...ขอบฟ้านภาหม่น เมฆครึ้มฝนคนร้องไห้ แสงดาวพราวอำไพ เร้นล่วงลับไม่กลับคืน รวดร้าวราวรันทด จึงหมาดหมดไม่สดชื่น ตอกย้ำยิ่งกล้ำกลืน ไร้ความหวังกำลังใจ บอบช้ำจึงร่ำร้อง ที่หมายปองต้องมอดไหม้ สุดฝืนทั้งอื่นใด เพียงความเหงาที่เรามี ความจริงทุกสิ่งสร้าง คงอ้างว้างเกินหน่ายหนี ฟ้าไกลไร้รพี แสงสว่างคงลางเลือน รอบตัวยังมืดมิด ปานชีวิตถูกเชือดเฉือน ความคิดยังบิดเบือน แม้ตัวตนยังหม่นมัว ร่ำร้องยังร่ำร้อง น้ำตานองจนท้นทั่ว ขยาดยังหวาดกลัว ยังอ่อนล้ายังอาลัย... ...ความฝันจากวันนี้ คงไม่มีที่สดใส หากห้วงทั้งดวงใจ ยังไม่กล้าท้าเผชิญ สุดฝันเกินบรรยาย เหมือนบั้นปลายยังห่างเหิน สองเท้าออกก้าวเดิน สองมือกวาดปาดน้ำตา ปลอบใจให้ตัวตน คนทั้งคนมีคุณค่า ชีวิตได้มันมา อย่าทอดทิ้งน่าเสียดาย ไปเถิดออกไปสู้ จะลองดูคงไม่สาย พักนอนให้ผ่อนคลาย ลืมความหลังยังระราน จำคราวที่มันเจ็บ แล้วจงเก็บมันให้นาน อดีตเมื่อก่อนกาล ให้เป็นเพื่อนเตือนใจตน ชีวิตเคยอ่อนล้า เวิ้งนภาเคยมืดหม่น พรุ่งนี้ฟ้าเบื้องบน ต้องสว่างกระจ่างไกล... ...ปลอบใจให้ตัวเรา ลืมเรื่องเก่าแล้วเอาใหม่ ชีวิตเป็นอย่างไร อนาคตกำหนดเอง...
23 สิงหาคม 2550 08:22 น. - comment id 742884
แวะมาอยู่เป็นเพื่อนและคอยปลอบใจค่ะ
23 สิงหาคม 2550 08:51 น. - comment id 742906
มานั่งเป็นเพื่อนคนเศร้า มาช่วยบรรเทาความหม่นหมอง มาช่วยซับน้ำตาที่ท่วมนอง มาร่วมร้องเพลงโศกากัน คงต้องปลอบใจตนเองและให้เวลาช่วยปลอบใจด้วยนะคะ
23 สิงหาคม 2550 16:46 น. - comment id 743110
ยอดเยี่ยมครับ อ่านได้กำลังใจขึ้นเยอะเลยครับ