูงแล้งร้อนห่อนสะทก ดั่งกระจกสะท้อนเงาเคล้าไอกลิ่น ความร่มเย็นอบอุ่นกรุ่นจิตจินต์ มิเคยสิ้นไอรักจากผืนทราย.
25 มีนาคม 2552 15:39 น. - comment id 966982
สวัสดีค่ะ คุณบพิตร เพราะจังค่ะ มองเห็นภาพเลย ผืนดินถิ่นอีสานยามหน้าแล้ง ถึงจะดูแห้งแล้งแต่ก้ดูอบอุ่น มีมนต์ขลังแห่งวิถีชีวิต
25 มีนาคม 2552 17:05 น. - comment id 967044
สวัสดีค่ะ นี่คือความรักความผูกพันค่ะ กลอนมีความหมายสื่อความเป็นจริงดีจังค่ะ