ความแตกต่าง (ธรรมชาติแห่งพุทธะ) คลื่นความคิดของคนต่างสรรหา หวังได้มาความหวานผ่านความหมอง ตระกรายหมายไขว่คว้าหามาครอง ผิดทำนองครองธรรมต่างย่ำยี โปรดเหลียวมองยั้งจิตสะกิดไว้ สิ่งคว้าได้ใครอื่นอาจหมองศรี จงใคร่ครวญย้ำคิดพิศให้ดี ยึดตั้งมั่นภักดีไมตรีปรอง คลื่นความคิดจิตตรงคงตรองพิศ มาสกิดชิดธรรมกำจัดหมอง เดินสายกลางหวังวาดเปรมปรีดิ์จอง เป็นสิ่งดีครอบครองมายึดใจ คิดสิ่งดีทำดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักโอบเอื้อให้ผ่องใส ใช้ชีวิตงามล้ำพรมฤทัย การณ์ก้าวไกลได้ดีพลีตัวเรา จงคิดแล้วจะได้ไม่ต้องคิด เพราะไม่คิด เรื่องคิดจึงมีมากมาย จงคิดแล้วจะได้ไม่ต้องคิด ถ้าจะมองกันในระดับสติ ปัญญา ของสามัญสัตว์ คล้ายๆกับจะมีการนำเสนอถึงวิถีทาง แห่งการดำรงชีวิตที่ต้องผ่านขั้นตอนในการสะสาง ชำระล้าง และลงมือกระทำรวมทั้งจัดการกับกิจกรรมต่างๆ ที่รออยู่เบื้องหน้าของชีวิตทุกขณะจิตให้สำเร็จเสร็จสิ้น และผ่านพ้นไปอย่างไร้เรื่องราว ร่องรอย และไร้ปัญหา จนอาจลุถึง สภาวะแห่งความโล่งโปร่ง เบาสบายของการหมดภาระ ต่อกิจกรรมต่างๆ คงอย่างนี้ละมังจึงควรเรียกว่า จงคิด แล้ว จะได้ไม่ต้องคิด เพราะไม่คิดเรื่องคิดจึงมีมาก ปฏิเสธสิ่งที่ชังก็ไม่ได้ ยอมรับสิ่งที่ชอบก็คงไม่ใช่ แต่ที่แน่ๆ จะต้องคลุกคลีอยู่กับ ทั้งสิ่งที่ชอบและของที่ชัง อย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่หาประโยชน์จากสองสิ่งนั้นเล่า มีคำถามมากมายที่ค้นหาคำตอบ ทำไมมนุษย์ที่เกิดมาบนโลกใบนี้ ที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ ถึงต้องมีการแกร่งแย่งชิงดีกันด้วย ทำไมถึงไม่รู้จักพอกับสิ่งที่มีอยู่ ทำไมเห็นคนอื่นดีกว่า หรือ เหนือกว่า ทำสิ่งที่ดีกว่าต้องให้ร้าย ทำไมไม่คิดสร้างสิ่งนั้น ขึ้นมาบ้าง ทั้งๆที่ก็เป็นคนเหนือนกัน สามารถแบ่งปันจุนเจือ ช่วยเหลือกันได้ กับคำถามมากมายที่ไม่มีคำตอบ นี่เป็นการชี้แนะสภาพความเป็นจริงของชีวิตและโลก ที่มนุษย์ต้องดำรงอยู่ท่ามกลางสิ่งที่ตนเองเรียกขานว่าความดี และ ความเลว ความรักใคร่ และความเกลียดชัง ภารกิจของผู้ประเสริฐ จึงมิใช่อยู่ที่การเปลี่ยนดำให้เป็นขาวทั้งหมด หรือเปลี่ยนขาวให้เป็นดำทั้งหมด แต่อยู่ที่การรู้จักเลือกจังหวะ และโอกาสในการใช้ประโยชน์จากของสองสิ่งที่ตรงกันข้าม ด้วยการดำรงตนเป็นอิสระเหนือของสองสิ่ง ไม่เช่นนั้นแล้ว จะถูกดึงดูดและผลักดันโดยของสองสิ่งนั้นเอง การอยู่เหนือการยอมรับ และ ปฏิเสธ ย่อมบรรลุถึง ความหลุดพ้นจะสามารถเลือกใช้สรรพสิ่งที่ถูกเรียก ขานว่าเป็นสิ่ง ที่ดีและเลว ชอบและชัง ขาวและดำ ได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องตามจังหวะแห่งกาลเทศะที่ควรจะเป็น ผู้โพสต์เองก็ฝึกอย่างหนักกับสภาพเช่นนี้ เพราะก็มีจิตใจรู้ร้อนรู้หนาวเช่นกัน
1 กรกฎาคม 2550 10:37 น. - comment id 718171
.. เรนขอบคุณบัวนะคะ.... ขอบคุณสิ่งดีๆที่บัวนำมาให้เรนได้อ่าน.. ขอบคุณ..ใครคนนั้นที่บัวได้ใกล้ชิด.. เรนคิดถึง..นะคะ ..
2 กรกฎาคม 2550 15:11 น. - comment id 718696
งดงามมากครับ ผู้พยายามเท่านั้นครับที่จะพบสิ่งที่ปรารถนา
2 กรกฎาคม 2550 17:37 น. - comment id 718789
คิดดี พูดดี ทำดี ชีวิตย่อมจะมีความสุขเนาะ
2 กรกฎาคม 2550 20:34 น. - comment id 718877
เรนค่ะ บัวคิดถึงเรนมากมาย แต่บัวก็รู้ค่ะว่าเมื่อใดที่บัวท้อหรือ หมดกำลังใจ บัวเห็นเรนยิ้มให้บัวด้วยนะ บัวจำเรนได้ไม่ลืม และค้นหาเรนเจอ แต่บัวไม่บอกเรนหรอกค่ะว่าบัวเจอเรนที่ไหน อิ อิ อิ บัวมาเจอบ้านหลังนี้ก็เพราะเรน เรนทำให้บัวได้มารู้จักพี่ๆเพื่อนๆ ที่น่ารักมากมาย ขอบคุณค่ะเรน สวัสดีค่ะพี่ แทนคุณแทนไท บัวก็คิดแบบพี่แทนไทนั้นแหล่ะค่ะ สิ่งที่บัวปรารถนาอยู่ที่ตัวบัวเองค่ะ ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ พี่โคลอน ต้องขออนุญาตนะค่ะที่เรียกพี่ เพราะบัวมีความรู้สึกว่าพี่โคลอนมีปรัชญา ในความคิดที่ดีๆมาให้อ่านหลายๆอย่าง บัวเรยเคารพเหมือนพี่เหมือนครูค่ะ บัวคิดว่าตัวเราเองเป็นผู้ลิขิตชะตาของตัวเราค่ะ เพราะ บัวคิดว่าผลที่เราทำย่อมย้อนมาหาเราเสมอ เพราะฉนั้นตัวเราเองเป็นผู้ลิขิตชีวิตเราค่ะ เราทำดี ผลดีต้องตอบสนอง ฉนั้นเวลาเราไปทำบุญทุกครั้งพระท่านถึงให้เราอุทิศผลบุญให้กับพ่อแม่พี่น้องญาติๆที่ล่วงลับไปแล้วพร้อมทั้งเจ้ากรรมนายเวร เพื่อให้เขาเหล่านั้นได้ผ่อนปนผลกรรมที่เราทำกับเขาไว้เพื่อจะได้หลุดพ้นซึ่งกันและกันนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
3 กรกฎาคม 2550 13:54 น. - comment id 719203
แวะมาอ่านจ้ะ..น้องบัวมีคติดีๆเหมือนเดิมเลยจ้า... มาช้าไปหน่อย เครื่องคอมพ์เสียจ้ะ...