...กาลครั้งหนึ่งซึ่งยังไม่นาน มีตำนานผ่านกานท์เป็นสื่อสอน ข้าพเจ้านึกกลั่นเป็นคำกลอน ได้มองย้อนอดีตเราเสี้ยววันวาน เช้าสายบ่ายเย็นยังเบี่ยงบ่าย ไม่เคลื่อนกายไหวกายมัวเกียจคร้าน คิดผลัดวันประกันพรุ่ง...กองการงาน จนหนักอาน...กว่าจะเสร็จเฮ็ดแทบตาย เข็ดแล้วเราไม่เอาไม่ทำแล้ว ส่งเสียงแว่วในใจจะเริ่มใหม่ เมื่อมีงานทำแต่ต้นไม่จนใจ จะได้ไม่ทุรนทุรายกลัวไม่ทัน จนวันนี้มีเวลาเหลือเพียงน้อย ใจละห้อยคอยฝันเริ่มหวาดหวั่น จึงพยายามเร่งสางงานทุกคืนวัน หวังให้ทันบรรลุฝันที่เฝ้ารอ นี่แหละคือ...บทเรียนของชีวิต จะพิชิตสิ่งใด...ขยันหนอ ลงมือทำแต่เนิ่นอย่ารีรอ จะได้ไม่น้ำตาคลอพ้อชะตา ยังไม่สายใช่ไหมถามใจตน สู้เถิดนะกมลทนหน่อยหนา สลัดทิ้งความเกียจคร้าน...ปาดน้ำตา แล้วพิจารณามองหาหนทางไป แม้นัยน์ตาจะพร่าด้วยหยดน้ำ มีครั่นคร้ามอยู่บ้าง...ยังสู้ไหว ขวากหนามนั้นเพียงนิดมิเกินใจ สู้เข้าไว้เพียงแค่...กล้าเผชิญ รางวัลชีวิตจะได้มาพึงประจักษ์ อุปสรรคมักมีให้ขัดเขิน อยู่ที่ตัวของเรากล้าก้าวเดิน และไม่มัวหลงเพลินจนหลงทาง หนึ่ง สอง สาม สูดหายใจเข้าเต็มปอด ไม่นั่งทอดอาลัยทิ้งความหวัง พยายามเดินหน้า...อย่าภวังค์ เมื่อถึงฝั่งดังฝัน...หายเหนื่อยเอย
29 มีนาคม 2551 22:49 น. - comment id 835585
เหมือนดินพอกหางหมูผู้ใหญ่บอก หากปล่อยพอกหนาแน่นเป็นปัญหา ถึงคราวจะสะสางช่างระอา นั่งเหนื่อยล้าอิดออดทอดอาลัย เหมือนกันเลยครับ นิสัยแบบนี้แก้ไม่หายสักที
29 มีนาคม 2551 22:56 น. - comment id 835588
ขอบคุณในความเหมือนที่ไม่แตกต่างค่ะคุณ กุ้งก้ามกราม
29 มีนาคม 2551 23:40 น. - comment id 835598
สวัสดียามดึกเช่นกันค่ะ ใช่ค่ะ เค้าเปรียบไว้ว่าเหมือนดิน พอกหางหมู แต่ก็คล้ายๆกันแหละ ค่ะ ถ้าไม่โดนบังคับไม่ค่อยจะทำ เหมือนกัน
30 มีนาคม 2551 00:01 น. - comment id 835606
ทำอะไรจ้ะ ผลัดได้ผลัดดี อิอิอิ
30 มีนาคม 2551 18:07 น. - comment id 835721
ใช่ค่ะคุณช่ออักษรา ถ้าไม่ถึงกำหนดก็กองงานไว้จนมากมาย กว่าจะสะสางเสร็จก็เล่นเอาเหนื่อยเลยค่ะ สวัสดีค่ะคุณกันนาเทวี แหะๆ ขออภัยค่ะ หนูเขียนผิด ผัดวันประกันพรุ่ง ค่ะ